หม้ออัดแรงดัน (Pressure cooker) ยี่ห้อไหนดี?

หม้ออัดแรงดัน (Pressure cooker) ที่ดีที่สุด
หม้ออัดแรงดัน (Pressure cooker) ที่ดีที่สุด

คนที่ชอบทำอาหารต่างก็รู้กันดีว่า นอกจากวัตถุดิบจะเป็นหัวใจของการทำอาหารแล้ว การใช้เวลาไปกับการปรุงอาหารอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ผักหรือเนื้อสัตว์เปื่อยนุ่มตามที่เราต้องการก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการต้มขาหมู ซี่โครงและเนื้อตุ๋น ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุดิบต้องใช้เวลาในการทำให้เนื้อสุกนิ่ม การทำอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณมีงานที่ล้นมือเพราะต้องควบคุมไฟ เติมน้ำอยู่ตลอดเวลาอีกทั้งยังต้องเฝ้าดูเป็นระยะเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด แต่ปัญหานี้ของคุณจะหมดไปในทันทีถ้าคุณมี หม้ออัดแรงดันค่ะ

หม้ออัดแรงดันเป็นอุปกรณ์ทำอาหารที่สามารถช่วยร่นระยะเวลาในการทำอาหารได้เป็นอย่างดี หากคุณรู้วิธีใช้หม้ออัดแรงดันอย่างถูกต้อง คุณก็จะได้อาหารมื้ออร่อยโดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หม้ออัดแรงดันจะสร้างเมนูอาหารที่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำแบบละลายในปากคุณได้ในเวลาเพียงเสี้ยวเดียวของวิธีการทำอาหารแบบดั้งเดิม

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าหม้ออัดแรงดันทุกรุ่นจะถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกัน ดังนั้นคุณต้องเลือกซื้อหม้ออัดแรงดันที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยรุ่นที่เหมาะสำหรับคุณจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ในครัวที่คุณมีและอาหารที่คุณทำค่ะ หากคุณกำลังหาซื้อหม้ออัดแรงดันอยู่ในวันนี้เราก็มีคำแนะนำในการเลือกซื้อ ประเภทของหม้ออัดแรงดัน ประโยชน์ที่แท้จริงของหม้ออัดแรงดัน รวมไปถึงตัวอย่างเมนูที่คุณสามารถทำได้จากหม้ออัดแรงดันมาฝากกันค่ะ

ซื้อ หม้ออัดแรงดัน ยี่ห้อไหนดี

[summary item=”3992,3996,3990,3994,3999″]

หม้ออัดแรงดันคืออะไร คุ้มค่าไหมหากซื้อมาใช้งาน?

หม้ออัดแรงดันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ต้องใช้น้ำ ความร้อนและฝาปิดที่แน่นหนาถึงจะสามารถทำงานได้ เมื่อน้ำในหม้ออัดแรงดันของคุณร้อนขึ้น มันจะกลายเป็นไอน้ำ แต่เนื่องจากหม้ออัดแรงดันมีฝาปิดที่ปิดสนิทไอน้ำจึงจะอยู่ภายในไม่เล็ดลอดออกมา ปริมาตรของไอน้ำในเครื่องหม้ออัดแรงดันจะมีในจำนวนมาก ซึ่งไอน้ำจะสร้างแรงดันภายในหม้ออัดแรงดัน ซึ่งมักจะมีแรงดันสูงถึง 15psi ในความดันนี้จุดเดือดของน้ำจะเพิ่มขึ้นจาก 100°C เป็น 121°C ซึ่งจะช่วยให้ไอน้ำที่ร้อนขึ้นรอบ ๆ อาหารของคุณส่งพลังงานได้เร็วกว่าภายใต้สภาวะบรรยากาศปกติ

ด้วยเหตุนี้เมื่อคุณใช้หม้ออัดแรงดัน คุณสามารถเพลิดเพลินกับสตูที่อร่อยและนุ่มได้ในระยะเวลา 1 ใน 4 ของการปรุงอาหารแบบทั่วไป หากคุณกำลังสงสัยว่าคุ้มไหมที่จะซื้อหม้ออัดแรงดัน? เราขอบอกเลยว่าคุ้มมากเพราะการใช้หม้ออัดแรงดันมีประโยชน์มากมายและนี่คือข้อดีบางประการที่คุณสามารถคาดหวังได้เมื่อคุณซื้อหม้ออัดแรงดัน

ประหยัดเวลา

หม้ออัดแรงดันปรุงอาหารได้เร็วกว่าอุปกรณ์การปรุงอาหารแบบดั้งเดิม คุณจะประหยัดเวลาในการทำอาหารและไม่ต้องทำอาหารนาน 3 – 4 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากหม้ออัดแรงดันของคุณไม่ต้องการการคนหรือช้อนฟองแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อทำอาหารคุณจึงไม่ต้องมาเสียเวลากับการต้องมาดูหรือเฝ้าอาหาร คุณจึงมีอิสระที่จะทำงานอื่น ๆ โดยจะไม่กระทบต่อคุณภาพของอาหาร

รักษาสารอาหาร

อาหารที่ปรุงด้วยหม้ออัดแรงดันจะช่วยรักษาสารอาหารที่จำเป็นได้มากขึ้น เนื่องจากอาหารปรุงสุกเร็วขึ้นและใช้น้ำในการปรุงน้อยลง ซึ่งการกระทำนี้จะช่วยรักษาส่วนประกอบทางโภชนาการที่มีอยู่เพื่อให้ทานแล้วอร่อยและดีต่อสุขภาพมากขึ้น

ใช้พลังงานน้อยลง

เมื่อคุณปรุงอาหารด้วยหม้ออัดแรงดัน คุณจะใช้พลังงานน้อยลงเมื่อเทียบกับวิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม เนื่องจากระยะเวลาในการปรุงอาหารสั้นลงมาก การใช้หม้ออัดแรงดันจึงเป็นวิธีที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า

สามารถใช้ทำอาหารเพื่อสุขภาพได้

เราทุกคนรู้ดีว่าอาหารที่ทำเองมักจะดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารสำเร็จรูป การซื้อหม้ออัดแรงดันสามารถช่วยให้คุณสร้างสรรค์อาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ประเภทของหม้ออัดแรงดัน

หม้ออัดแรงดันมี 2 ประเภท นั่นก็คือหม้ออัดแรงดันแบบใช้แก๊สและหม้ออัดแรงดันไฟฟ้า หม้ออัดแรงดันทั้งสองแบบนั้นทำหน้าที่เหมือนกันและจะมอบประสบการณ์การทำอาหารที่ดีที่สุดแก่คุณ แต่แน่นอนว่าหม้ออัดแรงดันแต่ละประเภทย่อมมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างออกไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องค่ะ

1. หม้ออัดแรงดันไฟฟ้า

โดยทั่วไปแล้วหม้ออัดแรงดันไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายเมื่อเทียบกับหม้ออัดแรงดันแบบอื่น หม้ออัดแรงดันไฟฟ้าสามารถใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ เช่น ทำอาหารเช้า ทำโยเกิร์ต นึ่งผักและปรุงธัญพืช ซึ่งแน่นอนว่าการใช้หม้ออัดแรงดันแบบไฟฟ้าสามารถทำอาหารได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยทำให้สะดวกกว่ารุ่นที่ใช้แก๊ส คุณสมบัติอื่น ๆ บางอย่างที่หม้ออัดแรงดันไฟฟ้ามีมาให้ ได้แก่ บารอมิเตอร์ เทอร์โมมิเตอร์ ตัวจับเวลาและตัวเลือกการทำอาหารที่หลากหลาย หม้ออัดแรงดันไฟฟ้าที่มีราคาไม่แพงหลายรุ่นยังมีฟังก์ชันปิดอัตโนมัติเพื่อให้คุณอุ่นใจยิ่งขึ้น

แต่หม้ออัดแรงดันแบบไฟฟ้าก็มีข้อเสียเหมือนกัน นั่นก็คือหม้ออัดแรงดันไฟฟ้ามักจะมีขนาดใหญ่และค่อนข้างเทอะทะกว่าหม้ออัดแรงดันแบบใช้แก๊ส ดังนั้นหากคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อหม้ออัดแรงดันไฟฟ้าให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีพื้นที่ว่างเพียงพอ

2. หม้ออัดแรงดันแบบใช้แก๊ส 

หม้ออัดแรงดันแบบใช้แก๊สโดยทั่วไปจะมีขนาดเท่ากับหม้อต้มซุปหรือหม้อทำสต๊อก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละแบรนด์ หม้ออัดแรงดันแบบนี้มีขนาดค่อนข้างเล็กทำให้ทำความสะอาด จัดเก็บและดูแลได้ง่ายกว่าหม้ออัดแรงดันแบบอื่น ๆ คุณสามารถเก็บหม้ออัดแรงดันแบบนี้ไว้ในตู้ด้านล่างพร้อมกับเครื่องครัวที่เหลือของคุณได้หรือใช้วางไว้บนเคาน์เตอร์หากคุณจะใช้บ่อย ๆ ข้อดีของหม้ออัดแรงดันแบบใช้แก๊สก็คือมีแรงดันที่สูงกว่าหม้ออัดแรงดันแบบไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการปรุงอาหารได้เป็นอย่างดี ในขณะที่หม้ออัดแรงดันแบบไฟฟ้าส่วนใหญ่สามารถรับแรงดันสูงสุดได้ประมาณ 11-12 psi แต่หม้ออัดแรงดันแบบแก๊สสามารถรับแรงดันได้สูงถึง 17psi แน่นอนว่าอาจฟังดูไม่ต่างกันมาก

เราจะขออธิบายแบบชัด ๆ เลยว่าหากคุณใช้หม้ออัดแรงดันแบบแก๊ส คุณจะสามารถลดเวลาการทำอาหารไปได้ประมาณ 25% ของหม้ออัดแรงดันไฟฟ้า ดังนั้นหากเมนูอาหารต้องใช้เวลาในการทำ 60 นาที การใช้หม้ออัดแรงดันแบบแก๊สจะใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น แต่หม้ออัดแรงดันแบบแก๊สก็มีข้อเสียเช่นกันเพราะไม่มีคุณสมบัติการตั้งเวลา ไม่มีโปรแกรมการทำอาหารและไม่มีไฟแสดงสถานะหรือการแจ้งเตือน ดังนั้นคุณจึงต้องคอยแวะเวียนมาดูอาหารที่คุณทำบ่อย ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม นอกจากจะต้องใช้ความเอาใจใส่มากขึ้นในขณะทำอาหารแล้ว หม้ออัดแรงดันแบบแก๊สยังส่งเสียงดังกว่าหม้ออัดแรงดันไฟฟ้าอีกด้วย

[product_table item=”3992,3996,3990,3994,3999″]

หม้ออัดแรงดันใช้ทำเมนูอะไรได้บ้าง ?

หม้ออัดแรงดันเป็นอุปกรณ์ที่อเนกประสงค์มากสามารถทำได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นการทำสตูเนื้อสำหรับมื้อเย็นหรือต้องการทำน้ำซุปเข้มข้นโดยใช้เวลาน้อยลงหม้ออัดแรงดันก็ช่วยคุณได้ แม้ว่าความเร็วจะเป็นหนึ่งในจุดขายหลัก ของหม้ออัดแรงดัน แต่ขอบอกเลยว่าหม้ออัดแรงดันยังปรุงอาหารบางชนิดได้ดีกว่าอุปกรณ์ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว ถั่วแห้ง ซี่โครง ขาไก่ไปจนถึงธัญพืชที่สุกได้ยาก การใช้หม้ออัดแรงดันสามารถปรุงอาหารที่สุกช้าได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าอาหารที่คุณทำจะเป็นอาหารแช่แข็งที่ไม่ได้ละลายมาก่อนแต่ก็สามารถทำในหม้ออัดแรงดันได้ แต่ก็มีอาหารบางอย่างเช่นกันที่คุณไม่ควรใช้ในหม้ออัดแรงดัน นั่นก็คือพาสต้า เนื้อหรือผักชุบเกล็ดขนมปังเพราะอาหารเหล่านี้มันจะเละ เปียกและไม่กรอบ ส่วนผลิตภัณฑ์จากนมก็ไม่ควรใช้หม้ออัดแรงดันเช่นกัน มันจะทำให้นมมีรสเปรี้ยวและอาจจะเสียได้

หากคุณยังเป็นมือใหม่ในการใช้หม้ออัดแรงดัน คุณสามารถไปศึกษาวิธีการใช้เพิ่มเติมได้ที่ “วิธีการใช้หม้ออัดแรงดันสำหรับมือใหม่” ต่อไปจะเป็นตัวอย่างเมนูสุดฮิตที่หม้ออัดแรงดันสามารถทำได้ รับรองว่านุ่ม ละมุน ละลายในปากแบบเลยละค่ะ

  • ซุปเปอร์ตีนไก่
  • ขาหมูตุ๋น
  • สตูไก่ หมูและเนื้อ
  • ซี่โครงตุ๋น
  • ขาหมูพะโล้
  • ปลานึ่งซีอิ๊ว
  • เนื้อตุ๋น
  • บักกุ๊ดเต๋
  • หมูชาชู
  • ธัญพืชต้ม
  • เครื่องในไก่/หมูตุ๋น
  • มันบด
  • ข้าวมันไก่

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ

1. วัสดุของตัวเครื่อง

คุณควรมองหาหม้ออัดแรงดันที่ทำจากวัสดุสเตนเลส เพราะวัสดุนี้มีความทนทานสูง ทำความสะอาดง่ายและจะไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารของคุณ วัสดุสเตนเลสนั้นแตกต่างจากอะลูมิเนียม นอกจากนี้ยังมีความสะดวกในการทำความสะอาดและทำให้สุขอนามัยดีขึ้น วิธีที่ดีที่สุดคือมองหาหม้ออัดแรงดันที่มีหม้อสเตนเลสด้านใน หากคุณชอบหม้ออัดแรงดันที่ทำความสะอาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แนะนำให้เลือกวัสดุสเตนเลสที่มีสารเคลือบกันติดเพื่อให้ดูแลรักษาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

2. ความจุ

หากคุณมีครอบครัวเล็ก ๆ การหาซื้อหม้ออัดแรงดัน 4-5 ลิตรน่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งาน สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่คุณควรพิจารณาหม้ออัดแรงดันที่มีความจุ 8 – 10 ลิตร ส่วนสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ให้เลือกหม้ออัดแรงดันที่มีความจุ 20 ลิตรขึ้นไปค่ะ นอกจากนี้คุณสามารถเลือกซื้อชุดหม้ออัดแรงดันที่ประกอบด้วยหม้อขนาดใหญ่และขนาดเล็กได้เสมอเพื่อความอเนกประสงค์ วิธีนี้ช่วยให้คุณปรุงอาหารได้อย่างราบรื่นมากขึ้นเพราะหม้ออัดแรงดันที่มีขนาดเล็กจะเหมาะสำหรับการทำอาหารในปริมาณที่น้อย ส่วนหม้ออัดแรงดันขนาดใหญ่จะมีความสามารถในการปรุงอาหารเป็นชุดหรือเพื่อใช้ทำอาหารมื้อใหญ่ค่ะ

3. ระดับความดัน

หม้ออัดแรงดันส่วนใหญ่จะให้ความดันอยู่ที่ 10-15psi ระดับความดันที่ต่ำจะมีประโยชน์ในการปรุงอาหารที่มีความละเอียดอ่อนเช่น ไข่ ผัก และปลาและส่วนใหญ่ในความดันระดับนี้จะใช้เวลานานกว่าความดันระดับสูง แต่ก็ทำให้อาหารที่ปรุงมีความพอดี ชุ่มฉ่ำและไม่แห้ง ส่วนระดับความดันที่สูงขึ้นจะดีที่สุดสำหรับการปรุงอาหารอย่างรวดเร็ว เช่นการปรุงเนื้อวัว ซี่โครง ขาหมูและเครื่องใน ดังนั้นในการปรุงอาหารแต่ละประเภทคุณจะต้องควบคุมแรงดันให้ได้เพื่อให้อาหารมีความสุกแบบพอดี แต่หากไม่สามารถควบคุมแรงดันได้ก็ต้องคำนวณเวลาให้เหมาะสมค่ะ

4. โปรแกรมและการตั้งค่า

หม้ออัดแรงดันไฟฟ้าจะมีคุณสมบัติเหล่านี้ หม้ออัดแรงดันไฟฟ้า มักจะมีการตั้งค่าล่วงหน้าจำนวนมาก ดังนั้นหากคุณไม่เก่งงานในครัวหรือเร่งรีบ การทำอาหารเย็นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เตรียมสิ่งของและกดปุ่มให้ตัวเครื่องทำงาน หลังจากนั้นหม้ออัดแรงดันของคุณจะปรับเวลาและหาแรงดันที่เหมาะสมกับอาหารของคุณโดยอัตโนมัติ การมีฟังก์ชันเหล่านี้จะทำให้อาหารที่คุณทำง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยลงค่ะ

5. กลไกความปลอดภัย

หม้ออัดแรงดันที่ทันสมัยมักจะมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่หลากหลายและได้รับการทดสอบอย่างกว้างขวางเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยในการใช้งาน อย่างไรก็ตามหากคุณกังวลเกี่ยวกับการใช้หม้ออัดแรงดันในครั้งแรก คุณอาจต้องการให้ความสนใจเป็นพิเศษกับกลไกความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ เราขอบอกเลยว่าในการซื้อหม้ออัดแรงดันฝาปิดแบบล็อกอัตโนมัติเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกับวาล์วนิรภัยค่ะ