หากคุณลองสังเกต “เล็บเท้า” แล้วพบว่า เล็บแข็ง เล็บหนาขึ้น หรือเล็บเปลี่ยนสี ออกเป็นสีเหลือง คุณอาจกำลังมีปัญหาเรื่อง “เชื้อราที่เล็บเท้า” อยู่ค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะเรื่องนี้มักไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง คุณมีทางเลือกมากมายในการที่จะกำจัดเชื้อราพวกนี้ เริ่มต้นด้วย ยากำจัดเชื้อราที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ (OTC) หรือใช้วิธีการรักษาแบบธรรมชาติ แต่หากปัญหายังคงมีอยู่คุณควรไปปรึกษาแพทย์ เนื่องจากแพทย์สามารถที่จะแนะนำทางเลือกการรักษาอื่น ๆ ให้กับคุณได้ (1)
เชื้อราที่เล็บเท้า หรือที่เรียกว่า โรคเชื้อราที่เล็บ เป็นเชื้อราที่สามารถพบได้บ่อย อาการที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดก็คือ การเปลี่ยนสีของเล็บเท้าคุณ ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งสีขาว สีน้ำตาล หรือสีเหลือง และมันอาจลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เล็บมีความหนามากขึ้น หรือเล็บอาจแตกออกได้ เชื้อราบนเล็บเท้า มีวิธีการรักษามากมายที่คุณสามารถลองดูได้ อย่างเช่น ยาต้านเชื้อราในช่องปากตามใบสั่งแพทย์ เช่น terbinafine (Lamisil) หรือ fluconazole (Diflucan) ยาที่ใช้ในการรักษาเชื้อราที่เล็บเท้าโดยเฉพาะ การรักษาเหล่านี้มักได้ผลดีเสมอ (2) แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้เช่นกัน ตั้งแต่อาการปวดท้อง เวียนศีรษะ ไปจนถึงปัญหาผิวหนังที่รุนแรง และโรคดีซ่าน หากวันนี้คุณอยากรักษาอาการเชื้อราบนเล็บเท้าเรามีวิธีง่าย ๆ มาแนะนำกัน ไปกันเลยค่ะ
วิธีการรักษาเชื้อราง่าย ๆ ที่ทำได้จากที่บ้าน
1. ตัดแต่งเล็บ ก่อนอื่นเลย คุณต้องตัดแต่งเล็บก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราสามารถเจาะเข้าไปในเล็บได้ คุณอาจสามารถตัดเชื้อราบางส่วนออกไปได้ แม้ว่าคุณจะไม่สามารถจัดการกับเชื้อราทั้งหมดได้ด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่คุณสามารถทำให้เล็บสั้นลงได้เพื่อช่วยในการรักษา หรือป้องกันเชื้อราในเบื้องต้นก่อน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยต่อสู้กับเชื้อรา อย่าลืมตัดให้เล็บสั้นอยู่เสมอในขณะที่คุณพยายามกำจัดเชื้อรา (3)
2. ตะไบเล็บปิดรอยสีขาวบนเล็บ การตะไบลบรอยสีขาวบนเล็บเป็นการขจัดคราบเพิ่มเติมให้กับเล็บ ใช้ตะไบเล็บที่คมขึ้นเพื่อตะไบขอบเล็บที่ขาดหรือรอยสีขาวบนเล็บของคุณ พยายามทำอย่างละเอียดเพื่อกำจัดเล็บที่ติดเชื้อราออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การตะไบเล็บสามารถทำให้การรักษาเฉพาะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตะไบเล็บเท้าของคุณสัปดาห์ละครั้งหรือมากกว่านั้น
3. ทาทรีตเมนต์ป้องกันเชื้อรา คุณสามารถซื้อทรีตเมนต์ป้องกันเชื้อราต่าง ๆได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้านคุณ ทั้งที่เป็นขี้ผึ้งหรือครีมก็ได้ มันสามารถใช้ได้ดีในการกำจัดเชื้อรา เพียงทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์สำหรับการทาครีม อย่าลืมใช้มันต่อไปตราบเท่าที่คำแนะนำระบุไว้ แม้ว่าเชื้อราจะหายไปแล้วก็ตาม หากคุณไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ใดเหมาะกับคุณให้สอบถามจากเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ (3)
4. แช่เล็บในน้ำส้มสายชูวันละครั้ง แช่เล็บในน้ำส้มสายชูวันละครั้ง เป็นการรักษาแบบธรรมชาติ หากคุณไม่ต้องการใช้ยาคุณสามารถลองกำจัดเชื้อราโดยใช้น้ำส้มสายชูได้ เติมน้ำอุ่นและน้ำส้มสายชูลงในชาม ใช้อัตราส่วน 2-1 สำหรับน้ำต่อน้ำส้มสายชู
-
- แช่เท้าไว้ในน้ำเป็นเวลา 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า คุณสามารถทำได้ทุกวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นว่าวิธีนี้ได้ผล แต่หลายคนอ้างว่าน้ำส้มสายชูสามารถกำจัดเชื้อราได้ โดยไม่มีอันตรายใด ๆ ในการใช้วิธีนี้
5. ทากระเทียมบนเชื้อรา คุณสามารถทากระเทียมกับเชื้อราหากไม่ต้องการใช้ยา หลายคนชอบพลังในการกำจัดเชื้อราของกระเทียม แม้ว่าจะไม่ได้รับการพิสูจน์จากวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ตาม แต่การใช้วิธีนี้ไม่เป็นอันตราย ดังนั้นให้หยิบกระเทียมจากครัวมาถูที่นิ้วเท้าของคุณ เพียงแค่สับกระเทียมแล้วทาลงบนเล็บของคุณโดยตรงได้ ทิ้งกระเทียมไว้บนเล็บเป็นเวลา 30 นาที หากคุณรู้สึกไม่สบาย แสบร้อน ให้นำกระเทียมออกทันทีแล้วล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำ อย่างไรก็ตามมีการศึกษาหนึ่งพบว่าสารสกัดจากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อรากับเชื้อ M. guilliermondii และ R. mucilaginosa และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในการอักเสบที่เกิดจากน้ำมันสน กิจกรรมต้านเชื้อราและสารต้านอนุมูลอิสระร่วมกันสนับสนุนว่า A. sativum เป็นทางเลือกในการรักษาโรคเชื้อราที่เล็บได้ (4)
6. ใช้ทีทรีออยล์ ทีทรีออยล์เป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ น้ำมันทีทรีเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีคุณสมบัติในการสมานแผลซึ่งสามารถช่วยจัดการเชื้อราได้ (5) ทาทีทรีออยล์กับเล็บที่ติดเชื้อราวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 6 เดือน ชุบสำลีก้อนด้วยน้ำมันแล้วเช็ดที่เล็บของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเท้าของคุณสะอาดและแห้งก่อนใช้น้ำมัน
ขอคำปรึกษาจากแพทย์
1. นัดหมายกับแพทย์ของคุณ หากเชื้อราของคุณไม่หายไปภายใน 2 – 3 สัปดาห์ หรือถ้ามันทำให้รู้สึกรำคาญ ไม่สบายตัว ก็ถึงเวลาโทรหาแพทย์ของคุณ เริ่มต้นด้วยการโทรหาแพทย์ทั่วไปของคุณ หากพวกเขาเห็นว่าปัญหาของคุณร้ายแรงเกินไป พวกเขาจะแนะนำคุณไปหาหมอที่เชี่ยวชาญทันที ข้อสำคัญหากคุณเป็นเบาหวานอยู่แล้ว และพบว่ามีเชื้อราเกิดขึ้น ให้คุณรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยไว้นาน อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
2. ให้แพทย์ตรวจเล็บเท้า แพทย์อาจจะแค่ดูที่เล็บของคุณ และสัมผัส เพื่อให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาอาจใช้กรรไกรตัดเล็บ มาตัดเล็บของคุณออก หรือขูดเนื้อเยื่อบางส่วนออกจากใต้เล็บของคุณ ไม่ต้องกังวลสิ่งนี้จะไม่เจ็บ วิธีนี้จะสามารถระบุประเภทเชื้อราและค้นหาวิธีรักษาที่ถูกต้องได้
3. พูดคุยเกี่ยวกับตัวเลือกการใช้ยากับแพทย์ของคุณ หากการรักษาด้วยยาตามร้านยาไม่ได้ผล แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ลองใช้ยาตามใบสั่งแพทย์
4. ยาต้านเชื้อราแบบรับประทาน เช่น terbinafine และ itraconazole ยาเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงสุด (1) โดยปกติคุณจะต้องกินยาเป็นเวลา 12 สัปดาห์เพื่อกำจัดเชื้อราที่เล็บเท้า ตัวอย่างเช่น คุณสามารถรับประทาน itraconazole อย่างต่อเนื่อง อย่าลืมถามแพทย์ของคุณเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่พบบ่อย
5. ใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา อย่าง ciclopirox (Penlac) เป็นยาที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่ายาชนิดรับประทาน แต่อาจใช้ได้ผลกับการติดเชื้อที่เล็กน้อย ถึงปานกลาง (1) แพทย์ของคุณอาจแนะนำสิ่งนี้หากยารับประทานยังไม่เหมาะสำหรับคุณ โดยทั่วไปคุณจะต้องทายาเป็นเวลา 7 วัน แบบต่อเนื่อง โดยทั่วไปยาชนิดนี้จะไม่มีผลข้างเคียง
6. ถอดเล็บออกถ้าจำเป็น หากคุณมีเชื้อราที่ยากเกินจะกำจัด หรือน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษก็อาจตอบสนองต่อยาได้ไม่ดีพอ แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ถอดเล็บออก ขั้นตอนนี้จะต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น
วิธีการป้องกันเชื้อราที่เล็บเท้า
1. รักษาภาวะสุขภาพพื้นฐาน เชื้อราหลายชนิดทำให้เกิดเชื้อราที่เล็บเท้าและพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แม้ว่าทุกคนสามารถติดเชื้อราได้ แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยง หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเบาหวานหรือการไหลเวียนโลหิต ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนการรักษาของคุณ การกำจัดเชื้อราทำได้ยากกว่า หากคุณไม่มีปัญหาทางการแพทย์อื่น ๆ ภายใต้การควบคุม (3)
-
- โปรดทราบว่าอายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่ การไหลเวียนไม่ดีและการกดภูมิคุ้มกันอาจส่งผลให้เกิดเชื้อราที่เล็บเท้า
- การกำจัดเชื้อราทำได้ยากกว่าหากคุณไม่มีปัญหาทางการแพทย์อื่น ๆ ภายใต้การควบคุม ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและการใช้ยา เช่น อินซูลินหากจำเป็น
2. ซื้อรองเท้าอาบน้ำเพื่อใส่ในห้องล็อกเกอร์สาธารณะ ห้องล็อกเกอร์ที่สระว่ายน้ำหรือห้องออกกำลังกายของคุณเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ลงทุนซื้อรองเท้าแตะพลาสติกหรือยางเพื่อให้เท้าของคุณปลอดภัยในบรรยากาศที่อับชื้นนี้ เมื่อซื้อมาแล้วแนะนำให้สวมใส่ในที่สาธารณะที่คุณอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าลืมล้างรองเท้าด้วยสบู่และน้ำสัปดาห์ละครั้งเพื่อไม่ให้มีเชื้อรา
3. ล้างมือและเท้าเป็นประจำทุกวัน การดูแลเท้าให้สะอาดและนุ่มเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันเชื้อราที่เล็บเท้า ล้างเท้าให้สะอาดอย่างน้อยวันละครั้งด้วยสบู่และน้ำอุ่น เช็ดเท้าให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิว อย่าลืมล้างเท้าให้บ่อยขึ้นหากคุณมีเหงื่อออกมากหรือหากเท้าของคุณอับชื้นเนื่องจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเดินกลางสายฝน (3)
4. รักษารองเท้าและถุงเท้าให้แห้งที่สุด เนื่องจากเชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้นคุณจึงต้องการอยู่ในที่แห้ง เลือกถุงเท้าที่ทำจากวัสดุที่ดูดความชื้น เลือกรองเท้าที่ทำจากวัสดุระบายอากาศ เช่น ไนลอน เก็บถุงเท้าเพิ่มอีกคู่ไว้กับตัวหากมีโอกาสที่คุณอาจต้องเดินท่ามกลางสายฝน และอย่าลืมให้ลองโรยเบกกิ้งโซดาในรองเท้าของคุณเพื่อลดความชื้นในรองเท้า (1),(2),(3)
อ้างอิง