ปริ้นเตอร์ (Printer) เลือกซื้ออย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด ?

วิธีเลือกซื้อปริ้นเตอร์ (Printer)
วิธีเลือกซื้อปริ้นเตอร์ (Printer)

แน่นอนค่ะทุกคน ในปัจจุบัน “ปริ้นเตอร์” หรือ เครื่องพิมพ์” หรือ “เครื่องปริ้น” เป็นที่ต้องการมากขึ้นเนื่องจากโควิด 19 นั้นทำให้เราต้องเรียนหรือทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้นนั่นเองค่ะ คุณอาจเป็นผู้ปกครองที่ต้องพิมพ์ใบงานให้ลูก พิมพ์งานของตัวเอง หรือต้องส่งแบบฟอร์มผ่านไปรษณีย์ คุณก็จำเป็นต้องมีปริ้นเตอร์เพื่อพิมพ์เอกสารที่คุณต้องการ หลายคนอาจจะคิดว่ามีร้านคอมพิวเตอร์มากมายที่ให้บริการพิมพ์เอกสาร แต่ในช่วงโควิดแบบนี้ หากคุณต้องไปนั่งภายในร้านคอมพิวเตอร์ที่มีคนเข้าออกตลอดเวลาก็ดูจะเสี่ยงไปหน่อย ฉะนั้นหากคุณมีเอกสารจำนวนมากที่ต้องการพิมพ์หรือสแกน การซื้อปริ้นเตอร์เพิ่มสักตัวก็ดูคุ้มค่าในระยะยาวค่ะ

เครื่องพิมพ์หรือปริ้นเตอร์นั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มากนักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นจุดเด่นของปริ้นเตอร์ในระยะหลังคือตัวเครื่องมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีราคาถูกลง และหาซื้อได้ง่ายมาก การซื้อปริ้นเตอร์ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากค่ะแต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องเลือกประเภทของปริ้นเตอร์ว่าต้องการรูปแบบไหน ระหว่างเครื่องพิมพ์เลเซอร์ หรือเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท นอกจากนี้รูปแบบสีของเครื่องพิมพ์ก็สำคัญเช่นกัน คุณต้องเลือกระหว่างเครื่องพิมพ์แบบสี หรือเครื่องพิมพ์แบบหมึกดำ หากวันนี้คุณไม่รู้ว่าจะซื้อปริ้นเตอร์แบบไหนดี ในบทความนี้เราจะแนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อปริ้นเตอร์ที่ดีที่สุดเองค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ

ปริ้นเตอร์อิงค์เจ็ท VS ปริ้นเตอร์เลเซอร์

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท

ปริ้นเตอร์อิงค์เจ็ท (Inkjet Printer)

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จะพ่นหมึกเหลวหยดเล็ก ๆ ลงบนหน้ากระดาษ เพื่อสร้างภาพดิจิทัลขึ้นมา ระบบการจัดส่งหมึกอิงค์เจ็ทมีหลายประเภท แต่ระบบอิงค์เจ็ทส่วนใหญ่ใช้ตลับหมึกแยกกันจากตัวเครื่อง โดยแต่ละระบบจะมีหัวพิมพ์ที่แยกหมึกออกเป็นหยดน้ำขนาดเล็ก (โดยปกติแล้วเครื่องพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ทที่มีราคาสูงจะมีหัวพิมพ์แยกต่างหากที่สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง) ส่วนสีสันที่เกิดจากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท จะถูกสร้างขึ้นโดยการผสมหมึกสีต่าง ๆ เข้าด้วยกัน (1)

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มีราคาแพง มักจะใช้ตลับหมึกแยก 2 ส่วน คือ ตลับหมึกสีดำหนึ่งตลับ และตลับหมึกสี ซึ่งจะประกอบด้วยหลายสีขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์ แต่ส่วนใหญ่จะใช้แม้สีทั้ง 3 สีค่ะ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทราคาต่ำถึงปานกลางส่วนใหญ่มีตลับหมึกแบบแยกต่างหาก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่าย แต่สิ่งที่แพงกว่าเครื่องพิมพ์ก็น่าจะเป็นตลับหมึกค่ะ ดังนั้นหากซื้อเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทเราขอแนะนำให้ซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่เติมน้ำหมึกเองได้ (แบบแท๊งค์) ไม่ต้องซื้อตลับหมึกแยก เพราะค่อนข้างสิ้นเปลืองในระยะยาว แบรนด์ที่จำหน่ายเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทแบบแท๊งค์ (Supertank) ซึ่งมีถังสีแบบเติมได้มักจะมีจำหน่ายโดยแบรนด์ Brother Canon และ Epson ค่ะ

เครื่องพิมพ์เลเซอร์

ปริ้นเตอร์เลเซอร์ (Laser Printer)

เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นกระบวนการพิมพ์ดิจิตอลแบบไฟฟ้าสถิต ซึ่งจะสร้างข้อความ กราฟิกต่าง ๆ และภาพถ่าย (คุณภาพปานกลาง) โดยมันจะส่งลำแสงเลเซอร์ไปมาซ้ำ ๆ ผ่านกระบอกสูบที่มีประจุลบเรียกว่า “ดรัม” หรือ “Rolling Drum” เพื่อกำหนดภาพที่มีประจุไฟฟ้าแตกต่างกัน จากนั้นดรัมจะเลือกเก็บผงหมึกที่มีประจุไฟฟ้า และถ่ายโอนไปยังกระดาษซึ่งจะถูกทำให้ร้อนเพื่อหลอมรวมข้อความภาพหรือทั้งสองอย่างเข้ากับกระดาษ (2) แม้ว่าตลับผงหมึกในช่วงแรก ๆ จะมีราคาสูงกว่าตลับหมึกเหลวทั่วไป แต่ก็มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และรองรับปริมาณการพิมพ์ที่สูงกว่ามากเช่นกัน

โดยทั่วไปเครื่องพิมพ์เลเซอร์มักจะมีราคาสูงกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุน เพราะมันสามารถช่วยคุณประหยัดเงินได้ในระยะยาว ไม่ต้องเปลี่ยนหรือเติมหมึกอยู่บ่อย ๆ เครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นจะมีคุณภาพของการพิมพ์ข้อความแม่นยำ และรวดเร็วกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท นอกจากนั้นเครื่องพิมพ์เลเซอร์สามารถรองรับการพิมพ์ในปริมาณมาก ๆ ได้สบาย ๆ ด้วยความเร็ว และตลับผงหมึกซึ่งมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถพิมพ์ได้ประมาณ 20,000 แผ่นก่อนที่จะต้องเปลี่ยนตลับใหม่ ในขณะที่หมึกอิงค์เจ็ทหนึ่งตลับสามารถพิมพ์ได้แค่ 2,000 ถึง 2,500 แผ่น เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับลักษณะการพิมพ์ด้วย) เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับการใช้งานในสำนักงาน หรือ Home Office ที่จำเป็นต้องปริ้นงานในปริมาณค่อนข้างเยอะ

วิธีเลือกซื้อ ปริ้นเตอร์ (Printer) ที่ดีที่สุด !

1. ความเร็วในการพิมพ์

ความเร็วในการพิมพ์โดยทั่วไปจะวัดเป็นหน้าต่อนาที (ppm) ความเร็วในการพิมพ์เป็นคุณสมบัติหลักของเครื่องพิมพ์ทุก ๆ เครื่องที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภท เครื่องพิมพ์ขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับงานในปริมาณน้อย ๆ อาจพิมพ์ได้ 5 หน้าต่อนาที (ppm) ในขณะที่บางรุ่นสามารถพิมพ์ได้ถึง 70 หน้าต่อนาที (ppm) หรืออาจจะมากกว่าก็ได้ค่ะ ดังนั้นในการเลือกซื้อ เราขอแนะนำให้ตรวจสอบตัวเลข หน้าต่อนาที (ppm) เสมอ เพราะถ้าหากคุณมีงานพิมพ์ในปริมาณมาก ๆ เครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ได้เร็วมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากขึ้นเท่านั้น

2. เครื่องพิมพ์แบบสี หรือแบบขาวดำ

เครื่องพิมพ์เกือบทั้งหมด มักจะมีความเร็วในการพิมพ์แบบสีและขาวดำต่างกัน สำหรับเครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่จะใช้เวลานานในการพิมพ์หมึกสี เพราะต้องใช้รายละเอียดสูง แต่สีดำนั้นจะพิมพ์ได้เร็วมาก เพราะไม่ต้องเน้นรายละเอียด ดังนั้นหากคุณมีงานพิมพ์สีจำนวนมาก คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบรูปแบบสีที่เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ และต้องตรวจสอบความเร็วในการพิมพ์สีด้วย แต่หากมีความต้องการที่จะนำไปพิมพ์เอกสารขาวดำเพียงอย่างเดียว คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสีค่ะ

3. ปริ้นเตอร์ฟังก์ชันเดี่ยว VS ปริ้นเตอร์มัลติฟังก์ชัน

  • เครื่องพิมพ์แบบฟังก์ชันเดี่ยว ก็คือ เครื่องพิมพ์ที่มีเฉพาะฟังก์ชันการพิมพ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็มีข้อดีที่แตกต่างกันเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น ต้นทุนที่ต่ำกว่า และมีความเร็วในการพิมพ์ที่มากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการแค่พิมพ์เอกสารหรือข้อความเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนั้น บางรุ่นยังมาพร้อมการระบบสแกนและถ่ายสำเนาเอกสารด้วย ช่วยเพิ่มความคุ้มค่ามากขึ้น
  • เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน เป็นเครื่องพิมพ์ที่สามารถรองรับการทำงานได้ครบวงจรมาก สามารถทำได้ทั้ง สแกน ถ่ายสำเนา และส่งแฟกซ์ ซึ่ง คุณสมบัติมัลติฟังก์ชันมีความพิเศษอีกอย่างคือ การรองรับการพิมพ์ภาพถ่าย โดยเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถที่จะพิมพ์ภาพถ่ายได้นั้น มันจะมีความแม่นยำสูง และมอบคุณภาพเป็นพิเศษ เพื่อผลิตภาพสีที่เหมาะสม ด้วยสีสันที่สมจริง

4. คุณภาพการพิมพ์

ในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับว่า เครื่องพิมพ์วางหมึกบนหน้ากระดาษได้ดีเพียงใด ให้รายละเอียดที่คมชัด และมีรูปแบบตัวอักษรที่อ่านง่ายหรือไม่ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทส่วนใหญ่ให้คุณภาพในระดับ “ดี” แต่ถ้าคุณต้องการข้อความที่ดูคมชัดทุกครั้ง คุณอาจต้องการเครื่องพิมพ์เลเซอร์ค่ะ เนื่องจากมันมีความแม่นยำมากกว่ามาก

คุณภาพการพิมพ์

5. ราคาของหมึกพิมพ์

เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องสำหรับเครื่องพิมพ์ โดยเฉพาะเครื่องพิมพ์เลเซอร์ เนื่องจากต้องใช้ตลับผงหมึกเฉพาะเครื่องพิมพ์รุ่นนั้น ๆ หรือแบรนด์นั้น ๆ แม้หมึกผงจะมีต้นทุนต่อหน้าที่ต่ำกว่าและมีคุณภาพการพิมพ์ที่สูงกว่า แต่ก็ต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าเช่นกัน แต่ในส่วนของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท โดยเฉพาะแบบแท๊งค์ คุณสามารถหาซื้อหมึกพิมพ์ได้ง่ายกว่ามาก และมีอยู่หลายตัวเลือกหลายราคาซึ่งก็จะหมายถึงคุณภาพการพิมพ์ หากหมึกราคาถูกไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้การพิมพ์มีคุณภาพน้อยลง

ต้นทุนของหมึกพิมพ์

6. ระบบการเชื่อมต่อ

ปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์ของคุณสามารถทำการเชื่อมต่อได้เหมือน ๆ กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของคุณ เครื่องพิมพ์สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ง่าย ๆ ซึ่งสิ่งนี้มันช่วยให้เราได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เครื่องพิมพ์ไม่จำเป็นต้องวางอยู่ข้าง ๆ กับคอมพิวเตอร์อีกต่อไป

  • เครื่องพิมพ์แบบไม่ใช้สาย (WiFi) เป็นเครื่องพิมพ์สำหรับใช้ในบ้านส่วนใหญ่ สามารถพิมพ์แบบไร้สายได้โดยผ่านสัญญาณ WiFi ดังนั้นด้วยฟังก์ชันนี้คุณจึงสามารถพิมพ์จากแล็ปท็อป หรือโทรศัพท์มือถือได้ โดยไม่ต้องเสียบสายให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น
  • เครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ได้โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์: เครื่องพิมพ์บางรุ่นสามารถพิมพ์และดาวน์โหลดภาพถ่ายได้จากการ์ดหน่วยความจำของกล้องของคุณและเครื่องพิมพ์ที่มีคุณสมบัติที่เรียกว่า PictBridge สามารถเชื่อมต่อโดยตรงจากกล้องดิจิทัล เครื่องพิมพ์บางรุ่นมี Wireless PictBridge หรือที่เรียกว่า Wi-Fi Direct ซึ่งช่วยให้คุณพิมพ์โดยตรงจากกล้องดิจิตอลที่รองรับผ่านเครือข่าย WiFi

7. ถาดอินพุตและเอาต์พุต

เครื่องพิมพ์บางรุ่นสามารถใส่ถาดกระดาษได้มากกว่าหนึ่งถาด โดยคุณสามารถเลือกรูปแบบกระดาษที่แตกต่างกันได้ตามความต้องการ นอกจากนี้คุณต้องการรู้ด้วยว่าถาดป้อนกระดาษและถาดกระดาษออกของคุณสามารถใส่กระดาษได้กี่แผ่น หากคุณวางแผนที่จะพิมพ์งาน 200 หน้า คุณคงไม่ต้องการถาดจ่ายกระดาษที่รองรับได้เพียง 50 หน้า ดังนั้นต้องคำนึงให้ดีค่ะ

วิธีเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะกับสถานที่ทำงาน

เครื่องพิมพ์สำหรับใช้งานที่บ้าน

1. บ้านเรือน

สำหรับครอบครัวเครื่องพิมพ์ที่บ้านสามารถกลายเป็นศูนย์กลางของการทำงานได้ เมื่อเลือกซื้อเครื่องพิมพ์สำหรับใช้งานที่บ้านคุณจะต้องเลือกเครื่องพิมพ์ที่มีคุณสมบัติเสียงรบกวนต่ำเพื่อช่วยลดสิ่งรบกวนเมื่อพิมพ์งาน นอกจากนี้เราจะขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันเพราะมันจะช่วยให้คุณจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสารทุก ๆ อย่างที่คุณต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการปริ้นหรือสแกนเอกสาร การปริ้นรูปจากมือถือ หรือกล้องถ่ายรูป เป็นต้น

2. โฮมออฟฟิศ

ปัจจุบันหลายคนเปลี่ยนมาทำงานจากระยะไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นกับการใช้งานเครื่องพิมพ์ที่บ้านทั่วไป ในสถานการณ์การทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ควรหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความเร็วในการพิมพ์และความจุกระดาษ นอกจากนี้คุณยังสามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยการเลือกเครื่องพิมพ์แบบมัลติฟังก์ชัน

เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน

3. สำนักงานขนาดเล็กถึงกลาง

สำหรับสำนักงานที่มีทีมงานขนาดเล็กหรือขนาดกลาง คุณจะต้องเครื่องพิมพ์ที่มีคุณสมบัติด้านการดูแลระบบเพิ่มเติม เช่น การจัดคิวงานและการสนับสนุนแฟกซ์ ความเร็วและความจุที่ยอดเยี่ยมของเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นเหมาะสมมากสำหรับการใช้งานที่บ้านเพราะมันจะช่วยป้องกันการติดขัดในการพิมพ์และสามารถรับประกันได้ว่าคุณจะพิมพ์งานได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว

4. องค์กรขนาดใหญ่

ในองค์กรขนาดใหญ่ต้องการขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพและมีคุณลักษณะด้านการดูแลระบบที่ดี ในกรณีเหล่านี้ระบบการพิมพ์แต่ละระบบอาจต้องทำงานหลายอย่างสำหรับทั้งสำนักงาน เราขอแนะนำให้เลือกซื้อเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน เพื่อแฟกซ์ภาพ ถ่ายสำเนา สแกนและการพิมพ์สี วิธีนี้จะช่วยเพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานขนาดใหญ่ด้วย


อ้างอิง 

(1) Inkjet printing

(2) Laser printing