ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี? – ทดทาน เย็นดี ใช้ได้นาน

ตู้เย็น ที่ดีที่สุด ปี 2021 - ช่วยถนอมอาหาร ใช้งานในครัวเรือน
ตู้เย็น ที่ดีที่สุด ปี 2021 - ช่วยถนอมอาหาร ใช้งานในครัวเรือน

“ตู้เย็น” เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดภายในบ้านเนื่องจากในทุก ๆ วันเราจำเป็นต้องทานอาหารทุกวัน วันละ 3 มื้อ ถึงแม้ว่าคุณจะซื้ออาหารแบบเดลิเวอรีแต่อย่างไรก็ตามในชีวิตประจำไว้คุณก็ต้องใช้ตู้เย็นอยู่ดี

ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ช่วยถนอมอาหารด้วยความเย็น นอกจากนี้ยังสามารถใช้จัดเก็บน้ำดื่ม ผักและเนื้อสัตว์ได้ดีอีกด้วย การใช้ความเย็นจากตู้เย็นจะทำให้ช่วยยืดอายุของอาหารสดได้ยาวนานยิ่งขึ้น เราสามารถเรียกได้เลยว่าตู้เย็นเป็นจุดศูนย์กลางของห้องครัวค่ะ

นอกจากนี้ตู้เย็นมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย  เช่น สามารถจัดโซนเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผักและผลไม้สดได้ โดยสามารถทำให้อาหารของคุณมีระเบียบและมีความเรียบร้อยในเวลาเดียวกัน อีกทั้งตู้เย็นในบางยี่ห้อก็มีที่กดน้ำและที่กดน้ำแข็งซึ่งส่วนเสริมนี้เป็นอีกหนึ่งส่วนเสริมที่มีประโยชน์มากหากคุณชอบความสะดวก (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ประโยชน์ของตู้เย็น )

แต่แน่นอนว่าการเลือกตู้เย็นไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเพราะในปัจจุบันตู้เย็นมีหลายแบบให้เราได้เลือก ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน เพื่อช่วยให้คุณได้ค้นหาตู้เย็นที่เหมาะสมกับการใช้งาน เราได้จัดทำคู่มือการซื้อเพื่อช่วยให้คุณสามารถซื้อตู้เย็นที่ดีที่สุดให้เหมาะกับตัวคุณเองและครอบครัวค่ะ

ซื้อ ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี ปี 2021

[summary item=”33781,3783,3786,3789,3792,3794,3796,3799,3801″]

ประเภทของตู้เย็น

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มซื้อตู้เย็นเครื่องแรกหรือกำลังมองหาตู้เย็นเครื่องใหม่ สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับตู้เย็นประเภทต่าง ๆ ก่อน ขอบอกเลยว่าปกติแล้วตู้เย็นมี 6 ประเภทหลัก ๆ ค่ะ นั่นก็คือ ตู้เย็นประตูเดียว, ตู้เย็นแบบแช่แข็งด้านบน, ตู้เย็นแบบแช่แข็งด้านล่าง, ตู้เย็นแบบ Side By Side, ตู้เย็น French Door และตู้เย็นมินิบาร์ ต่อไปนี้เรามาดูรายละเอียดพื้นฐานของตู้เย็นแต่ละประเภทกันค่ะ

1. ตู้เย็นประตูเดียว

หากคุณต้องการประหยัดพื้นที่ในห้องครัวและต้องการประหยัดเงินในการซื้อตู้เย็น ตู้เย็นประตูเดียวจะเหมาะกับคุณมาก ๆ ตู้เย็นแบบนี้เป็นตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็งอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่ในบางยี่ห้อก็อาจจะไม่มีช่องแช่แข็ง ตู้เย็นแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่อาศัยเป็นคู่และต้องการเก็บของสดไม่มาก แต่พื้นที่ของตู้เย็นก็เพียงพอในการเก็บน้ำดื่ม เครื่องดื่มและอาหารประเภทอื่น ๆ ตู้เย็นแบบนี้จะประหยัดไฟได้ดีมากแต่ต้องละลายน้ำแข็งด้วยตัวเองเพราะไม่มีระบบอัตโนมัติ

2. ตู้เย็นแบบแช่แข็งด้านบน

ตู้เย็นแบบนี้เป็นตู้เย็นที่มี 2 ประตู ด้านล่างมีไว้สำหรับแช่อาหารและตู้ด้านบนมีไว้สำหรับแช่แข็งแยกต่างหาก ตู้เย็นประเภทนี้เป็นตู้เย็นแบบทั่วไปและเป็นตู้เย็นที่ประหยัดพลังงานได้ดี มีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟมากกว่าตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็งด้านล่างหรือด้านข้างประมาณ 10-25% ดังนั้นหากกังวลเรื่องค่าไฟ ตู้เย็นแบบนี้ก็เหมาะสำหรับคุณ ข้อเสียของตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็งด้านบนคือผู้ใช้ต้องก้มตัวลงเพื่อค้นหาอาหาร หากผู้ใช้มีรูปร่างเตี้ยการเข้าถึงสิ่งของที่เก็บไว้ที่ด้านหลังของช่องแช่แข็งก็อาจเป็นเรื่องยากเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีข้อเสียอยู่บ้างแต่ตู้เย็นประเภทนี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมและสามารถติดตั้งได้ง่ายในพื้นที่ห้องครัวส่วนใหญ่

3. ตู้เย็นแบบแช่แข็งด้านล่าง

ตู้เย็นแบบมีช่องแช่แข็งด้านล่างก็เหมือนกับตู้เย็นแบบแช่แข็งด้านบน เพียงแค่มีช่องแช่แข็งที่อยู่ในตำแหน่งต่างกัน ตู้เย็นแบบนี้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก จุดเด่นของตู้เย็นประเภทนี้คือมีช่องแช่แข็งด้านล่างเพื่อให้เข้าถึงอาหารแช่แข็งได้ง่ายขึ้น โดยคุณไม่จำเป็นต้องน้อมหรือก้มตัวเพื่อมองหาอาหาร ตู้เย็นแบบนี้มีขนาดใหญ่กว่าตู้เย็นแบบแช่แข็งด้านบนเล็กน้อยและมีการออกแบบที่เรียบง่าย โดยทั่วไปแล้วตู้แช่แข็งของตู้เย็นแบบนี้กว้างกว่ารุ่นอื่น ๆ ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ช่องแช่แข็งด้านล่างเข้าถึงได้ง่ายและมีลิ้นชักแทนชั้นวาง คุณจึงไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะถูกผลักไปด้านหลัง

4. ตู้เย็น Side By Side

ตู้เย็นแบบนี้เป็นตู้เย็นที่กว้างกว่าตู้เย็นปกติ โดยพื้นฐานแล้วจะมี 2 ประตู โดยครึ่งหนึ่งของตู้เย็นเป็นช่องแช่แข็งส่วนอีกครึ่งหนึ่งมีไว้สำหรับแช่อาหารและเครื่องดื่ม สำหรับผู้ที่มักจะแช่แข็งอาหารในปริมาณมากหรือต้องการจัดเก็บอาหารแบบเยอะ ๆ  ตู้เย็นประเภทนี้อาจเหมาะกับคุณ ตู้เย็นแบบนี้มีช่องแช่แข็งที่มีขนาดใหญ่กว่าตู้เย็นแบบทั่วไป นอกจากนี้ตู้เย็นแบบ Side By Side จะมาพร้อมกับคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น เครื่องกดน้ำ เครื่องจ่ายน้ำแข็งและแผงอินเทอร์เฟซเพื่อควบคุม ตู้เย็นเหล่านี้ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากมีการออกแบบแบบแยกส่วนทำให้ง่ายต่อการหยิบสิ่งของออกจากทั้งช่องแช่แข็งและตู้เย็นในเวลาเดียวกัน

5. ตู้เย็น French Door

ตู้เย็นแบบ French Door หรือ Door in Door เป็นตู้เย็นอเนกประสงค์ที่แพงที่สุดแต่มีดีไซน์ที่สวยงาม ตู้เย็นแบบนี้มีความกว้างใกล้เคียงกับตู้เย็น Side By Side แต่อาจจะมี 3 – 4 ประตูเลยทีเดียว ตู้เย็นเหล่านี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากเพราะตู้เย็นแบบนี้สามารถทำให้เราสามารถเข้าถึงอาหารของคุณได้ง่ายมาก การแยกส่วนของตู้เย็นก็มีประโยชน์เช่นกันเพราะแทนที่จะเปลืองค่าไฟในการเปิดตู้เย็นทั้งตู้ก็สามารถเปิดแต่ละช่องเพื่อหยิบอาหารได้เลย ตู้เย็นแบบนี้มีชั้นวางที่กว้างขึ้น มีลิ้นชักที่ลึกมากและมีชั้นวางด้านบนแบบปรับได้ที่จะช่วยให้เก็บของทรงสูงได้ง่ายมากขึ้น

6. ตู้เย็นมินิบาร์

ตู้เย็นแบบนี้เป็นตู้เย็นสุดคลาสสิกของคนที่อาศัยอยู่ในหอพักและคนที่ต้องการมีตู้เย็นเล็ก ๆ ไว้ในห้องนอน ตู้เย็นขนาดเล็กนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี เนื่องจากมีขนาดเล็กทำให้ต้นทุนในการซื้อและการใช้งานน้อยลง ตู้เย็นแบบนี้สามารถเก็บเครื่องดื่มและของว่างไว้สำหรับดูกีฬาหรือเล่นเกมกับเพื่อน ๆ ของคุณได้ เหมาะมากหากคุณต้องการเก็บอาหารบางชนิดไว้ในอุณหภูมิที่แน่นอน เนื่องจากตู้เย็นขนาดเล็กนี้จะช่วยให้คุณเก็บอาหารไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสมโดยไม่ต้องกังวลว่าอุณหภูมิจะส่งผลกับอาหารในตู้เย็นของคุณ

[product_table item=”33781,3783,3786,3789,3792,3794,3796,3799,3801″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อตู้เย็น

1. พื้นที่จัดวางตู้เย็นภายในบ้าน

ก่อนซื้อตู้เย็นคุณจะต้องวัดความกว้าง ความลึกและความสูงของจุดที่จะวางตู้เย็นของคุณ อีกทั้งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่นั้นราบเรียบและได้ระดับที่เหมาะสม ในการติดตั้งตู้เย็นให้เว้นพื้นที่ด้านข้างและด้านหลังเผื่อไว้ 50 มม. (2 นิ้ว)และด้านบน100 มม. (4 นิ้ว) เพื่อใช้สำหรับการระบายอากาศ เรื่องนี้มีความสำคัญมากเพราะการไม่คำนึงถึงการระบายอากาศจะดักจับความร้อนรอบ ๆ ตู้เย็นของคุณ ดังนั้นตู้เย็นจะทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้ต่ำลงซึ่งจะเป็นการเพิ่มค่าไฟฟ้าของคุณ นอกจากนี้ให้สังเกตบานพับประตูตู้เย็นด้วย ดังนั้นควรวัดทางเข้าไปยังตำแหน่งของตู้เย็นของคุณด้วย และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงประตูได้

2. ความจุของตู้เย็น

ความจุของตู้เย็นเป็นตัวกำหนดจำนวนรายการและพื้นที่ที่ใช้งานของคุณ คุณต้องเลือกตู้เย็นที่มีความจุที่เหมาะสมตามความต้องการของคุณและครอบครัว ตู้เย็นที่มีความจุขนาดใหญ่ขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้คุณเสียเงินมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังใช้พื้นที่ในครัวของคุณมากขึ้นอีกด้วย ตู้เย็นเกือบทุกยี่ห้อมักจะมีการบอกความจุของช่องแช่แข็งและความจุโดยรวมของตู้เย็นโดยมีหน่วยเป็นลิตรหรือคิว การพิจารณาความจุโดยรวมของตู้เย็นเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากจะหมายถึงปริมาณอาหารที่คุณจะสามารถจัดเก็บไว้ในตู้เย็นได้ ตู้เย็นที่เหมาะสำหรับการใช้งานคนเดียวจะต้องมีความจุระหว่าง 50 ถึง 80 ลิตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตู้เย็นประตูเดียว ส่วนตู้เย็นที่มีความจุประมาณ 350 ลิตรขึ้นไปเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ค่ะ

3. ระบบละลายน้ำแข็ง

ตู้เย็นสามารถจำแนกตามระบบทำความเย็นที่ใช้ ได้แก่ตู้เย็นที่มีการระบายความร้อนโดยตรง (direct cooling /manual defrost) และตู้เย็นที่มีการระบายความร้อนด้วยพัดลม (no-frost/fan cooling) ต่อไปเราไปดูความแตกต่างของระบบละลายน้ำแข็งเหล่านี้กันค่ะ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

  • ระบบระบายความร้อนโดยตรง (direct cooling /manual defrost) นี่คือระบบทำความเย็นแบบดั้งเดิม อาศัยเครื่องระเหยเพื่อทำให้อากาศเย็นลงโดยไม่ต้องหมุนเวียนอากาศ ด้วยระบบนี้คุณจะไม่มีวิธีกระจายลมเย็นภายในตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ การระบายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำค้างแข็งในช่องแช่แข็ง ซึ่งคุณจะต้องละลายน้ำแข็งเอง ตู้เย็นแบบนี้จะมีราคาถูกกว่าและมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานน้อยกว่า อย่างไรก็ตามข้อเสียคือคุณจะต้องละลายน้ำแข็งเป็นระยะ ๆ ระบบความร้อนแบบนี้มักจะมีอยู่ในตู้เย็นแบบประตูเดียวและตู้เย็นมินิบาร์ค่ะ
  • ระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม (no-frost/fan cooling) ตู้เย็นในระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม อากาศยังคงระบายความร้อนด้วยเครื่องระเหยแต่แทนที่จะใช้การหมุนเวียนตามธรรมชาติ จะใช้พัดลมไฟฟ้าเพื่อกระจายลมเย็นภายในช่อง วิธีนี้จะทำงานได้ดีกว่าในการทำให้อาหารภายในตู้เย็นเย็นเท่า ๆ ระบบแบบนี้ส่วนใหญ่มีองค์ประกอบความร้อนในช่องแช่แข็งที่เปิดและปิด ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดน้ำค้างแข็ง โดยปกติแล้วตู้เย็นแบบนี้จะมีราคาแพงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตู้เย็นระบบละลายน้ำแข็งด้วยตัวเอง

4. การออกแบบและชั้นวางของ

ตู้เย็นเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ในบ้านที่ใหญ่ที่สุดในห้องครัวของเรา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องผสมผสานเข้ากับความสวยงามของห้องครัวได้อย่างสวยงาม ตู้เย็นส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีหลายสีให้เลือก ซึ่งจะช่วยให้คุณจับคู่สีของตู้เย็นกับสีของผนังได้ ส่วนชั้นวางของในตู้เย็นก็มีความสำคัญมาก ชั้นวางเหล่านี้เหมาะสำหรับการหมุนเวียนอากาศภายในช่องทำความเย็น ตู้เย็นบางรุ่นยังคงใช้ชั้นวางโลหะเพื่อความทนทาน แต่เราขอแนะนำให้ซื้อตู้เย็นที่ใช้วัสดุจากแก้ว เพราะชั้นวางเหล่านี้แข็งแรงพอที่จะรองรับภาชนะที่หนักที่สุดได้ อีกทั้งยังไม่มีช่องว่างคุณจึงสามารถวางอาหารชิ้นเล็ก ๆ ไว้บนชั้นวางได้โดยตรง นอกจากนี้ชั้นวางแบบนี้ยังเพิ่มรูปลักษณ์ของตู้เย็นได้ดี แต่หากคุณชอบย้ายอาหารในตู้เย็นอยู่บ่อยครั้ง ควรพิจารณาตู้เย็นที่มีชั้นวางแบบปรับได้ ชั้นวางเหล่านี้จะสามารถเลื่อนขึ้นหรือลงหรือสามารถถอดออกทั้งหมดเพื่อเก็บภาชนะหรือขวดขนาดใหญ่

5. ตู้กดน้ำและตู้ทำน้ำแข็ง

ตู้กดน้ำเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ยอดเยี่ยมสำหรับตู้เย็น เนื่องจากคุณไม่ต้องยุ่งยากในการเปิดและปิดประตูทุกครั้งที่ต้องการดื่มน้ำเย็นหนึ่งแก้ว ตู้กดน้ำมักจะเป็นระบบในตู้เย็นแบบ French Door Side By Side และตู้เย็นสองประตูระดับไฮเอนด์บางรุ่น อีกทั้งตู้เย็นบางรุ่นอาตมาพร้อมกับเครื่องจ่ายน้ำแข็ง ตู้เย็นแบบนี้สามารถให้น้ำแข็งแก่คุณได้ทันทีตามต้องการ นอกจากคุณสมบัตินี้แล้วอย่าลืมมองหาคุณสมบัติในการกำจัดกลิ่นด้วย ในสมัยก่อนเราต้องใส่ถ่านในตู้เย็นเพื่อขจัดกลิ่นเหม็น แต่ปัจจุบันผู้ผลิตจะติดตั้งเครื่องกำจัดกลิ่นในตู้เย็นไว้แล้ว คุณจึงไม่ต้องใช้ถ่านอีกต่อไป ตู้เย็นบางยี่ห้อยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอตู้เย็นที่สามารถขจัดไวรัสและแบคทีเรียได้ค่ะ

ประโยชน์ของตู้เย็น

ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากไม่ว่าจะในบ้าน ออฟฟิศหรือในร้านอาหาร เราก็มักจะเห็นตู้เย็นวางอยู่ นั่นเป็นเพราะตู้เย็นเป็นเครื่องมือในการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง ตู้เย็นสามารถลดอุณหภูมิของอาหารเพื่อทำให้การเจริญเติบโตของแบคทีเรียลดลงและทำให้อาหารที่คุณต้องการจัดเก็บมีอายุการเก็บรักษานานขึ้น ตู้เย็นสามารถควบคุมอุณหภูมิความเย็นที่เราต้องการได้ แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าอุณหภูมินั้นมีความสำคัญมากในการทำให้อาหารมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ซึ่งการรักษาอุณหภูมิและความสะอาดให้คงที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดเก็บอาหาร หากคุณไม่รู้ว่าจะซื้อตู้เย็นไปทำไมให้ลองนึกภาพที่คุณซื้อเนื้อสัตว์หรืออาหารปรุงสำเร็จมาทาน ขอบอกเลยว่าหากคุณไม่ได้เก็บเนื้อสัตว์อย่างถูกต้องเนื้อสัตว์ของคุณมีโอกาสที่จะเน่าเสียภายในครึ่งวัน หากคุณซื้ออาหารมาทานและต้องการเก็บไว้ทานในมื้อถัดไป การเทใส่จานและปิดฝาอาหารไว้ไม่ใช่วิธีที่ดีเพราะนอกจากจะทำให้อาหารเสียรสชาติแล้ว ยังสามารถเรียกมดและแมลงวันให้มาตอมอาหารได้อีกด้วย แต่หากคุณมีตู้เย็นปัญหานี้ก็จะหมดไปเพราะคุณสามารถจัดเก็บเนื้อสัตว์และอาหารที่ซื้อมาได้ อีกทั้งตู้เย็นยังสามารถทำให้เนื้อสัตว์และอาหารของคุณมีความสดใหม่ไปอีกประมาณ 2 – 3 วันโดยไม่มีการเน่าเสีย นอกจากนี้ตู้เย็นยังสามารถแช่อาหารได้ทุกประเภทที่ต้องการความเย็นในการถนอมอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ ไอศกรีม ฯลฯ เพื่อช่วยให้อาหารของคุณสดใหม่เหมือนเพิ่งซื้อมาจากซูเปอร์มาเก็ตเลยทีเดียว