เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี – สำหรับทำอาหารในคอนโด หอพัก

เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ดีที่สุด
เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ดีที่สุด

“เตาแม่เหล็กไฟฟ้า” เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่สะดวกมากหากคุณชอบทำอาหาร ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อครัว แม่ครัวหรือนักศึกษาที่อยู่หอพักก็สามารถใช้ประโยชน์จากเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ การใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันความยุ่งเหยิงจากงานครัวได้ แต่ยังสามารถใช้งานง่ายและเข้ากับชุดเครื่องครัวที่หลากหลายอีกด้วย

เตาแม่เหล็กไฟฟ้านั้นแตกต่างจากเตาไฟฟ้าทั่วไปเพราะตัวเครื่องจะไม่ใช้คอยล์กระจายความร้อนเพื่อให้ความร้อนและแตกต่างจากเตาแบบแก๊สตรงที่ไม่ต้องใช้แก๊สและเปลวไฟ โดยแต่ละเตาจะใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อนำความร้อนให้กับเครื่องครัว ไม่ว่าจะเป็น หม้อ หรือกระทะ เพื่อให้สามารถสร้างอาหารมื้ออร่อยให้กับคุณได้ ซึ่งข้อดีของเตาแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทนี้คือความร้อนจะถูกถ่ายเทโดยตรงไปยังเครื่องครัวและจะหยุดทำงานทันทีเมื่อคุณนำหม้อหรือกระทะออก ที่สำคัญยังทำความสะอาดง่ายกว่าเตาแก๊สทั่วไปมาก ๆ

การใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะสะดวก ไม่ว่าคุณจะทำอาหารประเภทไหนหรือที่ไหน เพียงแค่มีไฟฟ้าตัวเครื่องก็สามารถทำงานได้แล้วล่ะค่ะ (ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ วิธีใช้งานเตาแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างถูกวิธี) แน่นอนว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากเพราะมักจะใช้ในร้านชาบูและบุฟเฟต์ ดังนั้นการเลือกเตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่เหมาะสมอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่วันนี้เราจะช่วยคุณด้วยการแนะนำเตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดีที่สุดกันค่ะ

ซื้อ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ปี 2564

[summary item=”4012,4008,4006,4010,4017,4014″]

เตาแม่เหล็กไฟฟ้า คืออะไร และแตกต่างจากเตาประเภทอื่นอย่างไร?

ความแตกต่างระหว่างเตาแม่เหล็กไฟฟ้ากับเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊ส คือ วิธีที่พวกเขาใช้ในการทำให้เครื่องครัวร้อนขึ้น ดังต่อไปนี้

  • เตาแก๊ส จำเป็นต้องใช้ก๊าซหุงต้มจะต้องจุดไฟเพื่อทำให้อาหารของคุณร้อน
  • เตาไฟฟ้า จะสร้างความร้อนผ่านขดลวดโลหะภายใต้พื้นผิวเซรามิก
  • เตาแม่เหล็กไฟฟ้า จะทำงานซับซ้อนกว่าอุปกรณ์ประเภทอื่นเพราะเตาจะให้ความร้อนระหว่างหม้อกับแม่เหล็กและจะส่งความร้อนผ่านขดลวดทองแดงใต้พื้นผิวโดยตรงไปยังเครื่องครัวที่คุณใช้ ซึ่งหมายความว่าความร้อนที่ออกมานั้นจะไม่อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการให้ความร้อนที่เหนือชั้นนี้เป็นผลมาจากการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากสนามแม่เหล็ก ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่เหมือนกับการใช้ไฟฟ้าทั่วไป ข้อดีของเตาแม่เหล็กไฟฟ้าคือใช้งานได้ปลอดภัยกว่าเตาประเภทอื่นมาก เนื่องจากความร้อนที่ตกค้างจะไม่เกาะอยู่บนตัวทำความร้อนเมื่อคุณนำกระทะหรือเครื่องครัวออกมา เตาแบบนี้จึงเหมาะสำหรับครอบครัวมากกว่าและในการทำความสะอาดเตาแม่เหล็กไฟฟ้าก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน เนื่องจากคุณสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ทันที มันจะไม่มีคราบหรือสิ่งสกปรกเหลืออยู่ แต่นอกจากข้อดีแล้วแน่นอนว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าก็มีข้อเสียเช่นกันเพราะคุณไม่สามารถใช้เครื่องครัวที่ทำจากทองแดงหรืออะลูมิเนียมร่วมกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ นอกจากนี้คุณต้องใช้เครื่องครัวแบบก้นแบนสำหรับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น

ประเภทของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า

1. เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบองค์ประกอบเดียว (แบบเตาเดี่ยว)

คือ เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ ซึ่งมีโซนการทำอาหารแบบเดี่ยว โดยคุณสามารถวางไว้ในครัวหรือใช้ร่วมกับเครื่องครัวอื่น ๆ ได้ แต่เนื่องจากมีโซนทำอาหารเพียงโซนเดียว คุณจึงไม่สามารถใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทนี้ทำอาหารหลายจานพร้อมกันได้ โดยทั่วไปแล้วเตาแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทนี้จะใช้กำลังไฟสูงสุดอยู่ที่ 1,800 วัตต์ ซึ่งแน่นอนว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดนี้จะมีราคาที่ประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบองค์ประกอบเดียวนี้จะมีประโยชน์มากสำหรับครอบครัวขนาดเล็กค่ะ

2. เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบหลายองค์ประกอบ (มีมากกว่า 1 เตา)

เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบหลายองค์ประกอบนั้นมักจะมีโซนการทำอาหารหลายโซน ซึ่งคุณสามารถปรุงอาหารหลายจานพร้อมกันได้ โดยปกติแล้วเตาแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทนี้จะใช้กำลังไฟสูงสุดอยู่ที่ 3,600 วัตต์ ซึ่งกำลังไฟที่สูงนี้ก็ทำให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบนี้ค่อนข้างแพงและพกพาได้ยากเพราะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งมากขึ้น เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจึงเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่

3. เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อิน

เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อินมีให้เลือกหลายขนาดและดูหรูหรามาก หากคุณกำลังวางแผนเพื่อจัดแต่งห้องครัว เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อินก็เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบ เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อินนี้มีหลายเตาให้เราได้เลือกได้ใช้งานสามารถอำนวยความสะดวกได้ดียิ่งขึ้น แต่ข้อเสียก็คือเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบนี้มีราคาสูงมากแต่เนื่องจากต้องติดตั้งไว้ภายในคุณจึงไม่สามารถถอดหรือพกพาไปไหนมาไหนได้ หากคุณซื้อเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบนี้คุณจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาติดตั้งเท่านั้นค่ะ

[product_table item=”4012,4008,4006,4010,4017,4014″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ

1. ประเภทและการดีไซน์ของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า

เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามีทั้งแบบพกพาและแบบบิวท์อิน การเลือกเตาแม่เหล็กไฟฟ้าให้ตรงกับความต้องการนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณวางแผนจะใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใด เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพกพานั้นจะสามารถถอดปลั๊กและเก็บไว้ในตู้ได้ ซึ่งก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กอื่น ๆ ทำให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้า แบบนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครัวเรือนที่ต้องการประหยัดพื้นที่ แต่เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อินมักจะออกแบบมาให้พอดีกับเคาน์เตอร์ในครัว ซึ่งเตาจะถูกฝังไว้ภายในเลยจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แน่นอนว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าประเภทนี้จะมีราคาแพงกว่าเพราะทำอาหารได้อย่างหลากหลายมากกว่าค่ะ

2. จำนวนหัวเตา

เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามักจะมีหัวเตาตั้งแต่ 1 – 6 หัวตามรูปแบบที่เราได้เลือก ซึ่งปกติแล้วเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพกพาจะมีเพียง 1 หรือ 2 หัวเตาเท่านั้น ในขณะที่เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อินจะมีมากกว่า 4 – 5 หัวเตา เมื่อซื้อของคุณควรพิจารณาสิ่งที่คุณต้องการทำอาหารบนเตาและประเภทของเครื่องครัวที่คุณมี แม้ว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะต้องใช้กับเครื่องครัวที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีแม่เหล็กเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้เครื่องครัวที่ออกแบบมาให้เข้ากับเตาแม่เหล็กก็มีมากมาย เตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีหัวเตา 4 หรือ 5 หัวจะทำให้คุณมีพื้นที่สำหรับทำอาหารมากขึ้นเหมาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการทำอาหารที่หลากหลาย

3. ระดับพลังไฟฟ้า (วัตต์)

ปริมาณพลังงานที่เตาแม่เหล็กไฟฟ้าของคุณมีจะส่งผลต่อประสบการณ์การทำอาหารของคุณ เตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีกำลังไฟมากกว่าจะช่วยให้คุณสามารถต้มน้ำในหม้อหรือย่างเนื้อได้อย่างรวดเร็ว กำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีหน่วยวัดเป็นวัตต์ และหากเตาแม่เหล็กไฟฟ้าของคุณมีหัวเตาหลายหัว เตาเหล่านั้นอาจมีกำลังไฟที่สูงขึ้นตามจำนวนหัวเตาที่มี ดังนั้นคุณจึงสามารถทำอาหารหลายอย่างพร้อมกันได้ หัวเตาของเตาแม่เหล็กไฟฟ้ามักจะกำลังไฟตั้งแต่ 1,300 ถึง 5,400 วัตต์และโดยทั่วไปแล้วคุณสามารถกำหนดระดับพลังงานได้เหมือนกับที่คุณกำหนดความแรงของเปลวไฟในรุ่นที่ใช้แก๊ส

4. คุณสมบัติพิเศษของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 

  • หัวเตาแบบใช้งานพร้อมกัน เตาแม่เหล็กไฟฟ้าบางรุ่นมีหัวเตาที่สามารถเชื่อมประสานกันได้และทำงานร่วมกันได้ โดยพื้นฐานแล้วเตาเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างพื้นที่ทำอาหารที่กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วคุณลักษณะนี้จะพบได้ในเตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นอัจฉริยะหรือระดับไฮเอนด์รวมไปถึงเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบบิวท์อิน เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบนี้มีประโยชน์มากเพราะคุณสามารถอุ่นเครื่องเคียงและเตรียมอาหารมื้อใหญ่ เช่น พาสต้ากับลูกชิ้น ได้พร้อม ๆ กัน
  • คู่มือการทำอาหารและควบคุมอุณหภูมิ เตาแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดีจะต้องมีคำแนะนำในการประกอบอาหาร ซึ่งคำแนะนำนี้จะทำให้สามารถปรับการตั้งค่าการใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ฟังก์ชันการทำอาหารและเวลาที่จะต้องใช้ ซึ่งคู่มือนี้จะช่วยในการอ่านขนาดและรูปร่างกระทะของคุณได้ง่ายๆ และสามารถปรับความร้อนในขณะที่คุณทอด ผัด หรือทำซุปได้ หากต้องการลองใช้คุณสมบัตินี้ให้เลือกซื้อเตาแม่เหล็กไฟฟ้าคุณภาพสูง ขอบอกเลยว่าฟังก์ชันนี้จะช่วยให้คุณสะดวกในการทำอาหารมาก ๆ
  • ระบบล็อกและความปลอดภัย เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามักจะติดตั้งคุณลักษณะด้านความปลอดภัยหลายอย่าง แต่มีเฉพาะบางรุ่นเท่านั้นที่มีระบบล็อกและควบคุม คุณสมบัตินี้จะล็อกการตั้งค่าอุณหภูมิที่คุณตั้งไว้ ดังนั้นมันจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณไปสัมผัสชนกับอุณหภูมิโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าคุณจะมีเด็ก ๆ อยู่ในบ้านการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าก็จะปลอดภัย เพราะคุณลักษณะนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าของคุณถูกใช้อย่างถูกต้องและถูกเวลา

วิธีการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างถูกและปลอดภัย

การใช้งานเตาแม่เหล็กไฟฟ้านั้นง่ายมากเมื่อคุณได้ทำความรู้จักมันครบทุกด้านแล้ว แต่วันนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานทุกคน เราก็มีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกัน เราขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้เพื่อเรียนรู้วิธีใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างเหมาะสมเพื่อให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น

1. วางเตาแม่เหล็กไฟฟ้าใกล้แหล่งพลังงาน

คุณควรวางเตาแม่เหล็กไฟฟ้าไว้ใกล้กับแหล่งพลังงาน นอกจากนี้พื้นที่ในครัวควรมีอากาศที่ถ่ายเทได้ดี การมีแหล่งพลังงานในบริเวณใกล้เคียงกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้ามีความสำคัญมาก เนื่องจากความยาวของสายไฟในเตาจะได้ครอบคลุมพื้นที่ เพราะปกติแล้วสายไฟของเตาแม่เหล็กไฟฟ้าค่อนข้างสั้นและอาจใช้งานได้ยาก แต่หากคุณพบว่าสายไฟของเตาแม่เหล็กที่คุณมีความสั้นมากจะต้องใช้ปลั๊กพ่วงเสมอค่ะ

2. เลือกประเภทหม้อ/ภาชนะ

เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำงานบนหลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ดังนั้นคุณต้องมีเครื่องครัวที่ทำจากเหล็กหรือเหล็กกล้า มิฉะนั้นความร้อนจะไม่เกิดขึ้นและอาจทำให้หม้อเสียหายได้ นอกจากนี้หม้อหรือกระทะที่ใช้ควรเป็นแบบก้นแบนและพื้นผิวเรียบ เพราะพื้นที่สัมผัสระหว่างหม้อกับเตาจะเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้า

3. เปิดเตาแล้วเตรียมทำอาหาร

หลังจากวางเตาแม่เหล็กไฟฟ้าในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้วให้เปิดสวิตช์ จากนั้นเตรียมตัวไปทำอาหาร คุณสามารถเตรียมอาหารได้โดยใช้โปรแกรมที่มีไว้ให้ในแผงควบคุมหรือศึกษาในคู่มือผู้ใช้เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติม แต่ระหว่างการใช้งานควรจำไว้เสมอว่ากำลังไฟที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดความร้อนมากขึ้นและส่งผลให้การทำอาหารเสร็จรวดเร็วขึ้น

4. การทำความสะอาดและบำรุงรักษา

หลังทำอาหารเสร็จแล้วห้ามสัมผัสพื้นผิวที่ร้อนเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที ปล่อยให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าเย็นลงก่อน ถัดมาให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วถูเบา ๆ บนเตาเพื่อทำความสะอาด คราบบางจุดที่มีความแข็งหากใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเช็ดไม่ออก แนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำยาล้างจานเพื่อกำจัดคราบ การทำความสะอาดเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นประจำหลังการใช้งานเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น