เครื่องชงกาแฟสด ยี่ห้อไหนดี? – หอมฟุ้ง เข้มข้น ได้รสชาติของกาแฟแท้ ๆ

เครื่องชงกาแฟสด ที่ดีที่สุด
เครื่องชงกาแฟสด ที่ดีที่สุด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กาแฟ ถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยวัยทำงาน เนื่องจากกาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ดื่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามากยิ่งขึ้น และมีการศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า การบริโภคกาแฟอาจช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้อีกด้วย (1) สำหรับคนที่เป็นคอกาแฟคงทราบกันดีกันอยู่แล้วว่า กลิ่นของกาแฟที่ชงสดใหม่ในตอนเช้านั้น หอมมากเพียงใด ซึ่งกลิ่นหอมของกาแฟนั้น เกิดจากการนำเมล็ดกาแฟที่บดละเอียดด้วยเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ผสมกับน้ำร้อนในอุณหภูมิที่เหมาะสม เมื่อผสมเรียบร้อยแล้วจะทำให้คุณได้รับเครื่องดื่มที่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าคุณยังดื่มกาแฟสำเร็จรูปอยู่เราขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดมาก เพราะกลิ่นของกาแฟสำเร็จรูปนั้นสู้กลิ่นของกาแฟสดไม่ได้เลย ดังนั้นเราขอแนะนำ “เครื่องชงกาแฟสด” อุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณสามารถชงกาแฟได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเครื่องชงกาแฟบางยี่ห้อเป็นเครื่องชงกาแฟที่ครบเครื่องมาก เพราะสามารถคั่ว บด และกรองกากกาแฟได้ในตัวซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับกาแฟสดที่แสนจะเข้มข้นได้ง่าย ๆ ค่ะ

หากวันนี้คุณกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟสด เพื่อชงกาแฟหอม ๆ ในตอนเช้า เราก็มีสินค้าและคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกซื้อกาแฟสดมาฝากกันค่ะ

ซื้อ เครื่องชงกาแฟสด ยี่ห้อไหนดีและเหมาะกับคุณ

[summary item=”4691,4693,4695,4697,4699,4701,4704″]

ทำไมต้องซื้อเครื่องชงกาแฟสด ?

ถึงแม้ว่ากาแฟจะหาซื้อได้ง่ายมากและทุกที่ที่คุณไปก็ต้องมีกาแฟให้ดื่มอย่างแน่นอน แต่กาแฟที่ซื้อจากร้านกาแฟก็มีราคาสูงมาก ในสมัยนี้กาแฟแก้วหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 50 บาทแล้ว และถ้าหากคุณอยากได้ความพิเศษ ด้วยการดื่มกาแฟลาเต้วิปครีมเข้ม ๆ คุณก็จะต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 70 บาท แต่ถ้าคุณมีเครื่องชงกาแฟสดอยู่ที่บ้านของคุณ คุณไม่จำเป็นจ่ายเงินทุกวันอีกต่อไปค่ะ นอกจากนี้คุณยังสามารถชงกาแฟได้ทุกวันตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ช่วงไหนก็สามารถทานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ต่อไปนี้เป็นเหตุผลเพิ่มเติมว่า ทำไมคุณต้องซื้อเครื่องชงกาแฟสด ?

  • ประหยัดเงินด้วยการดื่มกาแฟรสเลิศที่บ้าน : ถ้าหากคุณพบว่าตัวเองไปร้านกาแฟอย่าง Starbucks แทบทุกวัน เนื่องจากกาแฟร้านนี้มีรสชาติดี เข้มข้น และมีกลิ่นหอม เครื่องชงกาแฟจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้นค่ะ ซึ่งใน Starbucks กาแฟ 1 แก้ว ราคาไม่ต่ำกว่า 100 บาท หากคุณซื้อกาแฟทุกวัน วันละ 1 แก้ว เดือน ๆ นึงเป็นเงินเท่าไหร่ แน่นอนว่าคุณแทบไม่อยากจะคำนวณเลย ซึ่งเราขอบอกเลยว่าถ้าหากคุณนำเงินจำนวนนั้นมาซื้อเครื่องชงกาแฟ มันสามารถทำให้คุณได้ดื่มกาแฟที่มีรสชาติดี เข้มข้น และมีกลิ่นหอมอยู่ แต่ไม่ต้องจ่ายวันละ 100 บาท แล้ว
  • ทำกาแฟรสชาติที่คุณชอบได้อย่างง่ายดาย หากคุณมีเครื่องชงกาแฟอยู่ที่บ้านของคุณ คุณจะสามารถปรุงแต่งรสชาติของกาแฟได้ตามที่คุณต้องการค่ะ ปกติแล้วเมื่อคุณซื้อกาแฟนอกบ้านรสชาติของกาแฟ มักจะเป็นรสชาติ มาตรฐาน และเป็นไปตามสูตรทั่วไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหารสชาติที่คุณโปรดปราน ดังนั้นหากคุณต้องการกาแฟที่สมบูรณ์แบบ การชงกาแฟด้วยตัวเองคือทางเลือกที่ดีที่สุด
  • คุณสามารถลองทานเมล็ดกาแฟได้หลากหลายประเภท หากคุณมีเครื่องชงกาแฟ คุณสามารถเลือกเมล็ดกาแฟสำหรับการชงกาแฟด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการเมล็ดกาแฟจากประเทศไหน บราซิล อินเดีย โคลัมเบีย หรือกัมพูชาคุณก็สามารถเลือกซื้อได้ หากคุณมีเครื่องชงกาแฟคุณจะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่เมล็ดกาแฟมาตรฐานอย่างแน่นอน หากคุณชอบทานกาแฟหลากหลายประเภทการมีเครื่องชงกาแฟเป็นของตัวเองจะทำให้คุณมีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟที่แตกต่างกัน
  • ช่วยยกระดับบ้านของคุณ เครื่องชงกาแฟที่ดีจะเป็นหัวใจของบ้านและห้องครัวของคุณ เครื่องชงกาแฟสมัยใหม่ส่วนใหญ่ดูโฉบเฉี่ยวและมีสไตล์ มันจะเพิ่มความมีสไตล์ให้กับบ้านของคุณ เครื่องชงกาแฟจะเป็นอุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับบ้านของคุณ เพราะคุณสามารถชงกาแฟให้กับแขกของคุณได้ทุกเมื่อ ดังนั้นถ้าคุณชอบบรรยากาศ ของร้านกาแฟ คุณต้องซื้อเครื่องชงกาแฟไว้ใช้ที่บ้านค่ะ

[product_table item=”4691,4693,4695,4697,4699,4701,4704″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ

1. ประเภทเครื่องชงกาแฟ

ปัจจุบันมีเครื่องชงกาแฟหลายประเภทในตลาดให้คุณเลือกซื้อ ซึ่งการเลือกประเภทของเครื่องชงกาแฟนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของกาแฟที่คุณดื่มค่ะ ปกติแล้วคุณชอบดื่มกาแฟประเภทไหน ? เอสเปรสโซ ลาเต้ หรือคาปูชิโน่ ? ถ้าหากคุณตอบคำถามนี้ได้ มันจะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟได้ง่ายขึ้นค่ะ แต่ถ้าหากคุณอยากได้คำแนะนำจากเรา เราขอแนะนำเลยว่าถ้าคุณเป็นคนที่คลั่งไคล้กาแฟคุณต้องซื้อเครื่องชงกาแฟกึ่งอัตโนมัติ เนื่องจากจะทำให้คุณมีอิสระในการชงกาแฟ และจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการชงกาแฟได้เกือบทุกขึ้นตอน แต่ถ้าหากคุณอยากประหยัดเวลา และไม่ต้องการยุ่งยาก คุณก็อาจจะซื้อเครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติได้ เพราะมันจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาไปได้มาก คุณสามารถสั่งให้เครื่องทำงานไป ส่วนตัวคุณไปอาบน้ำรอก็ได้ค่ะ เพราะตัวเครื่องสามารถทำงานแบบอัตโนมัติ

2. ความทนทาน

เครื่องชงกาแฟ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีความทนทานมาก ปัญหาทั่วไปของเครื่องเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างที่ทำจากพลาสติกที่ผ่านการเคลือบ ซึ่งวัสดุนี้จะเสื่อมสภาพหลังจากใช้งานไป 1 ปี หากคุณต้องการอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน และยังคงทนอยู่แม้ใช้งานเป็นประจำ คุณสามารถซื้อเครื่องชงกาแฟที่มีตัวบอดี้ทำจากสเตนเลสสตีล ปลอดสนิมได้ นอกเหนือจากนี้คุณต้องซื้อเครื่องชงกาแฟที่มาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และมีรีวิวที่ดีเสมอ เพราะถ้าหากคุณต้องการเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องชงกาแฟ คุณจะสามารถหาซื้อได้ง่าย

3. ขนาดของเครื่องชงกาแฟ

ก่อนซื้อเครื่องชงกาแฟคุณควรมีพื้นที่มากพอสำหรับใช้จัดวางเครื่องชงกาแฟ เพราะคุณอาจต้องใช้เครื่องชงกาแฟเครื่องเดิมไปนาน ๆ และมันต้องวางอยู่ที่เดิม ๆ เสมอ ซึ่งปกติแล้วเรามักจะวางเครื่องชงกาแฟไว้ในพื้นที่ที่ใกล้กับที่รับประทานอาหารหรือในห้องครัว ดังนั้นก่อนการซื้อคุณต้องคำนึงถึงพื้นที่เคาน์เตอร์ รวมทั้งคุณต้องพิจารณาน้ำหนักรวมทั้งความสูง และก่อนจะซื้อต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าได้หาพื้นที่วางไว้ใกล้เต้ารับไฟฟ้า เพื่อจะให้ชงกาแฟได้ง่ายตลอดเวลาค่ะ

4. ทำความสะอาดง่าย

เรื่องของการทำความสะอาดเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ดังนั้นให้ลองนึกภาพที่คุณทำกาแฟหกบนเครื่องชงกาแฟ จากนั้นต้องนำเครื่องทั้งหมดไปล้างออก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากค่ะ ดังนั้นเมื่อซื้อเครื่องชงกาแฟให้มองหาเครื่องชงกาแฟที่มาพร้อมกับ ถาดรองน้ำหยด ที่ถอดออกได้ ซึ่งอุปกรณ์นี้เป็นส่วนที่วางถ้วย สามารถดึงและถอดออกได้ ในการทำความสะอาด คุณสามารถถอดถาดรองน้ำหยดนี้ออกและนำไปล้างที่อ่างล้างจาน ต่อมาก็ใส่กลับเข้าไปใหม่เพื่อความสะอาด และถูกหลักสุขอนามัย  นอกจากนี้ในปัจจุบันเครื่องชงกาแฟจำนวนมากได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีป้องกันน้ำหก ซึ่งช่วยป้องกันการหกเลอะได้ดีนอกจากนี้ถาดรองน้ำหยดบางส่วนยังสามารถถอดออกเพื่อให้พอดีกับถ้วยขนาดใหญ่หรือเหยือกที่กว้างขึ้นได้

5. ความจุของน้ำ

ในการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟ คุณต้องดูที่ความจุของเครื่องชงกาแฟด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณกาแฟที่คุณต้องการดื่มในแต่ละวันด้วย ความจุของเครื่องชงกาแฟคือ ปริมาณของการจัดเก็บน้ำ ซึ่งในการเลือกซื้อคุณสามารถดูความจุของน้ำ และจำนวนถ้วยที่เครื่องทำกาแฟสามารถทำได้ในครั้งเดียว หากคุณทานกาแฟเพียงถ้วยเดียว เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าอยากทานกาแฟสดให้เลือกความจุน้อย ๆ ก็พอ  ปกติแล้วเครื่องชงกาแฟสดนั้น สามารถชงกาแฟได้มากถึง 12 ถ้วยต่อครั้ง เมื่อซื้อให้คำนึงถึงจุดนี้ด้วย เพราะเมื่อคุณทราบถึงความจุของเครื่องชงกาแฟแล้ว คุณจะสามารถกะปริมาณในการชงกาแฟในแต่ละครั้งได้ค่ะ

6. ความถี่และการใช้งาน

เพื่อให้ได้กาแฟที่สมบูรณ์แบบ คุณต้องลงทุนกับเครื่องชงกาแฟที่ให้แรงดันน้ำอย่างน้อย 15 บาร์เสมอ เพราะแรงดันนี้เองที่จะทำให้กาแฟมีรสชาติอร่อยและกลมกล่อม ปกติแล้วเครื่องชงกาแฟจำนวนมากมักจะมาพร้อมกับก้านไอน้ำ และชิ้นส่วนอื่น ๆ ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง หากคุณไม่ได้ถนัดในการควบคุมด้วยตนเอง คุณจะต้องลงทุนไปกับเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าคุณอยากควบคุมการทำงานเอง เราขอแนะนำให้เลือกซื้อเครื่องชงกาแฟกึ่งอัตโนมัติแทน

7. คุณสมบัติพิเศษ

เราเชื่อเหลือเกินกว่า ทุกคนชอบเครื่องชงกาแฟที่ทำงานได้อย่างหลากหลาย เพราะคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสะดวกมากยิ่งขึ้น และนี่คือคุณสมบัติบางอย่างที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นค่ะ

  • ระบบจับเวลาที่ตั้งโปรแกรมได้ : ซึ่งจะบอกคุณเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด อย่างแม่นยำ คุณจึงไม่จำเป็นต้องยืนรอขณะชงกาแฟ
  • ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ : จะเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ชอบการทำความสะอาด
  • ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ : จะเหมาะมากหากคุณเป็นคนประเภทที่ลืมปิดเครื่องอยู่เสมอ คุณลักษณะนี้จะช่วยคุณประหยัดพลังงานได้มาก

8. ตัวกรองกาแฟ

ตัวกรองกาแฟมักจะมีอยู่ 3 ประเภท ในตลาด ก็คือ ตัวกรองกระดาษ ตัวกรองโลหะ และตัวกรองน้ำ ถ้าคุณชอบกาแฟเข้ม ๆ  ที่กรองกระดาษ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ เพราะมันจะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ แต่ถ้าคุณชอบกาแฟดำเข้มข้น คุณควรเลือกที่กรองโลหะ ข้อเสียเพียงเล็กน้อยของตัวกรองเหล่านี้คือ ต้องบำรุงรักษา และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพดีที่สุดค่ะ


อ้างอิง 

(1) Coffee and health