ลิปออยล์ ยี่ห้อไหนดี? – บำรุงริมฝีปาก ให้ดูสวย ฉ่ำวาว

ลิปออยล์ ที่ดีที่สุด
ลิปออยล์ ที่ดีที่สุด

ผิวที่ริมฝีปาก นั้น บอบบางกว่าผิวที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมากค่ะ ดังนั้นผิวที่ริมฝีปาก มักจะเกิดความเสียหายได้ง่ายกว่ามาก ซึ่งถ้าหากเราไม่มีการดูแล ริมฝีปากของเราก็จะไม่เรียบเนียน มีอาการแห้ง แตก หรือลอก ส่งผลให้ทาลิปสติกได้ยากมาก ๆ ค่ะ ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องดูแลริมฝีปากให้เหมาะสม ซึ่งแน่นอนค่ะว่า ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายที่ใช้เพื่อดูแลริมฝีปาก อาทิเช่น ลิปสครับ, ลิปบาล์ม หรือวาสลีน เป็นต้น แต่เรายังมีอีกหนึ่งไอเทมเด็ดที่เราอยากให้คุณลองค่ะนั่นก็คือ “ลิปออยล์” ค่ะ

ลิปออยล์ ก็ตามชื่อของมันเลยค่ะ คือ ลิปที่ผสมกับน้ำมันธรรมชาติ โดยลิปออยล์เป็นผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษ อุดมไปด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น วิตามิน, กรดไขมัน และกรดอะมิโน ที่สามารถช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมริมฝีปากได้เป็นอย่างดี เติมความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากของคุณ ทำให้ริมฝีปากของคุณกลับมานุ่ม และมีสุขภาพดีอยู่เสมอค่ะ เปรียบเสมือนลิปออยล์ได้นำประโยชน์ของลิปกลอสและลิปบาล์มมาไว้ในตัวเอง นอกจากนี้ลิปออยล์ยังใช้งานง่ายสุด ๆ แถมมันยังมีหลากหลายกลิ่น และหลายเฉดสีด้วย โดยคุณสามารถเลือกเฉดสีที่เหมาะกับรสนิยมของคุณได้อย่างง่ายดายค่ะ หากคุณกำลังมองหา ลิปออยล์ดี ๆ อยู่ ในบทความนี้เราก็ได้ทำการคัดสรร ลิปออยล์ ยอดนิยม มาแนะนำกันเช่นเคยค่ะ

ลิปออยล์ ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ?

[summary item=”6360,6362,6364,6366,6368,6370″]

ลิปออยล์ แตกต่างจาก ลิปกลอส อย่างไร ?

หลาย ๆ คนอาจจะเคยเข้าใจผิดว่า ลิปออยล์ ก็เหมือนกับ ลิปกลอส แต่จริง ๆ แล้วมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงค่ะ โดยปกติแล้วลิปกลอสมักจะมีความเหนียวเหนอะหนะ ถ้าหากเราทาลิปกลอสในวันที่มีลมแรง เส้นผมของคุณก็มักจะปลิวมาติดอยู่ที่บริเวณริมฝีปากของคุณอยู่ตลอดเวลา แต่ปัจจุบันลิปกลอสได้ปรับปรุงสูตรใหม่แล้ว มันสามารถให้ความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น และเหนียวน้อยกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ แต่คุณก็ต้องรู้ด้วยว่า ความเหนียวนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลิปกลอสติดทนได้นานขึ้น นอกจากนั้นลิปกลอสจะมีเม็ดสีที่แน่นกว่าลิปออยล์มาก ส่วนลิปออยล์จะมีเนื้อบางเบา เป็นธรรมชาติ แต่จะหลุดออกเร็วกว่าลิปกลอสค่ะ

ลิปออยล์ ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย น้ำมันที่มีไขมันสูงอย่างน้ำมันอะโวคาโด และบางสูตรก็จะมีกรดไฮยาลูโรนิกและมอยส์เจอไรเซอร์ด้วย ช่วยให้มันสามารถมอบความชุ่มชื้นได้อย่างล้ำลึก อีกทั้งยังทำให้ริมฝีปากดูฟู และฉ่ำวาวมากขึ้นด้วยค่ะ ดังนั้นถ้าหากคุณมีริมฝีปากที่แห้งมาก ๆ การทาลิปออยล์ จะเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่าค่ะ แต่หากคุณอยากเพิ่มความโกลว์ให้กับริมฝีปาก แนะนำให้คุณทาลิปกลอสค่ะ เนื่องจากมันมีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก อีกทั้งลิปกลอสจะติดทนนานมากด้วย และต่อไปนี้เป็นประโยชน์บางประการของการทาลิปออยล์ค่ะ

  • มาพร้อมกับส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื่นสูง
  • ช่วยป้องกันไม่ให้ริมฝีปากแห้ง และเป็นขุย
  • ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม และเรียบเนียนขึ้น ด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นในระดับที่ดีขึ้น
  • ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูริมฝีปากได้อย่างดีเยี่ยม
  • เพิ่มความฉ่ำวาวให้กับริมฝีปาก และปรับปรุงให้ผิวที่ริมฝีปากเนียนนุ่มขึ้น

[product_table item=”6360,6362,6364,6366,6368,6370″ info=”1″]

เคล็ดลับในการเลือกซื้อลิปออยล์

1. เช็กส่วนผสม

  • น้ำมันธรรมชาติ : ลิปออยล์ที่มีน้ำมันจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม มีประโยชน์มากมายในการดูแลผิวที่ริมฝีปากค่ะ ซึ่ง น้ำมันเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน ช่วยทำให้ผิวนุ่มเป็นพิเศษ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก อีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อผิวอีกด้วย ในการเลือกซื้อลิปออยล์เราขอแนะนำให้เลือกยี่ห้อที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวค่ะ เนื่องจากประโยชน์หลัก ๆ ของน้ำมันมะพร้าวก็คือ ให้ความชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดี หรือเลือกซื้อลิปออยล์ที่มีน้ำมันโจโจ้บา เพราะน้ำมันโจโจ้บาอุดมไปด้วยวิตามิน A, D และ E ซึ่งสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ง่ายและช่วยให้ริมฝีปากแข็งแรงได้ค่ะ
  • น้ำมันแร่ (มินิรัลออยล์) : เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยชะลอการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนังได้ มันจึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นไว้บนชั้นผิวของริมฝีปากได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ให้มองหาสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กลีเซอรีน โซเดียมไฮยาลูโรเนตและเซราไมด์ หากไม่มีสารให้ความชุ่มชื้น แนะนำให้คุณทาริมฝีปากด้วยน้ำเล็กน้อย ก่อนที่จะทาลิปออยล์ เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมิเนอรัลออยล์ค่ะ
  • กรดไฮยาลูโรนิก : เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยในการดูแลผิว กรดชนิดนี้มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับผิวแห้ง และมีริมฝีปากแตก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต่อต้านริ้วรอยที่มีศักยภาพด้วย โดยการส่งเสริมความยืดหยุ่นของผิว และจัดการกับรอยแตกที่ริมฝีปากได้ ซึ่งกรดไฮยาลูโรนิก เป็นสารให้ความชุ่มชื้น ช่วยดึงดูดน้ำให้อยู่ในชั้นผิวหนังชั้นนอก และจะช่วยทำให้ริมฝีปากฟูขึ้นค่ะ

2. แบบใส Vs แบบมีสี

ลิปออยล์ มีให้เลือกทั้ง แบบใส และแบบมีสี ซึ่งลิปออยล์แบบใส จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะเพิ่มความเงางามให้กับลิปสติกที่คุณชื่นชอบ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากคุณต้องการทาลิปออยล์ในวันสบาย ๆ ไม่ได้ทาลิป คุณก็สามารถเลือกซื้อลิปออยล์แบบมีสีได้ค่ะ ซึ่งมันสามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มสีสันให้กับริมฝีปากไปในตัวค่ะ โดยในการเลือกซื้อคุณสามารถเลือกโทนสีอ่อน ๆ เพื่อให้ริมฝีปากดูสดใสขึ้นได้

3. เนื้อบางเบา

ในการเลือกซื้อลิปออยล์ให้เลือกซื้อยี่ห้อที่มีเนื้อบางเบาจะดีที่สุดค่ะ เพราะถ้าหากลิปออยล์มีความหนา และมันเยิ้ม มันก็จะทำให้ดูเหมือนดูเหมือนว่า เราเพิ่งทานอาหารมัน ๆ อย่างอาหารฟาสต์ฟู้ดมา ซึ่งแน่นอนค่ะว่ามันไม่ค่อยจะดีนัก เพราะมันไม่ได้มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นเลย แต่มันจะมีความมันมากเป็นพิเศษ ดังนั้นคุณควรเลือกซื้อลิปออยล์ที่มีเนื้อบางเบา และให้ทาชั้นบาง ๆ เพื่อเพิ่มความดูดีให้กับริมฝีปากค่ะ แต่หากคุณเป็นคนปากแห้งหรืออยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ คุณสามารถเลือกลิปออยล์สูตรมอยส์เจอไรเซอร์แบบเข้มข้นได้ค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในห้องปรับอากาศแนะนำให้เลือกลิปออยล์เนื้อบางเบาเท่านั้น นอกจากนี้ควรระวังน้ำหอมด้วย ถึงแม้ว่าการทาลิปออยล์ที่มีกลิ่นหอมนั้นจะเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งน้ำหอมก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้หากคุณมีผิวแพ้ง่าย ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแนะนำนี้ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติและไม่มีกลิ่นหอมค่ะ

4. หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นอันตราย

ลิปออยล์ ที่คุณเลือกซื้อควรปราศจากส่วนผสมที่อาจเป็นอันตราย เพื่อช่วยให้ริมฝีปากของคุณ ไม่เกิดการระคายเคือง ในการเลือกซื้อลิปออยล์ เราขอแนะนำให้คุณเลือกแบรนด์ที่ไม่มีส่วนผสมของการบูร, เมนทอล, กรดซาลิไซลิก, พาราเบน, ฟีนอล หรือน้ำหอมสังเคราะห์ ค่ะ เพราะส่วนผสมเหล่านี้อาจจะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองและทำให้ผิวหนังขาดน้ำได้ค่ะ อีกทั้งยังสามารถทำให้เกิดการอักเสบได้ด้วย ทางที่ดีหากคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายมาก ๆ ขอแนะนำให้เลือกซื้อลิปออยล์ที่เป็นธรรมชาติ 100% เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นนั่นเองค่ะ