อาหาร เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้ในการดำรงชีวิต หลายคนจึงชอบที่จะตุนของไว้ในตู้เย็นจำนวนมากเมื่อมีโปรโมชั่นลดราคาหรือมีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 แต่นั่นแหละค่ะเมื่อซื้อของสดเหล่านี้มาแล้ว คุณจำเป็นต้องรู้ว่าของสดมักจะอยู่ได้ไม่นาน มันมีวันหมดอายุไม่ว่าจะเป็นไข่ นม ขนมปัง ผัก หรือเนื้อสัตว์ก็ล้วนแต่หมดอายุได้ ถึงแม้ว่าคุณจะเก็บของสดเหล่านี้ไว้ในตู้เย็นแต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าของเหล่านี้จะมีอายุเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้นค่ะ
วันนี้เราจะขอแนะนำเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า อาหารของคุณจะอยู่ได้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นเมื่อคุณรู้เคล็ดลับดี ๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องโยนอาหาร เช่น ไข่ นม หรือโยเกิร์ต ทิ้งทันทีที่ “หมดอายุ” หลายคนเชื่อกันว่าอาหารที่หมดอายุแล้วไม่ควรรับประทาน ใช่ค่ะ มันเป็นอย่างนั้น แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยยืดอายุ ทำให้อาหารของเราไม่เน่าเสียง่าย สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น ด้วยเคล็ดลับที่เราแนะนำไปคุณสามารถคาดหวังได้เลยว่าอาหารของคุณจะคงคุณภาพไว้ได้นานตราบเท่าที่ทำได้ หากพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
1. นม
ปกติแล้วเรามักจะเก็บขวดนมไว้ข้างประตูตู้เย็น เพราะว่ามันหยิบได้ง่าย สะดวกสุด ๆ และทำให้ขวดตั้งตรงเพื่อช่วยป้องกันการรั่วไหล แต่โปรดรู้ไว้ว่าชั้นวางของข้างประตูตู้เย็นของคุณอาจจะมีความร้อนมากกว่าบริเวณอื่นทำให้นมนั้นหมดอายุได้ง่าย สำหรับการเก็บนมเราควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 °C ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้นมของคุณอยู่ได้นานขึ้นให้เก็บไว้ในที่ที่เย็นกว่าข้างประตูตู้เย็น (1)
2. ขนมปัง
เมื่อซื้อขนมปังมาแล้วอย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าขนมปังของคุณได้ห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติกอย่างดี และควรเก็บไว้ในกล่องเก็บขนมปัง เราไม่ควรเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็นเพราะจะดูดซับความชื้นมากเกินไป และทำให้เชื้อราเติบโตได้เร็วขึ้น ถ้าหากคุณมีขนมปังที่เก็บไว้นานแล้ว จนเปื่อยหรือแห้งแข็ง แต่ยังไม่พบเชื้อรา และไม่มีกลิ่นแปลก ๆ คุณก็ยังสามารถรับประทานได้ แต่อาจไม่อร่อยเท่าขนมปังสด ทางเราขอแนะนำให้นำไปใส่ในเครื่องบดอาหารเพื่อแปรรูปเป็นเศษเล็กเศษน้อย จากนั้นให้ย้ายเศษขนมปังไปยังถุงพลาสติกที่ปิดผนึกได้เพื่อนำไปแช่แข็ง คุณสามารถนำเศษขนมปังนี้มาใช้ได้ในภายหลังเพื่อทำ เกล็ดขนมปัง ลูกชิ้น หรือใช้เป็นท็อปปิ้งกรุบกรอบสำหรับพาสต้าอบหรืออาหารอื่น ๆ ก็ได้
แต่หากคุณพบเห็นเชื้อราเพียงจุดเล็ก ๆ บนก้อนขนมปังของคุณ กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) แนะนำให้คุณทิ้งมันทั้งก้อน (2) และถ้าหากขนมปังมีเชื่อรา และมีกลิ่นแปลก ๆ มาเตะจมูกของคุณ คุณไม่ควรนำมาสูดดมเข้าไป เพราะสปอร์ของมันเป็นอันตรายต่อการสูดดม (3),(4)
3. ไข่
ตู้เย็นของเรามักจะมีช่องสำหรับไว้ใส่ไข่อยู่แล้ว แต่เราขอแนะนำให้คุณเก็บไข่ไว้ในกล่องเดิม มันจะช่วยให้ไข่ปลอดภัย ชะลอการสูญเสียความชื้น หยุดการดูดซับกลิ่นอาหารและจะเก็บไว้ได้นานมากขึ้น หากใช้วิธีนี้ไข่สดจะสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานประมาณ 1 เดือน
เคล็ดลับการใช้ไข่ที่เก็บไว้นาน : เมื่อไข่เก็บไว้ในตู้เย็นนานแล้ว อย่าลืมตรวจสอบว่าไข่ของคุณยังมีคุณภาพดีพอที่จะกินได้ โดยใส่ไข่ลงไปในชามน้ำขนาดเล็ก หากไข่จมหรือตะแคงได้หมายความว่าไข่ยังทานได้อยู่ แต่ถ้าไข่ลอยน้ำได้คุณควรทิ้งมันไปเพราะปกติแล้วไข่ที่เก่าแล้วหรือเสียคุณภาพมักจะลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ซึ่งหากทานเข้าไปอาจจะทำให้ท้องเสียหรือรบกวนทางเดินอาหารได้
4. แป้ง
เทแป้งของคุณออกจากถุงและเก็บไว้ในภาชนะขนาดใหญ่ที่มีฝาปิดสนิท เพื่อให้การหยิบมาใช้ทำอาหารนั้นง่ายขึ้น ซึ่งการเก็บรักษาคุณควรใช้ภาชนะที่มีฝาเกลียว หรือภาชนะที่มีฝาปิดได้สนิท เพราะวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มอดหรือสัตว์ที่น่ารังเกียจเข้าไปกัดกินแป้งของคุณ หากคุณไม่มั่นใจและกลัวว่ามอดจะเข้าไปได้ แนะนำให้ใส่ใบกระวานลงไปในแป้งเพื่อไล่มอด
5. เนยและชีส
ถ้าตู้เย็นของคุณมีช่องสำหรับใส่เนยและชีสให้ใช้มันในการเก็บชีส ช่องนั้นอาจจะอุ่นกว่าช่องตู้เย็นธรรมดาเล็กน้อยเล็กน้อยเพื่อให้เนยของคุณกระจายตัวได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามหากเป้าหมายของคุณคือต้องการให้เนยหรือชีสของคุณอยู่ได้นานที่สุดให้เก็บไว้ในช่องฟรีซของตู้เย็นในภาชนะที่มีอากาศถ่ายเท (1)
สำหรับชีสให้แน่ใจว่าได้ห่ออย่างดี เราขอแนะนำให้ใช้ไขผึ้งห่ออาหารหรือที่เรียกว่าแร็ปขี้ผึ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชีสสัมผัสกับอากาศและป้องกันไม่ให้ชีสแตก เพราะปกติแล้วชีสชนิดแข็งมักจะมีเชื้อราหากจัดเก็บได้ไม่ดี แต่หากสังเกตเห็นเชื้อราให้รีบตัดส่วนที่เป็นเชื้อราออกเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อรากัดกินส่วนที่เหลือ แนะนำให้ตัดออกไปอย่างน้อย 1-2 ซม. เพราะบางครั้งเชื้อราอาจขยายออกไปได้ไกลกว่าจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน
5. เนื้อสัตว์และอาหารทะเล
เนื้อสัตว์ จะเก็บไว้ได้นานขึ้นและอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นหากเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 0 °C นี่เป็นอุณหภูมิที่เย็นกว่าในช่องหลักของตู้เย็นดังนั้นควรเก็บไว้ในอุณหภูมินี้หากตู้เย็นสามารถจัดการหรือปรับตั้งค่าอุณหภูมิได้ ปกติแล้วตู้เย็นแบบแยกอุณหภูมิได้มักจะออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอุณหภูมิที่เย็นกว่าและแยกอาหารออกจากการกันในแต่ละส่วนเพื่อช่วยป้องกันการปนเปื้อนของแบคทีเรียและกลิ่นต่างๆ
หากคุณไม่มีตู้เย็นแบบนี้ให้เลือกเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในที่ส่วนที่เย็นที่สุดในตู้เย็นของคุณ คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าอยู่ตรงไหนด้วยเทอร์โมมิเตอร์ แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นบริเวณด้านหลังซึ่งไม่ไวต่อการวอร์มอัพเมื่อประตูเปิด
เราสามารถแช่แข็งไก่ หมู และเนื้อสับ ได้นานแค่ไหน?
วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่เสียเนื้อสัตว์ไปอย่างสูญเปล่าคือการนำไปแช่ในช่องแช่แข็ง หากคุณจะไม่ใช้ภายใน 2-3 วันให้ห่อด้วยพลาสติกอย่างดี ปิดให้แน่นและแช่แข็ง เพื่อรักษารสชาติและเนื้อสัมผัสของมัน และคุณสามารถแช่แข็งเนื้อสับได้นานถึง 2-3 เดือน ซึ่งก็ยังปลอดภัยที่จะรับประทาน แต่หากแช่แข็งนานถึง 6 เดือน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้วคุณควรปรุงและรับประทานทันที
7. กล้วย
ปกติกล้วยมักจะสุกและดำเร็วมาก วิธีที่ดีที่สุดในการยืดอายุกล้วยของคุณคือเราต้องซื้อกล้วยตอนที่มันยังเป็นสีเขียวอยู่และอย่าลืมแยกมันออกจากผลไม้อื่น ๆ โดยการวางไว้ในชามผลไม้พร้อมกับผลไม้อื่น ๆ เพราะวิธีนี้จะช่วยเร่งกระบวนการสุกให้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นให้แยกกล้วยแต่ละอันออกจากกันแล้วห่อมันด้วยพลาสติกซึ่งวิธีนี้จะช่วยหยุดการปล่อยก๊าซที่ทำให้กล้วยสุก
วิธีการแช่แข็งกล้วย
หากกล้วยของคุณเริ่มเป็นสีดำให้แช่เย็นหรือปอกเปลือกแล้วสับเป็นชิ้น ๆ จากนั้นให้นำไปใส่ในถุงพลาสติกหรือภาชนะอื่น ๆ เพื่อแช่แข็ง หากคุณมีกล้วยจำนวนมากให้แช่แข็งก่อนบนถาด จากนั้นให้ย้ายไปยังถุงหรือภาชนะบรรจุ (เพื่อไม่ให้กล้วยติดกันและแข็งตัวเกินไป)
คุณสามารถใส่ผลกล้วยแช่แข็งลงในสมูทตี้หรือปั่นแบบทั่วไปเพื่อทำราดบนขนมปังกล้วย แพนเค้กหรือมัฟฟิน นอกจากนี้คุณยังสามารถลองทำกล้วยฉาบจากกล้วยที่เริ่มสุกงอมแล้วก็ได้เช่นกัน
8. มะเขือเทศ
มะเขือเทศ มักจะเสียรสชาติเมื่อวางไว้ในตู้เย็น เราแนะนำให้เก็บมะเขือเทศไว้ในชามผลไม้หรือบนขอบประตูตู้เย็น อย่างไรก็ตามเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะอยู่ได้นานที่สุด คุณควรแยกมะเขือเทศออกจากผลไม้อื่น ๆ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล และลูกแพร์ เนื่องจากมะเขือเทศจะไวต่อเอทิลีน (ก๊าซที่เร่งการสุก) และอย่าลืมใช้ประโยชน์สูงสุดจากมะเขือเทศที่เหลือของคุณ
วิธีย่างมะเขือเทศ
หากคุณต้องการให้แน่ใจว่าคุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากมะเขือเทศที่คุณซื้อมาและพวกมันใกล้จะเสีย คุณสามารถย่างมะเขือเทศเพื่อสร้างซอสพาสต้าแสนอร่อย วิธีทำก็ง่ายมากเพียงฝานแล้วเกลี่ยบนถาดอบจากนั้นหยดน้ำมันมะกอกและใส่กระเทียมปอกเปลือก คุณยังสามารถเพิ่มสมุนไพรที่คุณมี เช่น โรสแมรี่ ไธม์ หรือใบโหระพา แนะนำให้ย่างที่อุณหภูมิ 180 °C ประมาณ 15-20 นาทีสำหรับมะเขือเทศเชอร์รี่ หรือประมาณ 45 นาทีสำหรับมะเขือเทศขนาดใหญ่
9. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลของคุณจะอยู่ได้นานขึ้นหากคุณเก็บไว้ในตู้เย็น การวางแอปเปิ้ลไว้ในถุงพลาสติกในตู้เย็นจะช่วยรักษาความชื้นและป้องกันการเหี่ยวของแอปเปิ้ล หากคุณชอบกินแอปเปิ้ลในอุณหภูมิห้องให้ย้ายจากตู้เย็นไปใส่ที่ชามผลไม้ วิธีนี้จะทำให้แอปเปิ้ลไม่เย็นและทานได้ง่ายขึ้น แต่หากคุณซื้อแอปเปิ้ลมากเกินไปและต้องการใช้ให้หมดก่อนที่จะเน่าเสียนี่คือแนวคิดง่าย ๆ เพื่อช่วยให้การถนอมอาหารง่ายขึ้น
- ทำน้ำสลัด : หั่นหรือสับแอปเปิ้ลให้ละเอียดแล้วใส่ลงในสลัดเพื่อทานกับแซนวิชหรือเบอร์เกอร์ วิธีทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่ผสมกับกะหล่ำปลีหั่นฝอย แครอท ต้นหอม มายองเนสและน้ำมะนาวก็ใช้เป็นสเปรดสำหรับแซนวิซแบะน้ำสลัดได้แล้ว
- ทำแอปเปิ้ลตุ๋น : สับแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงในกระทะ เทน้ำตาลและน้ำมะนาวเล็กน้อยแล้วตามด้วยน้ำ นำไปต้มและเคี่ยวประมาณ 10-15 นาทีจนแอปเปิ้ลสุกหรือเละ ผสมกันจนเนียนแล้วเสิร์ฟพร้อมกราโนล่าหรือไอศกรีมก็ได้ หากใช้วิธีนี้มันจะสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 2-3 วัน
- ใช้เป็นท็อปปิ้งหรือไส้ : นำแอปเปิ้ลไปอบเพื่อให้สำหรับทำไส้พายแอปเปิ้ลหรือแอปเปิ้ลครัมเบิล
อ้างอิง
(1) How long can you keep dairy products like yogurt, milk, and cheese in the refrigerator?
(4) Rare Opportunistic Bread Mold Fungal Infection of Maxillary Sinus in a Diabetic Patient