เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี – เพื่ออากาศที่บริสุทธิ์

เครื่องฟอกอากาศ ที่ดีที่สุด
เครื่องฟอกอากาศ ที่ดีที่สุด

“เครื่องฟอกอากาศ” เป็นอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่จะช่วยกรองหรือขจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาระดับมลพิษทางอากาศค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้หลายคนมีปัญหาทางด้านการหายใจ ด้วยเหตุนี้ยอดขายเครื่องฟอกอากาศจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก เครื่องฟอกอากาศมีประโยชน์สำหรับทุก ๆ เลยค่ะโดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ อีกทั้งตัวเครื่องก็จะทำงานได้ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีอากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจด้วย การมีเครื่องฟอกอากาศในบ้านจะสร้างความแตกต่างให้กับบ้านของคุณมากกว่าที่คุณคิด อุปกรณ์เหล่านี้สามารถกรองสิ่งสกปรกในอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ ละอองเกสร ฝุ่น ไวรัสและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง

การมีมลพิษที่กล่าวมานี้จะทำให้คุณหายใจลำบากและมีสุขภาพทางเดินหายใจที่ไม่ดี ตามที่เราได้บอกไว้ว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นเหมาะสำหรับทุกคนแต่มันก็เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มากที่สุด เพราะเครื่องฟอกอากาศจะช่วยจัดการกับละอองเกสรดอกไม้และขนของสัตว์เลี้ยงได้ดี อีกทั้งยังสามารถช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น การจาม การไอและการระคายเคืองจากการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศได้เป็นอย่างดี

หากวันนี้คุณกำลังจะซื้อเครื่องฟอกอากาศก็ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะเราได้เลือกเครื่องฟอกอากาศยอดนิยมทั้งหมด 7 เครื่อง มาแนะนำกัน ในการรีวิวของเราคุณจะได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการออกแบบ ข้อมูลจำเพาะและคุณสมบัติพิเศษ วิธีนี้จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าเครื่องฟอกอากาศตัวใดที่เหมาะกับบ้านของคุณมากที่สุด

ซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ปี 2564

[summary item=”4364,4366,4368,4370,4375,4377,4373″]

เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร ทำไมต้องซื้อ?

เครื่องฟอกอากาศทำงานแบบง่าย ๆ โดยภายในตัวเครื่องมี 2 สิ่งที่สำคัญก็คือตัวกรองและพัดลม ด้วยการทำงานของพัดลมเครื่องฟอกอากาศจะนำอากาศที่ปนเปื้อนภายในห้องออกมาและส่งผ่านตัวกรอง ในระหว่างกระบวนการกรองอากาศนี้ ฝุ่นละอองและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะติดอยู่ในตัวกรองและปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับเข้าไปในห้อง ขอบอกเลยว่ายิ่งตัวกรองอากาศมีคุณภาพสูงมากขึ้นเท่าไหร่อากาศก็จะยิ่งสะอาดมากขึ้นเท่านั้น แต่เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นไม่มีตัวกรองทางกายภาพและใช้เทคโนโลยีอย่าง เช่น การแตกตัวเป็นไอออน การตกตะกอนด้วยไฟฟ้าและหลอด UV กระบวนการเหล่านี้อาจไม่ทำให้คุณได้รับอากาศที่สะอาดเท่ากับการใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรองทางกายภาพ ดังนั้นในตอนที่ซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองทางกายภาพเสมอ

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศ? เพราะไม่เห็นว่าจะจำเป็นตรงไหน แต่เราขอบอกเลยว่าอุปกรณ์นี้จำเป็นมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะในทุก ๆ พื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่มักจะเต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศ ซึ่งมลพิษทางอากาศนั้นสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาด้านสุขภาพต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ โรคหอบหืด ปัญหาทางการหายใจ ปวดศีรษะ ระคายเคืองคอและอาจจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งปอดได้ หลายคนอาจจะคิดว่ามลภาวะทางอากาศที่มาจากการอุตสาหกรรมและการเดินทางในอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า แต่เราขอบอกเลยว่าความจริงแล้วมลภาวะในอากาศภายในอาคารถือเป็นความเสี่ยงด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดเพราะในบ้านของเรามักจะเต็มไปด้วยมลภาวะหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ควัน ละอองเกสร สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง จุลินทรีย์และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฯลฯ ซึ่งปัญหาทางอากาศเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะส่งผลเสียต่อการหายใจได้ ถึงแม้ว่าคุณจะเปิดเครื่องปรับอากาศ ดูดฝุ่นหรือกวาดขยะจนทั่วแล้วก็ไม่สามารถขจัดปัญหานี้ได้ ดังนั้นหากคุณต้องการวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็วก็คือการซื้อและติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่บ้านนั่นเอง

[product_table item=”4364,4366,4368,4370,4375,4377,4373″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ

1. แผ่นกรอง HEPA

ในเครื่องฟอกอากาศไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีแผ่นกรอง HEPA ค่ะ HEPA ย่อมาจาก High-Efficiency Particulate Air filter ซึ่งแผ่นกรองนี้สามารถกำจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ 99.97% ซึ่งหมายความว่าเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA สามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย ฝุ่น สิ่งสกปรกและไวรัสบางชนิดออกจากอากาศได้ ตัวกรอง HEPA มีหลายเกรด ตั้งแต่ H11 ถึง H14 ยิ่งจำนวน H สูงเท่าไหร่อัตราการกักเก็บมลพิษก็จะยิ่งสูงขึ้น แต่ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ HEPA ในบ้านส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับแผ่นกรอง HEPA เกรด H13 แต่อย่างไรก็ตามแผ่นกรอง HEPA ไม่สามารถขจัดก๊าซที่เป็นอันตรายและกลิ่นเหม็นได้ หากคุณต้องการขจัดสิ่งไม่พึงประสงค์เพิ่มเติม คุณจำเป็นต้องใช้แผ่นกรองถ่านกัมมันต์ร่วมกับแผ่นกรอง HEPA ตัวกรองถ่านกัมมันต์สามารถกำจัดเบนซีน คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) และซัลเฟอร์ออกไซด์ (SOX) ออกจากอากาศได้ นอกจากนี้แผ่นกรองเหล่านี้ยังสามารถช่วยในการขจัดมลพิษทางอากาศที่มีขนาดใหญ่ เช่น สะเก็ดผิวหนัง เส้นผมของมนุษย์ ขนของสัตว์เลี้ยงและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างได้

2. หลีกเลี่ยงเครื่องฟอกอากาศระบบโอโซน

เครื่องฟอกอากาศที่ใช้โอโซนใช้เครื่องกำเนิดโอโซนเพื่อปล่อยก๊าซโอโซนสู่อากาศเพื่อจัดการกับแบคทีเรียและไวรัส อย่างไรก็ตามระบบนี้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เนื่องจากโอโซนเป็นอันตรายต่อดวงตาและปอด เครื่องสร้างประจุไอออนในอากาศจะชาร์จอนุภาคในอากาศ ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียและไวรัสเกาะติดกับผนังในบ้านของคุณ หมายความว่าจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายเหล่านั้นไม่ได้ถูกกำจัดออกจากบ้านของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณอยู่ห่างจากเครื่องฟอกอากาศที่ใช้โอโซนหรือไอออไนซ์เพื่อให้ปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น

3. CADR (อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์)

ในขณะที่คุณกำลังซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณอาจจะเห็นค่า CADR ที่บ่งบอกไว้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า CADR ย่อมาจากอะไรหรือหมายถึงอะไร เราขอบอกเลยว่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate และหมายถึงปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศสามารถจ่ายออกมาได้ด้วยความเร็วพัดลมสูงสุด หากเครื่องฟอกอากาศที่คุณซื้อมีค่า CADR ที่สูงขึ้นก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถฟอกอากาศได้เร็วขึ้น ปกติแล้ว CADR มีหน่วยวัดเป็น CMH (ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง) หรือ CFM (ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที)

4. การครอบคลุมพื้นที่

เครื่องฟอกอากาศทุกยี่ห้อมักจะบอกถึงการครอบคลุมพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ ตัวอย่างเช่น หากเครื่องฟอกอากาศบอกว่าครอบคลุมพื้นที่ คือ 30 ตารางเมตรจะสามารถทำความสะอาดอากาศภายในพื้นที่ 30 ตารางเมตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งพื้นที่ครอบคลุมสูงเท่าไหร่ประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามเครื่องฟอกอากาศที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกันเพราะเปลืองไฟและราคาตัวเครื่องก็แพงนั่นเอง สำหรับบ้านส่วนใหญ่เครื่องฟอกอากาศที่มีพื้นที่ครอบคลุม 30 – 40 ตารางเมตรก็เพียงพอแล้ว ส่วนในห้องนอนให้เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีพื้นที่ครอบคลุม 20 -25 ตารางเมตรค่ะ

5. เครื่องฟอกอากาศทั่วไป VS เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของเครื่องฟอกอากาศทั่วไปคือครอบคลุมทุกห้องในบ้านของคุณ ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศแบบพกพารองรับเฉพาะพื้นที่ที่คุณวางตัวเครื่องไว้ท่านั้น แต่ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาก็คือคุณสามารถนำเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาติดตัวไปในสถานที่อื่นได้ น้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายสะดวก แต่ถ้าให้เราแนะนำเราขอให้คุณใช้เครื่องฟอกอากาศแบบทั่วไปภายในบ้านและใช้เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาในตอนที่ขับรถหรือตอนทำงานแบบส่วนตัวค่ะ แต่ก่อนจะซื้อโปรดจำไว้ว่าเครื่องฟอกอากาศแบบพกพามีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามากขึ้นเนื่องจากต้องเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเป็นประจำ

6. ระดับเสียง

เมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสิ่งที่คุณต้องพิจารณาไม่ใช่แค่เรื่องเพียงประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาด้วยว่าคุณจะสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ เพราะหากเครื่องฟอกอากาศที่คุณซื้อมีเสียงที่ดังมากเกินไปมันจะรบกวนการใช้ชีวิตของคุณทั้งการนอนหลับและการทำงาน ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศจะต้องทำงานอยู่เสมอ ดังนั้นเสียงที่ออกมาจากเครื่องฟอกอากาศควรจะเงียบ ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศที่ดีจะต้องมีเสียงรบกวนน้อยกว่า 50 เดซิเบลซึ่งมีความดังเท่ากับตู้เย็นและในความดังเพียงแค่นี้จะไม่รบกวนการนอนหลับของคุณอย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศคุณจะต้องพิจารณาถึงจำนวนเดซิเบลเสมอ