เตารีด ยี่ห้อไหนดี – รีดผ้าได้เรียบ ใช้งานง่าย

เตารีด ที่ดีที่สุด
เตารีด ที่ดีที่สุด

นอกจากการซักเสื้อผ้าแล้ว “การรีดผ้า” ก็เป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำเพราะเสื้อผ้าแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันมาก เมื่อเราซักเสร็จแล้วเสื้อผ้าก็จะมีความยับยู่ยี่เป็นธรรมดา แม้คุณจะซักด้วยเครื่องซักผ้าฝาบน หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้า ดังนั้นวิธีที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเสื้อผ้ายับได้ก็คือการใช้ “เตารีดผ้า”

เตารีดผ้าเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่จำเป็นเพราะมันจะช่วยให้เราสามารถรีดผ้าได้ทุกชนิด ไม่ว่าคุณจะมีกระโปรง เสื้อเชิ้ต ผ้าไหม ผ้าลินินหรือผ้ายีนส์ที่ยับยู่ยี่เตารีดก็สามารถช่วยคุณได้ ปัจจุบันเตารีดนั้นมีให้เลือก 2 แบบก็คือเตารีดแบบแห้งที่เป็นเตารีดแบบดั้งเดิมและเตารีดไอน้ำที่จะปล่อยไอน้ำออกมาระหว่างรีดเพื่อทำให้เสื้อผ้ามีความเรียบมากยิ่งขึ้น

เตารีดสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบเพราะตัวเครื่องจะให้ความร้อนที่เหมาะสม ทำให้เราสามารถรีดเสื้อผ้าทุกประเภทได้อย่างรวดเร็ว หลายคนอาจจะมองว่าเตารีดไม่ได้จำเป็นมากนักเพราะแค่ซื้อเสื้อผ้าที่ไม่ต้องรีดก็จบแล้ว แต่มันไม่จริงเลยค่ะเพราะไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าทุกแบบจะมีเนื้อผ้าที่ไม่ต้องรีดวางขาย โดยเฉพาะเสื้อสูทที่ต้องการความเนี๊ยบ ชุดนักเรียนที่ต้องการความเรียบร้อย กระโปรงที่มีจีบรวมไปถึงเสื้อเชิ้ตที่ยับได้ง่ายมาก ดังนั้นหากคุณอยากให้ตัวเองและเสื้อผ้าที่สวมใส่ดูดีการรีดผ้าเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยคุณได้ ขอบอกเลยว่าไม่ว่าเสื้อผ้าที่คุณซื้อจะแพงมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่รีดให้สวยงามเสื้อผ้านั้นก็จะกลายเป็นเสื้อผ้าราคาถูกได้เช่นกัน

ดังนั้นหากวันนี้คุณกำลังมองหาเตารีดอยู่เราขอเป็นหนึ่งในการให้คำแนะนำในการเลือกซื้อเตารีดค่ะ และความแตกต่างระหว่างเตารีดแบบแห้งและเตารีดไอน้ำค่ะ

ซื้อ เตารีด ยี่ห้อไหนดีและเหมาะกับคุณ ปี 2564

[summary item=”4310,4312,4315,4317,4319,4321,4323,4305,4307″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเตารีด

1. แผ่นความร้อน

แผ่นความร้อนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของเตารีดเพราะแผ่นความร้อนเป็นสื่อที่ถ่ายเทความร้อนไปยังผ้าที่เกิดจากองค์ประกอบความร้อนภายในเตารีด ดังนั้นวัสดุของแผ่นความร้อนจะต้องนำความร้อนได้สูงและต้องกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วพื้นผิว แผ่นความร้อนส่วนใหญ่จะทำจากอะลูมิเนียม, เซรามิก, สเตนเลสหรือแม้กระทั่งไทเทเนียม แต่ไม่ว่าจะเป็นวัสดุใดก็ตามแผ่นความร้อนที่ดีจะต้องเคลือบด้วยวัสดุที่ไม่ทำให้เกิดการติดขัดระหว่างรีดผ้า เช่น มีการเคลือบด้วย American Heritage, Teflon, ซิลิโคน ฯลฯ ขอบอกเลยว่าการเคลือบเหล่านี้มีความสำคัญมากเพราะจะป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเกาะติดกับเตารีด แต่นอกจากวัสดุของแผ่นความร้อนแล้วรูปร่างของแผ่นความร้อนยังเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อเตารีด เตารีดหลายยี่ห้อมีร่องเล็ก ๆ ใกล้ ๆ กับปลายเตารีดเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รีดผ้าบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น ร่องกระดุม ปลอกคอ ฯลฯ ได้ง่ายขึ้นซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้ดีมาก

2. ความทนทานและคุณภาพ

ผลิตภัณฑ์ที่คุณวางแผนจะซื้อควรทำจากวัสดุคุณภาพสูง ไม่ใช่แค่สำหรับแผ่นความร้อนเท่านั้นแต่ต้องรวมถึงตัวเครื่อง การควบคุมอุณหภูมิและสายไฟด้วย วัสดุของตัวเครื่องจะเป็นตัวกำหนดความทนทานของเตารีด เตารีดหลายยี่ห้อนั้นทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกระแทกเพื่อรองรับการรีดผ้าทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและไม่สึกหรอก่อนเวลาอันควรนั่นเอง

3. กำลังไฟ

เนื่องจากเตารีดเป็นอุปกรณ์ทำความร้อนจึงใช้พลังงานที่สูงกว่าเครื่องใช้ในบ้านแบบอื่น ๆ เมื่อคุณต้องการหาซื้อเตารีด คุณอาจสังเกตเห็นพิกัดกำลังวัตต์ที่ระบุไว้ในข้อมูลจำเพาะ เตารีดสำหรับใช้ในบ้านมักมีระดับกำลังไฟตั้งแต่ 750 วัตต์ ถึง 3,000 วัตต์ โปรดจำไว้ว่าค่ากำลังวัตต์ที่สูงกว่าหมายถึงสามารถทำความร้อนได้เร็วกว่าและแน่นอนว่าจะทำให้เปลืองไฟมากกว่าเช่นกัน  ดังนั้นเรื่องกำลังไฟจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเป็นส่วนใหญ่

4. ถังเก็บน้ำและการป้องกันตะกรัน

ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลสำคัญถ้าคุณกำลังจะเลือกซื้อเตารีดไอน้ำ ถังเก็บน้ำของเตารีดไอน้ำมักจะแตกต่างกันไปตามขนาดของตัวเครื่อง เตารีดไอน้ำขนาดทั่วไปมักจะมีถังเก็บน้ำ 300 มล.ซึ่งจะสามารถรีดผ้าได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องเติมน้ำใหม่อีกครั้ง บางรุ่นอาจจะจะมีถังน้ำที่ใหญ่กว่าและแน่นอนว่าถังน้ำที่ใหญ่กว่าจะสามารถทำให้ใช้งานได้นานขึ้นแต่น้ำหนักของเตารีดก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนการป้องกันตะกรันเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ควรพิจารณาเช่นกันเมื่อซื้อเตารีดไอน้ำ หากคุณเคยใช้เตารีดไอน้ำราคาถูกมาก่อนคุณมักจะเห็นร่องรอยของสารตกค้างสีขาวที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ซึ่งนั่นเรียกว่า “ตะกรัน” ตะกรันจะเกิดขึ้นเมื่อน้ำได้สัมผัสกับองค์ประกอบจากความร้อน หากมีคราบตะกรันสะสมนาน ๆ ประสิทธิภาพของเตารีดไอน้ำก็จะลดลงจนใช้งานไม่ได้ในที่สุด ดังนั้นการเลือกเตารีดไอน้ำที่มีระบบป้องกันตะกรันจะเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับเตารีดไอน้ำเพราะคุณจะได้ไม่กังวลเกี่ยวกับการทำความสะอาด

5. สายไฟ

เมื่อคุณซื้อเตารีดสายไฟเป็นหนึ่งในเกณฑ์หลักที่จะต้องพิจารณาเพราะยิ่งสายไฟมีความยาวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรีดง่ายและปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น สายไฟที่มีความยาว 1.5 เมตรขึ้นไปเป็นความยาวที่เหมาะสมสำหรับเตารีด นอกจากความยาวของสายไฟแล้ว สายหมุนของสายไฟก็มีความสำคัญเช่นกันโดยทั่วไปแล้วเตารีดจะมีสายหมุน 2 ประเภทนั่นก็คือ

  • สายหมุนได้ 180 องศา
  • สายหมุนได้ 360 องศา

ซึ่งระยะองศานี้เป็นตัวเลขบ่งบอกว่าคุณสามารถงอเตารีดของคุณได้เท่าไหร่ ซึ่งปกติแล้วเตารีดบางยี่ห้อจะงอได้ 180 องศา ในขณะที่บางยี่ห้อสามารถงอได้ 360 องศา แน่นอนว่าเตารีดที่มีสายหมุนได้ 360 องศาจะมีประโยชน์กับผู้ใช้มากกว่า เนื่องจากให้อิสระในการรีดผ้าได้มากยิ่งขึ้น

6. ระบบควบคุมอุณหภูมิ

ระบบควบคุมอุณหภูมิเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเตารีด เนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่าเครื่องจะสร้างระดับอุณหภูมิที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด เตารีดเป็นอุปกรณ์สร้างความร้อน ดังนั้นเตารีดที่ดีจะต้องมีประสิทธิภาพสูงและจะต้องสูญเสียค่าพลังงานให้ได้น้อยที่สุด เตารีดเกือบทุกยี่ห้อมีตัวควบคุมอุณหภูมิที่สามารถตั้งค่าให้แตกต่างกันสำหรับผ้าประเภทต่าง ๆ ได้ นั่นเป็นเพราะผ้าแต่ละประเภทต้องการอุณหภูมิที่แตกต่างกันจึงจะรีดได้อย่างเหมาะสม อุณหภูมิที่สูงกว่าขีดจำกัดที่ต้องการอาจทำให้เสื้อผ้าไหม้ได้ ดังนั้นคุณต้องระวังให้มากในการเลือกการตั้งค่าอุณหภูมิที่เหมาะสม

7. น้ำหนักและขนาด

ปัจจัยทั้งสองนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่ควรพิจารณาก่อนซื้อเตารีด เตารีดที่หนักมากเกินไปจะทำให้การรีดผ้ายากมากขึ้นแต่รุ่นที่มีน้ำหนักเบามากเกินไปก็ไม่สามารถใช้รีดเสื้อผ้าที่หนาได้เช่นกัน ดังนั้นในการเลือกเตารีดจึงจำเป็นต้องมีความสมดุลในการทำงาน สำหรับคำแนะนำของเราก็คือให้เลือกเตารีดที่มีน้ำหนักประมาณ 700-800 กรัม เตารีดที่มีน้ำหนักประมาณนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในบ้าน แต่ในกรณีที่คุณกำลังมองหาเตารีดสำหรับเสื้อผ้าที่หนากว่าอย่างกางเกงยีนส์ คุณต้องใช้เตารีดที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัมขึ้นไปเพื่อให้รีดได้เรียบและสะดวก

[product_table item=”4310,4312,4315,4317,4319,4321,4323,4305,4307″]

ความแตกต่างระหว่างเตารีดแบบแห้งและเตารีดไอน้ำ

คุณอาจสงสัยว่าเตารีดไอน้ำและเตารีดแบบแห้งแตกต่างกันอย่างไร? วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญของเตารีดไอน้ำและเตารีดแบบแห้งมาฝากกันค่ะเพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกได้ว่าคุณจะต้องเลือกซื้อเตารีดแบบไหน

  • ถังเก็บน้ำ ความแตกต่างที่สำคัญประการแรกของเตารีดทั้ง 2 แบบคือถังเก็บน้ำ เตารีดไอน้ำมีถังเก็บน้ำเพื่อให้สามารถผลิตไอน้ำได้แต่เตารีดแบบแห้งไม่มีถังเก็บน้ำ ด้วยเหตุนี้เตารีดแห้งจึงไม่มีน้ำรั่วไหลออกมาและจะไม่พ่นน้ำลงมาบนเสื้อผ้าของคุณ หากคุณไม่ชอบการรีดผ้าด้วยไอน้ำเตารีดแบบแห้งจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ในทางกลับกันการมีถังเก็บน้ำหรือไอน้ำจะทำให้เตารีดไอน้ำสามารถปล่อยไอน้ำออกมาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้รีดได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเตารีดไอน้ำจะเหมาะสำหรับการรีดเสื้อผ้าที่ยับมากที่สุด
  • แผ่นความร้อน เตารีดแบบแห้งจะมีแผ่นความร้อนแบบแบน ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนเตารีดไอน้ำจะมีรูไอน้ำจำนวนมากสำหรับปล่อยไอน้ำซึ่งอาจทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากคุณจะต้องทำความสะอาดรูไอน้ำทุกรูเพื่อป้องกันการอุดตันของตัวเครื่อง หากคุณไม่ชอบทำความสะอาดเตารีดเตารีดแบบแห้งถือว่าตอบโจทย์คุณมากที่สุด
  • ความเก่งกาจ คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของเตารีดไอน้ำคือสามารถรีดผ้าให้เรียบได้เร็วกว่าเตารีดแบบแห้ง เตารีดแบบไอน้ำสามารถใช้งานแบบ 2in 1 ได้เพราะคุณไม่จำเป็นต้องใช้ฟังก์ชันไอน้ำเสมอไป หากคุณไม่ได้เติมน้ำลงในเตารีดแบบไอน้ำ คุณก็สามารถใช้เตารีดไอน้ำเป็นเตารีดแบบแห้งได้ สิ่งสำคัญคือต้องล้างถังเก็บน้ำเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกติดอยู่ด้านใน
  • ความถี่ในการใช้งาน หากคุณรีดผ้าบ่อย ๆ เตารีดไอน้ำก็เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยความอเนกประสงค์ของเตารีดนี้ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าให้ใช้ได้กับเสื้อผ้าเกือบทุกประเภท อีกทั้งคุณยังสามารถใช้การตั้งค่าไอน้ำสำหรับเบาะและเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย ส่วนเตารีดแบบแห้งนั้นก็สามารถรีดเสื้อผ้าได้ทุกประเภทเช่นกันแต่อาจจะไม่ได้เรียบมากนักเมื่อเทียบกับการรีดด้วยเตารีดแบบไอน้ำ

ต่อไปนี้เราไปดูข้อดีและข้อเสียของเตารีดทั้ง 2 ประเภทกันค่ะ

เตารีดแบบแห้ง

ข้อดี

  • คุณสามารถรีดเสื้อผ้าทุกประเภทด้วยเตารีดแบบแห้ง
  • ง่ายต่อการทำความสะอาดและบำรุงรักษา
  • เป็นมิตรกับงบประมาณ
  • สามารถใช้งานได้นาน
  • ไม่ทิ้งร่องรอยไว้บนเสื้อผ้า

ข้อเสีย

  • ไม่มีฟังก์ชันพ่นไอน้ำ
  • ไม่มีประสิทธิภาพหากรีดเสื้อผ้าที่ยับมาก ๆ
  • ไม่มีคุณสมบัติพิเศษนอกเหนือจากการควบคุมอุณหภูมิ

เตารีดไอน้ำ

ข้อดี

  • ขจัดรอยยับอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถใช้เป็นเครื่องรีดผ้าในแนวตั้งได้
  • นอกจากรีดผ้าแล้วยังสามารถใช้เตารีดไอน้ำกับเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่านและเบาะได้
  • มีประสิทธิภาพเป็น 2 เท่าของเตารีดแบบแห้ง
  • ขจัดรอยยับบนเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ข้อเสีย

  • ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
  • ต้องใช้พลังงานมากขึ้น
  • สามารถทิ้งรอยไว้บนเสื้อผ้าได้
  • เตารีดไอน้ำอาจจะไม่เหมาะสำหรับเสื้อผ้าบางชนิด
  • ทำความสะอาดได้ยากกว่า
  • น้ำจากเตารีดสามารถรั่วไหลออกมาได้