เครื่องตีแป้ง (เครื่องผสมอาหาร) ยี่ห้อไหนดี – อุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำขนมของคุณง่ายขึ้น

เครื่องตีแป้ง (เครื่องผสมอาหาร) ที่ดีที่สุด
เครื่องตีแป้ง (เครื่องผสมอาหาร) ที่ดีที่สุด

อาหารจำพวกขนม เช่น เบเกอรี่ หรือเค้ก เป็นอาหารที่ต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำเป็นอย่างมาก เพื่อให้มีรสชาติที่ดี ซึ่งส่วนผสมหลัก ๆ ที่มีอยู่ในขนมจำพวกนี้ก็คือ แป้ง, ยีสต์, ไข่ไก่, นม และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าก่อนที่เราจะทำขนม ส่วนผสมเราจะต้องเปะ ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เครื่องชั่งอาหารดิจิตอลเข้ามาช่วย หลังจากนั้นเราต้องผสมส่วนผสมเหล่านี้ให้เข้ากัน แม้ว่าเราจะสามารถผสม และนวดแป้งชนิดต่าง ๆ ด้วยมือได้ แต่งานเหล่านี้ จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากคุณใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในการผสม ซึ่งเราได้เรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่า “เครื่องผสมอาหาร (เครื่องตีแป้ง)” ค่ะ

เครื่องผสมอาหาร ในปัจจุบันนั้น มี 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน นั่นก็คือ เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ เหมาะสำหรับใช้ผสมของเหลว และเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ เหมาะสำหรับตีครีม ตีไข่ขาว ตีแป้ง อีกทั้งยังสามารถใช้ผสมครีม น้ำตาล และเนย ลงในแป้งที่เบาและนุ่มได้อย่างง่ายดาย หลายคนอาจจะมองว่าเครื่องผสมอาหารนั้นไม่จำเป็น แต่เราขอบอกเลยค่ะว่า การผสมอาหารด้วยมือนั้นเป็นเรื่องที่เหนื่อยเอามาก ๆ อีกทั้งการนวดหรือผสมแป้งด้วยมือก็ไม่อาจจะการันตีได้ว่า ส่วนผสมที่ได้จะขึ้นฟูหรือไม่ ซึ่งคุณอาจจะเหนื่อยฟรี ๆ ดังนั้นการใช้เครื่องผสมอาหารจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ๆ และก็เหมาะสำหรับการใช้ทำแป้งทุกประเภทรวม ไปถึงยังใช้ในการบดเนื้อ แปรรูปอาหาร และทำอาหารอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถ้าหากวันนี้คุณกำลังต้องการจะซื้อ เครื่องผสมอาหาร เราก็มีสินค้า และคำแนะนำในการเลือกซื้อมาฝากกันค่ะ

ซื้อ เครื่องตีแป้ง ยี่ห้อไหนดีและเหมาะกับคุณ ปี 2021

[summary item=”4664,4666,4668,4670,4672,4674″]

เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ VS เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ แบบไหนดีกว่ากัน ?

เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ และเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ เป็นเครื่องมือที่มีไว้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน นั่นก็คือ ใช้ผสมส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน แต่แน่นอนว่า ทั้ง 2 แบบ ก็มีความแตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ถ้าหากคุณอยากรู้ว่าจะต้องซื้อแบบไหนดี ? เราก็มีคำตอบมาฝากกันค่ะ

เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ

เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ เป็นเครื่องผสมอาหารที่คุณต้องพึ่งพามือตัวเองในการผสมอาหาร แต่ความสะดวกของมันก็คือคุณไม่จำเป็นต้องออกแรงเพราะเครื่องมีมอเตอร์ อุปกรณ์นี้มีการออกแบบที่ค่อนข้างธรรมดา มีราคาถูกกว่าและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน หากคุณใช้เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ คุณสามารถบด ผสม หรือแม้แต่ตีส่วนผสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องมีการปรับความเร็วที่แตกต่างกันเพื่อให้คุณผสมอาหารได้อย่างแม่นยำ ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนรูปแบบการผสม คุณสามารถถอดหัวผสมออกและใส่หัวผสมในรูปแบบอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

ข้อดี ข้อเสีย

+ ราคาไม่แพง

+ สามารถทำความสะอาดได้ง่าย

+ ใช้พื้นที่ในครัวน้อย

+ ผสมอาหารได้รวดเร็ว

– มอเตอร์ค่อนข้างเล็ก

– ไม่มีโถผสม

– มีโอกาสที่ส่วนผสมจะกระเด็น

– ผสมแป้งหนา ๆ ไม่ได้

เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ

เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องพยายามจับโถผสมให้แน่นเหมือนอย่างที่คุณต้องทำเมื่อใช้เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะมีมอเตอร์ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อมโถผสมในตัววิธีนี้จะช่วยขจัดปัญหาน้ำหรือส่วนผสมกระเซ็น และจะทำให้การผสมอาหารเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะมักจะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริม เช่น ตะขอเกี่ยวแป้ง พาย และที่ตีแป้ง ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ใดก็ได้ให้เหมาะกับงานของคุณ

ข้อดี ข้อเสีย

+ มีชามผสมขนาดใหญ่

+ ส่วนผสมไม่กระเด็นออกมา

+ ชามผสมมีความมั่นคงมาก

+ ทำงานอัตโนมัติ

– ทำความสะอาดได้ยาก

– ราคาค่อนข้างสูง

– ต้องใช้พื้นที่ในการจัดวาง

[product_table item=”4664,4666,4668,4670,4672,4674″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ

1. ขนาดของโถผสม

เมื่อคุณเลือกซื้อเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ ขนาดของโถผสม เป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะมักจะมีความจุระหว่าง 3 – 10 ลิตร หากคุณชอบทำขนมเป็นงานอดิเรก ทำเป็นครั้งคราว เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะที่มีชามผสมอาหารขนาดเล็ก จะรองรับความต้องการของคุณได้ดี แต่หากคุณกำลังวางแผนที่จะทำอาหารมื้อใหญ่ ต้องการผสมในปริมาณมาก ๆ ผสมแป้งที่หนาขึ้น การเลือกเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะที่มีชามผสมขนาดใหญ่ขึ้น จะเหมาะสำหรับคุณมากกว่าค่ะ แต่หากคุณซื้อเครื่องผสมอาหารแบบมือถือ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาค่ะ เนื่องจากเครื่องผสมอาหารแบบมือถือไม่มีโถผสมมาให้นั่นเอง

2. กำลังไฟ

กำลังไฟของเครื่องผสมอาหารที่คุณเลือกซื้อ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จำเป็นต้องพิจารณาค่ะ โดยกำลังไฟขั้นต่ำที่เราอยากจะแนะนำเมื่อซื้อเครื่องผสมอาหาร ก็คือ 250 วัตต์ หากคุณวางแผนที่จะผสมพวกของเหลว หรือส่วนผสมที่ไม่หนามาก เครื่องผสมอาหารที่มีกำลังไฟต่ำก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากคุณต้องการใช้เครื่องผสมอาหารไปตีแป้งหรือส่วนผสมที่มีความเหนียวและหนามาก ๆ คุณก็จะต้องเลือกมอเตอร์ที่มีกำลังไฟ 400 วัตต์ ขึ้นไป เพราะมันจะมีกำลังในการผสมมากพอ และจะช่วยให้การผสมง่ายขึ้น แต่โปรดจำไว้ว่า แม้ว่าเครื่องผสมอาหารบางยี่ห้อ อาจอ้างว่า ใช้มอเตอร์ขนาด 500 วัตต์ แต่มันอาจใช้พลังงานมากกว่านั้นก็เป็นได้ ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบสเปกให้มั่นใจก่อนซื้อค่ะ

3. การควบคุม และการตั้งค่า

ส่วนควบคุมของเครื่องผสมอาหาร มีตั้งแต่ แบบแป้นหมุน ปุ่มกด และระบบอัตโนมัติ โดยส่วนใหญ่เครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ มักจะมีการตั้งค่าความเร็วอยู่ที่ 3 ถึง 12 ระดับ ซึ่งมีความเร็วต่ำ ปานกลาง และสูง และมีระบบการทำงานอัตโนมัติ เริ่มและหยุดตามค่าที่คุณได้ตั้งเอาไว้ ซึ่งเป็นระบบพื้นฐาน ส่วนเครื่องผสมอาหารแบบมือถือ มักจะมีการตั้งค่าความเร็วอยู่ที่ 3 ถึง 7 ระดับ นอกจากนี้บางรุ่นยังมีฟังก์ชันพิเศษ อย่าง ปุ่ม Pulse เพื่อปรับให้ส่วนผสมมีความเสมอกัน โดยเครื่องผสมอาหารแบบมือถือ จะมีการออกแบบที่เรียบง่ายมาก ๆ เน้นใช้งานง่าย ส่วนเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ จะมีฟังก์ชันที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เครื่องผสมอาหารบางรุ่น มีตัวจับเวลาภายใน และฟังก์ชันหยุดการทำงานอัตโนมัติ (เรียกอีกอย่างว่าระบบป้องกันการโอเวอร์โหลด) แม้ว่าจะไม่ใช่การควบคุมที่จำเป็นแต่ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างแน่นอนค่ะ

4. ขนาด และน้ำหนักโดยรวม

เครื่องผสมอาหารแบบมือถือ มักจะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงเรื่องของขนาด แต่ถ้าหากคุณต้องการซื้อเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ ขนาด และน้ำหนัก จะกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นทันที เพราะมันมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และต้องการพื้นที่ในการจัดวางพอสมควร ดังนั้นก่อนที่คุณจะซื้อเครื่องผสมอาหารแบบตั้งโต๊ะ คุณต้องวัดพื่นที่ เพื่อดูว่า คุณมีพื้นที่ในการจัดวางมากพอหรือไม่ หากคุณมีพื้นที่ในการจัดวางน้อย คุณอาจต้องการพิจารณาเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบา เพื่อให้ง่ายต่อการจัดวางและเคลื่อนย้ายค่ะ