ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี? – สำหรับวิ่งที่บ้าน

ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ดีที่สุด ปี 2021 - สำหรับออกกำลังกาย วิ่งที่บ้าน
ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ดีที่สุด ปี 2021 - สำหรับออกกำลังกาย วิ่งที่บ้าน

“ลู่วิ่งไฟฟ้า” ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ออกกำลังกายพื้นฐานที่คุณต้องมี หากคุณเป็นคนที่ชอบการออกกำลังกาย หลายคนอาจจะมองว่าอุปกรณ์นี้ไม่จำเป็นเท่าไหร่นักเพราะเราสามารถไปฟิตเนสได้ จ่ายเพียงไม่กี่บาทก็ได้วิ่งเป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่หรูหราแล้ว แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์โรคระบาดเหมือนตอนที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เราก็ไม่สามารถที่จะไปฟิตเนสได้เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค อีกทั้งหากคุณคำนวณให้ดี ๆ ค่าใช้จ่ายในการไปฟิตเนสแต่ละครั้งรวมกันก็สามารถซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าได้แล้วค่ะ

การมีลู่วิ่งไฟฟ้าที่บ้านเปลี่ยนบ้านของคุณเป็นโฮมยิมจะทำให้การออกกำลังกายและการวิ่งของคุณสะดวกมากขึ้นอีกด้วย

แต่การเลือกลู่วิ่งที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ คุณควรเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความต้องการและความชอบของคุณ แต่หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการค้นหาลู่วิ่งไฟฟ้าอย่างไร ในวันนี้เราได้รวบรวมลู่วิ่งไฟฟ้าที่ดีที่ที่สุด โดยคำนึงถึงปัจจัยในการเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าที่สำคัญ เช่น ราคา ประสิทธิภาพและคุณสมบัติพิเศษ ถ้าพร้อมแล้วไปเลือกกันได้เลยค่ะ

เหตุผลที่ควรซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ?

การซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ามีประโยชน์ต่อคนที่ชอบออกกำลังกายมาก เพราะคุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังในโรงยิมหรือฟิตเนสที่มีผู้คนพลุกพล่าน มีกลิ่นเหงื่อเหม็นอับและไม่ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์ที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป การมีลู่วิ่งไฟฟ้าสามารถช่วยให้คุณวิ่งออกกำลังกายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ว่าจะตอนเช้าก่อนไปทำงานหรือตอนกลางคืนที่รู้สึกว่างก็สามารถวิ่งได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ลู่วิ่งไฟฟ้าไม่ได้ใช้งานได้แค่วิ่งเพียงอย่างเดียวค่ะ เพราะคุณสามารถใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์คาร์ดิโอที่หลากหลายได้ซึ่งรวมถึงการเดิน วิ่งจ็อกกิ้ง วิ่งเร็วและวิ่งมาราธอน การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยในการลดน้ำหนัก ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ เพิ่มกล้ามเนื้อและเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้หากมีลู่วิ่งไฟฟ้าคุณยังสามารถคุยโทรศัพท์ได้ ทำงานบนพีซีหรือแล็ปท็อปและดูโทรทัศน์ขณะออกกำลังกายบนลู่วิ่งได้อีกด้วย อุปกรณ์นี้ถือเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่าเหมาะสำหรับไว้ใช้งานในระยะยาวค่ะ

ซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

[summary item=”3755,3773,3767,3769,3764,3771″]

ประเภทของลู่วิ่ง

ปกติแล้วลู่วิ่งมี 2 ประเภท นั่นก็คือลู่วิ่งแบบแมนนวลและลู่วิ่งแบบใช้มอเตอร์ ความแตกต่างที่สำคัญของลู่วิ่งทั้ง 2 ประเภทอยู่ที่มอเตอร์ ลู่วิ่งแบบแมนนวลจะไม่มีมอเตอร์ส่วนลู่วิ่งแบบมอเตอร์จะมีมอเตอร์ค่ะ

เราไปดูความแตกต่างอื่นของลู่วิ่งทั้ง 2 ประเภทกันค่ะ

1. ลู่วิ่งแบบแมนนวล

ลู่วิ่งแบบแมนนวลจะขับเคลื่อนด้วยสายพาน ซึ่งสายพานจะเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของคุณ ซึ่งหมายความว่าลู่วิ่งแบบแมนนวลสามารถวิ่งได้เร็วเท่ากำลังที่คุณมีเท่านั้นเนื่องจากไม่มีมอเตอร์ติดอยู่ ดังนั้นลู่วิ่งแบบแมนนวลจึงมักจะเล็กกว่าและเบากว่า ซึ่งจะใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยลงและสามารถย้ายจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งได้ง่ายขึ้น ขอบอกเลยว่าลู่วิ่งแบบแมนนวลมักจะมีราคาถูกกว่ารุ่นที่ใช้มอเตอร์มาก แต่ข้อเสียของมันก็คือไม่สามารถตั้งค่าความเร็วและความชันของลู่วิ่งได้

2. ลู่วิ่งแบบมอเตอร์

ลู่วิ่งแบบใช้มอเตอร์นั้นเป็นที่นิยมมากกว่าลู่วิ่งแบบแมนนวล ลู่วิ่งแบบใช้มอเตอร์มักจะมาในรูปแบบเครื่องจักรขนาดใหญ่และมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งทำขึ้นเพื่อเลียนแบบประสบการณ์การวิ่งในพื้นที่ทั่ว ๆ ไป และมาในช่วงความเร็วที่แตกต่างกัน โดยผู้ใช้สามารถปรับความเร็วและความชันได้อัตโนมัติด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวค่ะ ลู่วิ่งแบบใช้มอเตอร์เหมาะสำหรับการเดินและวิ่ง นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการลู่วิ่งที่มีคุณสมบัติไฮเทค เพราะลู่วิ่งแบบมอเตอร์ในบางยี่ห้อสามารถอ่านข่าว ฟังเพลงและดูหนังระหว่างการวิ่งได้

[product_table item=”3755,3773,3767,3769,3764,3771″ info=”1″ layout=”2″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ

1.รูปแบบของลู่วิ่ง 

  • ลู่วิ่งราคาประหยัด ลู่วิ่งราคาประหยัดเป็นลู่วิ่งที่มีราคาไม่แพงและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพียงแค่เดินหรือวิ่งเบา ๆ ที่บ้าน ลู่วิ่งเหล่านี้สามารถพับและเก็บได้ง่าย แต่ลู่วิ่งแบบนี้ไม่มีจอภาพแบบสัมผัส ไม่มีการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจขั้นสูง ดังนั้นจึงมีราคาถูกมาก ๆ  โดยทั่วไปแล้วลู่วิ่งแบบนี้จะทำจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบากว่าและมีความทนทานต่ำ
    • ข้อดี
      • ราคาไม่แพง
      • ใช้พื้นที่น้อยลง
      • เหมาะสำหรับการเดินและวิ่งจ๊อกกิ้ง
    • ข้อเสีย
      • ชิ้นส่วนและวัสดุคุณภาพต่ำ
      • มีความทนทานน้อยกว่าลู่วิ่งประเภทอื่น
      • รองรับน้ำหนักได้น้อยกว่า
  • ลู่วิ่งแบบพับได้ ลู่วิ่งแบบพับได้แบบนี้มีทั้งแบบทั่วไปและรุ่นไฮเอนด์ที่มีความทนทานสูง สำหรับลู่วิ่งแบบนี้ตัวเครื่องจะมีฟีเจอร์ที่ดีขึ้น มีเทคโนโลยีที่มากขึ้นและมีคุณภาพการผลิตที่ดีขึ้น หากใช้ลู่วิ่งแบบนี้คุณจะสามารถเดินและจ็อกกิ้งไปจนถึงสามารถวิ่งแบบเต็มฝีเท้าได้ นอกจากนี้ลู่วิ่งแบบนี้ในบางยี่ห้อยังมีเทคโนโลยีมาตรฐานยังรวมถึงบลูทูธ การเชื่อมต่อ WiFi การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านสายรัด หน้าอกและที่จับ อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ขึ้นด้วย แต่ในบางยี่ห้อก็ไม่มีสิ่งเหล่านี้นะคะ หากคุณต้องการลู่วิ่งแบบนี้แนะนำให้ดูฟีเจอร์แต่ละเครื่องค่ะ
    • ข้อดี
      • ใช้พื้นที่น้อย
      • เหมาะสำหรับการเดิน วิ่งจ๊อกกิ้งและวิ่งทั่วไป
      • คุณภาพของวัสดุที่ยอดเยี่ยม (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
    • ข้อเสีย
      • ราคาค่อนข้างสูงกว่าลู่วิ่งราคาประหยัดที่พับได้ ทั้ง ๆ ที่ฟีเจอร์ไม่ได้แตกต่างกันมาก
  • ลู่วิ่งเชิงพาณิชย์ ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถพับได้ มักสร้างขึ้นสำหรับผู้วิ่งที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ หรือต้องการลู่วิ่งที่มีเสถียรภาพและทรงพลังมากเป็นพิเศษ ลู่วิ่งแบบนี้มีพื้นยางสำหรับวิ่งขนาดใหญ่ที่ทนทานมาก โดยคุณมักจะพบลู่วิ่งแบบนี้ได้ในสถานที่ออกกำลังกายต่าง ๆ เช่น โรงยิม โรงแรม คลับเฮาส์ ฯลฯ
    • ข้อดี
      • มีโปรแกรมให้วิ่งมากมายเหมาะสำหรับคนที่ชอบวิ่ง
      • มีมอเตอร์เกรดเชิงพาณิชย์เหมาะสำหรับการวิ่งแบบหนัก ๆ
      • รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น
    • ข้อเสีย
      • ราคาค่อนข้างแพง โดยเฉพาะรุ่นระดับไฮเอนด์
      • พกพาไม่สะดวก เคลื่อนย้ายไม่ได้
      • ต้องใช้พื้นที่ในการจัดวาง

2. มอเตอร์ของลู่วิ่ง

ความแรงของมอเตอร์เป็นอีกหนึ่งข้อกำหนดที่สำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ถูกจัดประเภทตามแรงม้า (HP) หรือแรงม้าต่อเนื่อง (CHP) HP หมายถึงกำลังสูงสุดของมอเตอร์ ในขณะที่ CHP หมายถึงกำลังที่มอเตอร์สามารถรักษาความคงที่ไว้ได้เมื่อเวลาผ่านไป ค่า CHP มีความสำคัญสำหรับผู้ใช้มากกว่า เนื่องจากเราต้องการทราบว่ามอเตอร์ของเรามีความแข็งแรงเพียงใดในขณะที่เราใช้ในระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งแน่นอนว่าหากลู่วิ่งไฟฟ้ามี HP ที่มากขึ้นเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะมันจะช่วยให้คุณวิ่งได้เร็วขึ้นและทำให้การออกกำลังกายของคุณสบายขึ้นโดยคุณไม่ต้องกังวลเลยว่าเครื่องจะอืดในระหว่างการใช้งาน ปกติแล้วมอเตอร์ของลู่วิ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 2.0 ถึง 4.0 CHP หากคุณต้องการเดินหรือวิ่งเหยาะ ๆ ลู่วิ่งที่มีมอเตอร์ 2.0 CHP อาจเพียงพอสำหรับคุณแต่หากถ้าคุณชอบวิ่งแบบเต็มฝีเท้าคุณควรมองหาลู่วิ่งที่มีมอเตอร์อย่างน้อย 3.0 CHP ค่ะ

3. พื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่ง

เมื่อพูดถึงความสบายของลู่วิ่ง ขนาดของพื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่งนั้นเป็นข้อมูลจำเพาะที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีในการสังเกตว่าลู่วิ่งไฟฟ้าได้มาตรฐานหรือไม่ ปกติแล้วลู่วิ่งที่มีราคาถูกมักจะมีพื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่งขนาดเล็กมากซึ่งทำให้ไม่สะดวกในการวิ่งเท่าไหร่นัก พื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่งนั้นอาจมีหน่วยวัดเป็นนิ้วหรือเซนติเมตร ซึ่งความยาวและความกว้างของพื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่งนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง โดยทั่วไป ยิ่งขนาดโดยรวมสำหรับลู่วิ่งขนาดใหญ่เท่าใด พื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่งก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น ขนาดมาตรฐานสำหรับพื้นที่ผ้ายางสำหรับวิ่งอยู่ที่ 152.4 x 50.8 ซม. ซึ่งพื้นที่ขนาดนี้สามารถรองรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ได้อย่างสะดวกสบายในขณะวิ่ง เพราะหากพื้นที่สั้นหรือแคบเกินไปคุณอาจจะต้องก้าวให้สั้นลงเมื่อวิ่งค่ะ

4. คุณสมบัติพิเศษของลู่วิ่ง

คุณสมบัติของลู่วิ่งไฟฟ้านั้นจะแตกต่างกันไปตามช่วงราคา ยี่ห้อและรุ่น ในการซื้อลู่วิ่งคุณดูสเปคของตัวเครื่องโดยรอบก่อนเสมอเช่น ความกว้างและยาวของพื้นยางความแข็งแรงของมอเตอร์ ส่วนคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นสำหรับนักวิ่งมากนัก แต่สามารถเพิ่มความเพลิดเพลินในการออกกำลังกายของคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ ต่อไปไปดูคุณสมบัติพิเศษที่ควรจับตามองเมื่อซื้อลู่วิ่งกันค่ะ

  • ความชัน ลู่วิ่งไฟฟ้าเกือบทั้งหมดมีฟังก์ชันความชันอยู่ในตัว นี่เป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเพราะสามารถเพิ่มความหลากหลายให้กับการออกกำลังกายของคุณได้ คุณสามารถเดินบนทางลาดเอียงสูงและเผาผลาญแคลอรีได้เกือบเท่ากับตัวหากมีคุณสมบัติพิเศษนี้ในลู่วิ่ง ลู่วิ่งส่วนใหญ่มีทางลาดชันที่ทำมุมอยู่ที่ 10-20 องศาซึ่งเป็นความชันที่ดีในการเผาผลาญแคลอรี่ค่ะ
  • โปรแกรมการออกกำลังกาย ลู่วิ่งจะแตกต่างกันไปตามโปรแกรมที่มีในตัวเครื่อง ลู่วิ่งส่วนใหญ่นำเสนอการออกกำลังกายที่หลากหลายซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายการออกกำลังกายของคุณ โดยในลู่วิ่งบางยี่ห้ออาจจะมีโปรแกรมคาร์ดิโอ การเผาผลาญไขมัน ช่วงเวลา อัตราการเต้นของหัวใจ (HR) เป็นต้น ขอบอกเลยว่าลู่วิ่งบางรุ่นอาจจะมีแค่ 6 โปรแกรมให้เลือกแต่บางยี่ห้ออาจมีถึง 50 โปรแกรมเลยทีเดียว ถึงแม้ซิ่งนี้จะดูไม่สำคัญมากนักแต่โปรแกรมการออกกำลังกายนั้นดีมากเพราะช่วยควบคุมการออกกำลังกายให้คุณได้ดีค่ะ
  • เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (HR) ลู่วิ่งส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีจอภาพ HR แบบจับยึด สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ดีในการทำความเข้าใจว่าอัตราการเต้นของหัวใจของคุณอยู่ที่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วลู่วิ่งจะจับอัตราการเต้นหัวใจแบบไร้สาย แต่ในบางหลายรุ่นก็อาจจะมีสายรัดหน้าอกและจอภาพ HR แบบนาฬิกาเพื่อใช้จับอัตราการเต้นของหัวใจค่ะ คุณสมบัติพิเศษนี้เหมาะมากสำหรับนักวิ่งมืออาชีพ