“อาการไข้หวัด” เป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อยมาก แน่นอนทุกคนเกิดมาต้องเคยเป็นไข้หวัด ซึ่งไข้หวัดอาจจะเกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และเราจะเป็นไข้หวัดได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว เนื่องจากร่างกายของเรามีความอุ่น ไม่สัมพันธ์กับอากาศที่มีความเย็น แน่นอนว่าการป่วยแม้ว่าคุณจะอยู่บ้านบนเตียงก็ไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะเมื่อเราป่วยแต่ละครั้งจะทำให้เกิดการรวมกันของอาการปวดเมื่อยร่างกาย, ไข้, หนาวสั่น และคัดจมูก นอกจากนี้อาการไข้เพียงอย่างเดียวก็มีอานุภาพมากเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนขาดความสุขไปชั่วขณะ
ปัจจุบันมีวิธีรักษามากมายที่สามารถบรรเทาอาการไข้หวัดของคุณและทำให้คุณกลับมาเป็นปกติได้ หากคุณยังรู้สึกไม่สบายหลังจากผ่านไป 2-3 สัปดาห์ให้นัดหมายกับแพทย์เพื่อรับการรักษา และยิ่งถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการหายใจ มีการเต้นของหัวใจที่รวดเร็ว รู้สึกจะเป็นลม หรือพบอาการรุนแรงอื่น ๆ ให้รีบไปพบแพทย์แบบเร่งด่วน หากตอนนี้คุณกำลังนอนซมอยู่บนเตียงและต้องการรักษาอาการไข้หวัดเราก็มีวิธีแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้มาแนะนำกันค่ะ
1. ซุปไก่
ซุปไก่อาจไม่ใช่วิธีรักษาอาการไข้หวัด แต่เป็นทางเลือกที่ดีเมื่อคุณป่วย การวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเพลิดเพลินกับซุปไก่สามารถชะลอการเคลื่อนไหวของนิวโทรฟิลในร่างกายของคุณได้ โดยนิวโทรฟิลเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งช่วยปกป้องร่างกายของคุณจากการติดเชื้อ (1) จากการศึกษาพบว่าซุปไก่มีประสิทธิภาพในการลดอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนโดยเฉพาะ ซุปโซเดียมต่ำยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีและช่วยให้คุณไม่ขาดน้ำในตอนเป็นหวัด (1),(2)
2. ขิง
ประโยชน์ต่อสุขภาพของขิงได้รับการกล่าวขานมานานหลายศตวรรษ แต่ตอนนี้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับคุณสมบัติในการรักษา การใช้รากขิงดิบ 2 – 3 ชิ้น ต้มลงในน้ำเดือด อาจช่วยบรรเทาอาการไอหรือเจ็บคอได้ การวิจัยชี้ให้เห็นว่า น้ำขิงสามารถขจัดความรู้สึกคลื่นไส้ที่มักมาพร้อมกับไข้หวัดใหญ่ได้ (3)
3. น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย การดื่มน้ำผึ้งในชาผสมมะนาวสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอได้ การวิจัยชี้ให้เห็นว่าน้ำผึ้งเป็นยาระงับอาการไอที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน ในการศึกษาหนึ่งนักวิจัยพบว่าการให้เด็กกินน้ำผึ้ง 10 กรัม ก่อนนอน จะช่วยลดความรุนแรงของอาการไอได้ มีรายงานว่าเด็ก ๆ นอนหลับสนิทมากขึ้น ซึ่งยังช่วยลดอาการหวัดได้อีกด้วย (4) แต่คุณไม่ควรให้น้ำผึ้งแก่เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี เนื่องจากในน้ำผึ้งมักมีสปอร์โบทูลินั่ม แม้ว่าโดยปกติแล้วจะไม่เป็นอันตรายต่อเด็กโตและผู้ใหญ่ แต่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกก็ไม่สามารถต่อสู้กับสารนี้ได้
4. กระเทียม
กระเทียมมีสารอัลลิซินซึ่งอาจมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพ การเพิ่มกระเทียมลงในอาหารของคุณ อาจลดความรุนแรงของอาการหวัดได้ จากการวิจัยบางชิ้นอาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการป่วยได้ในตอนแรก (5) แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ในการต่อสู้กับโรคหวัดของกระเทียม ในระหว่างนี้การเพิ่มกระเทียมลงในอาหารของคุณก็อาจไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกาย
5. เอ็กไคนาเซีย
ชาวอเมริกันพื้นเมืองใช้สมุนไพร และรากของต้นเอ็กไคนาเซีย (Echinacea) ในการรักษาอาการติดเชื้อมานานกว่า 400 ปี สารออกฤทธิ์ ได้แก่ ฟลาโวนอยด์ สารเคมีที่มีผลในการรักษาหลายอย่างต่อร่างกาย ตัวอย่างเช่น ฟลาโวนอยด์สามารถเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบได้ มีการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสมุนไพรในการต่อสู้กับโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ การรับประทานเอ็กไคนาเซียอาจลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไข้หวัดได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังอาจลดระยะเวลาของการเป็นหวัด หากคุณเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงให้ทานรากหรือสมุนไพรเอ็กไคนาเซีย 1 ถึง 2 กรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อาการไข้หวัดจะหายไป (6)
6. วิตามินซี
วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในร่างกายของคุณและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย วิตามินซีจะมีใน มะนาว ส้ม เกรปฟรุต ผักใบเขียว และผักผลไม้อื่น ๆ แต่มะนาวจะเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีที่สุด การเติมน้ำมะนาวสดลงในชาร้อนกับน้ำผึ้งอาจช่วยลดเสมหะเมื่อคุณป่วยได้ (4) การดื่มน้ำมะนาวร้อนหรือเย็นก็อาจช่วยได้เช่นกัน แม้ว่าเครื่องดื่มเหล่านี้อาจไม่ช่วยให้ไข้หวัดในร่างกายคุณหายไปทั้งหมด แต่ก็สามารถช่วยให้คุณได้รับวิตามินซีที่ระบบภูมิคุ้มกันของคุณต้องการ การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอสามารถบรรเทาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและความเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้ (7)
7. โปรไบโอติก
โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียและยีสต์ที่ดีต่อสุขภาพของเรา มักจะพบในอาหารบางชนิด และอาหารเสริม โดยโปรไบโอติกสามารถช่วยให้ลำไส้ และระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้น งานวิจัยระบุว่าโปรไบโอติกนั้นอาจลดโอกาสป่วยจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (8) สำหรับแบคทีเรียที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการเหล่านี้มักจะอยู่ในโยเกิร์ต ดังนั้นเราแนะนำให้ทานโยเกิร์ตหลังมื้ออาหารของคุณเพราะนอกจากประโยชน์ที่เป็นไปได้สำหรับระบบภูมิคุ้มกันของคุณแล้ว โยเกิร์ตก็ยังถือเป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพซึ่งมีทั้งโปรตีน และแคลเซียมมากมาย
ตัวเลือกอื่น ๆ ที่สามารถรักษาอาการไข้หวัดได้
1. น้ำเกลือ
การกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออาจช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน นอกจากนี้ยังอาจลดความรุนแรงของอาการหวัด (9) ตัวอย่างเช่น มันอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและคัดจมูก การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือจะช่วยลด และคลายน้ำมูกซึ่งมีแบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ ถ้าหากคุณต้องการลองวิธีการรักษานี้ให้ละลายเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำเต็มแก้ว กลั้วปากและลำคอแล้วคายทิ้ง
2. ใช้วิคส์ วาโปรับ
คุณอาจไม่ชอบกลิ่นแต่ วิคส์ วาโปรับ ดูเหมือนจะช่วยลดอาการหวัดในเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปีได้ เพียงทาหนึ่งหรือสองครั้งก่อนนอน ก็สามารถช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง เพื่อต่อสู้กับอาการคัดจมูก ลดอาการไอ และปรับปรุงการนอนหลับให้ดีขึ้น แต่ห้ามใช้ในเด็กที่เล็กมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ
3. ใช้เครื่องทำความชื้น
ไข้หวัดใหญ่เจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่ายกว่าในสภาพแวดล้อมที่แห้ง การสร้างความชื้นในบ้านให้มากขึ้นอาจลดการสัมผัสกับไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดนี้ ความชื้นที่เพิ่มขึ้นอาจลดการอักเสบของจมูกทำให้หายใจได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณป่วย การเพิ่มเครื่องทำความชื้นแบบหมอกในห้องนอนของคุณอาจช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว เพราะความร้อนสามารถทำให้อาการของคุณแย่ลงได้ การเติมน้ำมันยูคาลิปตัส 2-3 หยด ลงในเครื่องทำความชื้นอาจกระตุ้นการหายใจของคุณได้เช่นกัน แต่อย่าลืมว่าต้องเปลี่ยนน้ำที่ใช้ในเครื่องทำความชื้นทุกวันเพื่อหยุดเชื้อราไม่ให้เจริญเติบโต
4. อาบน้ำอุ่น
บางครั้งคุณสามารถลดไข้ของเด็กได้โดยการอาบน้ำด้วยฟองน้ำอุ่น ๆ การอาบน้ำอุ่นยังสามารถลดอาการหวัด และไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่ได้ การเพิ่มเกลือและเบกกิ้งโซดาลงในน้ำสามารถลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ นอกจากนี้การเติมน้ำมันหอมระเหยสัก 2 -3 หยด เช่น ทีทรี จูนิเปอร์ โรสแมรี่ ไธม์ ส้มลาเวนเดอร์ หรือยูคาลิปตัส อาจช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้เช่นกัน
อ้างอิง
(1) An Inside Scoop on the Science Behind Chicken Soup and the Common Cold
(2) Chicken soup inhibits neutrophil chemotaxis in vitro
(3) Efficacy of ginger for nausea and vomiting: a systematic review of randomized clinical trials
(5) Garlic for the common cold
(6) Evaluation of echinacea for the prevention and treatment of the common cold: a meta-analysis
(7) Immune-enhancing role of vitamin C and zinc and effect on clinical conditions
(8) Probiotics for preventing acute upper respiratory tract infections
(9) Prevention of upper respiratory tract infections by gargling: a randomized trial