พัดลมไอเย็น ยี่ห้อไหนดี? – ช่วยคลายร้อน และประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์บ้าน

พัดลมไอเย็น ที่ดีที่สุด
พัดลมไอเย็น ที่ดีที่สุด

เมืองไทยของเราเป็นเมืองร้อน ถึงแม้จะไม่อยู่ในช่วงฤดูร้อนก็ร้อนมากและแน่นอนว่ายิ่งเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนก็ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าร้อนแบบหูดับ ตับไหม้กันเลยทีเดียว นอกจากจะอาบน้ำเพื่อบรรเทาความร้อนแล้ว เรายังสามารถใช้ “พัดลมไอเย็น” เพื่อคลายร้อนได้

พัดลมไอเย็นเป็นเครื่องปรับอากาศประเภทหนึ่งที่ใช้การระเหยในการทำงาน ตัวพัดลมภายในเครื่องจะดึงอากาศร้อนและแห้งเข้ามาทางช่องที่เปียกภายในพัดลม ตัวอากาศร้อนจะทำให้ชั้นบนสุดของความชื้นอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำระเหยและทำให้อุณหภูมิภายในเครื่องทำความเย็นลดลงได้ถึง 20 องศา อากาศที่เย็นและชื้นนี้จะถูกขับออกจากตัวเครื่องโดยพัดลมตัวเดียวกันที่ดึงอากาศร้อนและแห้งเข้ามา เพื่อสร้างกระแสลมอย่างต่อเนื่องผ่านแผ่นดักจับภายในเครื่องและกระจายไปยังพื้นที่

พัดลมไอเย็นไม่ได้ใช้พลังงานมากเท่ากับเครื่องปรับอากาศทั่วไป เนื่องจากใช้เพียงไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวพัดลมเท่านั้น (ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ ความแตกต่างของเครื่องปรับอากาศและพัดลมไอเย็น) ส่วนน้ำสำหรับใช้งานกับตัวเครื่องนั้นมาจากถังภายในซึ่งจำเป็นต้องเติมเมื่อระดับน้ำต่ำเกินไป น้ำที่เติมเข้าไปนี้จะทำให้อากาศเย็นลงอย่างเหมาะสม หากคุณคิดว่ากำลังต้องการซื้อพัดลมไอเย็น

วันนี้เราจะแนะนำวิธีเลือกซื้อพัดลมไอเย็นให้กับคุณ เพราะการใช้พัดลมไอเย็นเพื่อเพิ่มความเย็นภายในบ้านเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ชาญฉลาดและประหยัดเงินได้เป็นอย่างดี

ซื้อ พัดลมไอเย็น ยี่ห้อไหนดี ปี 2564

[summary item=”3900,3894,3897,3902,3905″]

ความแตกต่างของเครื่องปรับอากาศและพัดลมไอเย็น

ปัจจัยที่สำคัญ พัดลมไอเย็น เครื่องปรับอากาศ
การควบคุมอุณหภูมิ ไม่สามารถเลือกอุณหภูมิได้ การทำความเย็นจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิแวดล้อมและความชื้นสัมพัทธ์ เครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่มีตัวควบคุมอุณหภูมิที่ตั้งโปรแกรมได้ สามารถเลือกอุณหภูมิที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
สภาพภูมิอากาศ ทำงานได้ดีที่สุดในสภาพอากาศร้อนและมีความชื้นต่ำ ทำงานได้ดีในทุกสภาพอากาศ
ประเภทของการปรับอากาศ พัดลมไอเย็นจะทำให้พื้นที่มีความเย็นลงและเพิ่มความชื้น ช่วยเพิ่มความเย็นและลดความชื้น
การใช้พลังงาน ประหยัดพลังงานได้ถึง 75% เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศทั่วไป ค่อนข้างใช้พลังงานไฟฟ้าสูง
ราคา ราคาไม่แพงและถูกกว่าเครื่องปรับอากาศ ราคาแพงไปหน่อย
การซ่อมบำรุง ต้องเติมน้ำในถังทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง ไม่ต้องการการบำรุงรักษาใด ๆ เพียงแค่เปลี่ยน/ล้างตัวกรองนาน ๆ ครั้ง
ผลของการระบายความร้อน สามารถทำให้ห้องเย็นลงได้แต่ไม่เหมือนแอร์ เพราะไม่ทำให้รู้สึกหนาว สามารถทำให้ห้องเย็นลงได้ในอุณหภูมิที่ต่ำมาก
การติดตั้ง ติดตั้งง่ายเพราะไม่ต้องมีการระบายอากาศ ติดตั้งยาก
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารทำความเย็นและกินไฟน้อยกว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ประเภทของพัดลมไอเย็น

  1. Portable Coolers (พัดลมไอเย็นแบบพกพา) พัดลมไอเย็นประเภทนี้เป็นประเภททั่วไปของพัดลมไอเย็น พัดลมไอเย็นแบบพกพานี้จะทำให้ห้องทั้งห้องเย็นและสามารถพกพาได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ว่าคุณจะเคลื่อนย้ายไปไหน
  2. Window Coolers (พัดลมไอเย็นแบบติดหน้าต่าง) พัดลมไอเย็นแบบนี้คล้ายกับ windows ACs (ตัวระบายความร้อน) แต่ใช้ระบบทำความเย็นแบบระเหยแทนคอมเพรสเซอร์ พัดลมไอเย็นแบบติดหน้าต่างนี้จะให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีขึ้นโดยมีเสียงรบกวนน้อยลง
  3. Personal Coolers (พัดลมไอเย็นแบบส่วนตัว) พัดลมไอเย็นขนาดเล็กแบบพกพานี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้พื้นที่เย็นลงอย่างรวดเร็ว พัดลมไอเย็นประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้กับโต๊ะกาแฟ โต๊ะทำงานหรือข้างเตียง เพื่อให้ตัวคุณเองได้พักผ่อนอย่างสบาย
  4. Outdoor Coolers (พัดลมไอเย็นแบบกลางแจ้ง) พัดลมไอเย็นแบบนี้ทำงานคล้ายกับพัดลมไอเย็นแบบในร่ม แต่มีขนาดใหญ่กว่า ตัวเครื่องมีมอเตอร์อันทรงพลังและมีพัดลมขนาดใหญ่ มีความแข็งแรงทนทานและสามารถทนต่อองค์ประกอบต่าง ๆ ได้ดี พัดลมไอเย็นแบบนี้จะเป่าลมเย็นไปทั่วบริเวณที่กว้างขึ้น บางรุ่นมีการเชื่อมต่อท่อน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คุณเติมน้ำในถังเก็บน้ำบ่อย ๆ
  5. Industrial Coolers (พัดลมไอเย็นแบบอุตสาหกรรม) พัดลมไอเย็นแบบอุตสาหกรรมนี้เป็นพัดลมขนาดใหญ่ที่ใช้ในการเป่าอากาศเย็นออกมาจำนวนมากในคราวเดียว พัดลมไอเย็นประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับใช้ในพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ เช่น คลังสินค้า เวิร์กช็อป โรงรถหรือพื้นโรงงาน  เป็นต้น

[product_table item=”3900,3894,3897,3902,3905″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อพัดลมไอเย็น

มีหลายปัจจัยที่คุณควรพิจารณาเมื่อซื้อพัดลมไอเย็น ด้านล่างนี้เราได้ระบุปัจจัยสำคัญทั้งหมด ซึ่งคุณต้องตรวจสอบและแยกความแตกต่างระหว่างรุ่นต่าง ๆ เพื่อเลือกพัดลมไอเย็นที่มีความเหมาะสมตามความต้องการของคุณค่ะ

1. พื้นที่ทำความเย็น (CFM)

ขนาดของพื้นที่ทำความเย็นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อพัดลมไอเย็น สิ่งนี้จะบอกให้คุณรู้ว่าพัดลมไอเย็นสามารถทำให้ห้องเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ สำหรับในข้อนี้คุณจะต้องตรวจสอบ CFM ของพัดลมไอเย็น CFM นั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับขนาด AC ใน BTU ของเครื่องปรับอากาศค่ะ แต่สำหรับพัดลมไอเย็นจะมีหน่วยเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (CFM) สิ่งนี้จะอธิบายปริมาณอากาศในกระบวนการทำความเย็นโดยเฉพาะ สำหรับประเทศไทยคุณสามารถเช็กจำนวนตารางเมตรของตัวเครื่องได้ว่าสามารถทำความเย็นได้ไกลแค่ไหนค่ะ

2. ความจุถังเก็บน้ำ

เราเชื่อว่าคุณคงเบื่อกับการเติมน้ำในถังเก็บน้ำบ่อย ๆ ดังนั้นแล้วควรเลือกใช้พัดลมไอเย็นที่มีความจุของแทงก์น้ำที่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น ความจุของแทงก์น้ำอย่างน้อย 90 ลิตรจะเพียงพอที่จะทำให้อากาศเย็นประมาณ 10 – 17 ชม. ในขณะที่แทงก์น้ำขนาดกลางที่จุน้ำประมาณ 40 ลิตรจะมีอายุการใช้งาน 5-7 ชั่วโมง และสุดท้ายคือความจุของแทงก์น้ำประมาณ 4 – 20 ลิตรจะสามารถใช้งานได้ประมาณ 1 – 4 ชั่วโมงค่ะ พัดลมไอเย็นที่ใช้ในกลางแจ้งหลายรุ่นอาจจะมีตัวต่อสายยางที่สามารถเติมน้ำได้ง่าย ๆ แทนการเติมน้ำด้วยตนเอง ในขณะที่พัดลมไอเย็นรุ่นที่ใช้ในร่มคุณต้องเติมน้ำด้วยตัวเองค่ะและส่วนใหญ่จะไม่มีตัวต่อสายยางค่ะ

3. แผ่นทำความเย็น

โดยทั่วไปแล้วแผ่นทำความเย็นจะเปียกในน้ำเย็น ซึ่งช่วยให้ดูดซับความร้อนจากอากาศได้ง่ายและทำให้เกิดลมเย็น มีแผ่นทำความเย็น 2 ประเภทในท้องตลาดคือแผ่นทำความเย็นรังผึ้งและแผ่นทำความเย็นแบบแอสเพนหรือผ้าขนสัตว์ ต่อไปเราไปทำความรู้จักกับแผ่นเจลทั้งสองให้มากขึ้นค่ะ

  • แผ่นทำความเย็นรังผึ้ง แผ่นทำความเย็นแบบนี้มีความหนาแน่นสูงแผ่นระบายความร้อนนี้จะทำจากเซลลูโลสซึ่งมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง แผ่นทำความเย็นรังผึ้งให้ความเย็นมากกว่าแผ่นทำความเย็นประเภทอื่น อีกทั้งยังมีความทนทานและมีประสิทธิภาพสูง ข้อเสียเปรียบเพียงอย่างเดียวของแผ่นทำความเย็นรังผึ้งนี้คือมีราคาแพง
  • แผ่นทำความเย็นแบบแอสเพน แผ่นทำความเย็นแบบแอสเพนนั้นให้การระบายความร้อนได้น้อยกว่าแผ่นทำความเย็นแบบรังผึ้ง แผ่นทำความเย็นแบบแอสเพนมีราคาไม่แพง คงทนและหาซื้อได้ง่าย แต่ข้อเสียก็คือคุณต้องเปลี่ยนแผ่นทำความเย็นเหล่านี้บ่อย ๆ ค่ะ

4. การพกพาและระดับเดซิเบลของตัวเครื่อง

พัดลมไอเย็นที่ง่ายต่อการพกพาถือเป็นเครื่องทำความเย็นที่ดีที่สุด เพราะพัดลมไอเย็นแบบนี้มักจะมาพร้อมกับล้อและมีน้ำหนักเบามาก แน่นอนว่าพัดลมไอเย็นนี้มีความแข็งแรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับการใช้งานคนเดียวค่ะ ในเรื่องของระดับเดซิเบลก็มีความสำคัญมากเช่นกันค่ะ หากคุณใช้พัดลมไอเย็นกลางแจ้งเรื่องของเสียงรบกวนเป็นเรื่องที่ไม่ได้สำคัญนัก แต่หากคุณใช้พัดลมไอเย็นในอาคารหรือในบ้านควรพิจารณาระดับเสียง (dBA) สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าพัดลมไอเย็นของคุณจะส่งเสียงดังแค่ไหนขณะทำงานและต้องรู้ว่ามันรบกวนการนอนหลับของคุณหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นจะมีเสียงประมาณ 70dBA และตู้เย็นมักจะมีเสียงอยู่ที่ 50dBA ค่ะ ดังนั้นในการเลือกซื้อพัดลมไอเย็นให้เลือกซื้อเครื่องที่มีเสียงรบกวนน้อยที่สุดและต้องน้อยกว่า 60dBA ค่ะ

5. ระดับความชื้น

พัดลมไอเย็นสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศและสามารถใช้ได้ในพื้นที่ที่ร้อนและแห้ง หากใช้พัดลมไอเย็นในบริเวณที่มีความชื้น มันจะเพิ่มระดับความชื้นที่เกินระดับความปลอดภัย สามารถส่งผลให้เกิดการพัฒนาของเชื้อราในบ้านของคุณ เราขอแนะนำให้ใช้พัดลมไอเย็นในพื้นที่ที่มีความชื้นน้อยกว่า 60% เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราค่ะ

6. คุณสมบัติอื่น ๆ

ต่อไปนี้เป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมบางประการที่จะช่วยในการทำงานอันชาญฉลาดของพัดลมไอเย็นค่ะ โดยแนะนำให้เลือกคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด

  • การควบคุมความเร็ว หากพัดลมไอเย็นของคุณมีการควบคุมความเร็วจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการไหลของอากาศและความเร็วของพัดลมได้ตามความต้องการของคุณ (ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง) โดยทั่วไปแล้วพัดลมไอเย็นมักจะมี 3 ระดับความเร็วให้เราได้เลือกคือต่ำกลางและสูง เราขอแนะนำให้ตั้งระดับความเร็วตามความต้องการเพื่อให้ตัวเองเย็นสบาย
  • การควบคุมระยะไกล การควบคุมระยะไกลเป็นคุณสมบัติสำคัญและต้องมีเมื่อซื้อพัดลมไอเย็น เพราะคุณจะสามารถควบคุมความเย็นได้จากระยะไกล พัดลมไอเย็นแบบนี้มักจะมาพร้อมกับรีโมตโดยคุณสามารถกดใช้พัดลมไอเย็นจากที่ไหนก็ได้ภายในบ้านหรือภายในขอบเขตที่ตัวเครื่องกำหนด
  • การกรองอากาศ การเลือกพัดลมไอเย็นที่มีการกรองอากาศเพิ่มเติมจะช่วยป้องกันอนุภาคของสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสรหรือฝุ่นในขณะที่ทำให้พื้นที่ของคุณเย็นลงไปในตัว อีกทั้งพัดลมไอเย็นบางรุ่นยังมีตัวกรองถ่านกัมมันต์สำหรับการกรองกลิ่นและมีโหมดกำจัดยุงด้วย ทำให้คุณประหยัดเงินในการซื้อเครื่องดักยุงไฟฟ้า
  • ล้อและสายเติมน้ำ พัดลมไอเย็นที่มีล้อ 4 ล้อจะทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะในพื้นที่ในร่มหรือกลางแจ้งก็สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวก อีกทั้งสายเติมน้ำก็เป็นสิ่งจำเป็นเพราะมันไม่สนุกที่จะเติมถังน้ำในทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเติมน้ำในถังเก็บน้ำ ให้มองหาพัดลมไอเย็นที่มีตัวต่อสายยาง เพราะอุปกรณ์เสริมนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อท่อน้ำเพื่อให้มีการจ่ายน้ำคงที่ได้
  • ระบบสวิง คุณลักษณะนี้ในพัดลมไอเย็นจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าอากาศจะพัดผ่านในทุกทิศทางของห้อง ปกติแล้วพัดลมไอเย็นจะหมุนทำมุมอยู่ที่ 40 °, 70 °หรือ 120° เมื่อระดับสวิงเพิ่มขึ้น ระยะการปล่อยลมก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ในการเลือกระบบสวิงลมที่เหมาะสม คุณต้องพิจารณาขนาดห้องของคุณ ยิ่งพื้นที่มีขนาดใหญ่เท่าไหร่ระดับการสวิงก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
  • ฟังก์ชันจับเวลา ด้วยฟังก์ชันตัวจับเวลานี้จะทำให้คุณสามารถตั้งโปรแกรมตัวทำความเย็นสำหรับการทำงานอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลาที่กำหนดพัดลมไอเย็นจะปิดโดยอัตโนมัติ ปกติแล้วพัดลมไอเย็นจะนำเสนอฟังก์ชันจับเวลาสูงสุด 15 ชั่วโมง  1 ชั่วโมง / 2 ชั่วโมง / 3 ชั่วโมงและ 4 ชั่วโมงซึ่งค่อนข้างสะดวกในการใช้งาน แต่แน่นอนว่าพัดลมไอเย็นแบบนี้จะมีราคาแพงกว่าพัดลมทั่วไป
  • ตัวบ่งชี้ระดับน้ำ ตัวบ่งชี้ระดับน้ำนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ในพัดลมไอเย็นมีอยู่แค่ไหน หากน้ำถึงระดับต่ำสุด ตัวบ่งชี้นี้จะแจ้งให้คุณทราบด้วยเสียงเตือนและจะตัดไฟเมื่อไม่มีน้ำ ดังนั้นตัวบ่งชี้ระดับน้ำนี้จะช่วยไม่ให้พัดลมไอเย็นได้รับความเสียหายใด ๆ ที่อาจจะมาจากน้ำในถังลดน้อยลงหรือไม่มีเลย

พัดลมไอเย็นทำงานอย่างไร? 

พัดลมไอเย็นสามารถดึงความร้อนออกมาในปริมาณที่เหมาะสม ในระหว่างกระบวนการที่ทำให้ของเหลวกลายเป็นไอ จะทำให้อุณหภูมิของอากาศที่แห้งลดลงได้ พัดลมไอเย็นจะมีกลไกที่คล้ายกันในร่างกายของเรา ด้วยเหตุนี้เมื่ออากาศร้อนเหงื่อของเราจะไหลออกมาซึ่งเหงื่อจะช่วยให้ร่างกายเย็นลงเช่นเดียวกับพัดลมไอเย็น พัดลมไอเย็นเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างเรียบง่ายเพราะมันมีภาชนะใส่น้ำในตัวซึ่งสามารถเติมน้ำได้ด้วยขวดน้ำหรือเติมน้ำจากก๊อกโดยตรงได้ นอกจากนี้พัดลมไอเย็นก็ยังมีแผ่นทำความเย็นและพัดลมในตัว พัดลมสามารถเพิ่มพลังให้กระบวนการระเหยและปล่อยลมเย็นออกมา ทำให้อากาศถูกดึงผ่านแผ่นอิเล็กโทรด การระเหยเป็นผลมาจากการสัมผัสระหว่างอากาศกับน้ำ ซึ่งจะทำให้พัดลมไอเย็นกระจายลมเย็นในพื้นที่ที่ต้องการ ผลจากการใช้พัดลมไอเย็นจะทำให้อากาศบริสุทธิ์และให้คุณภาพอากาศที่สะอาดมาก เนื่องจากมีตัวกรองอากาศ เมื่อรวมกับความชื้นเล็กน้อยที่เกิดจากการใช้ระบบทำความเย็นแบบระเหยจะช่วยขจัดแบคทีเรียและชะลอการแพร่กระจายของไวรัสในอากาศได้