หากคุณเป็นคนนึงที่ รักในการดื่มกาแฟ คุณคงทราบดีว่า การบดเมล็ดกาแฟก่อนการชงเป็นวิธีเดียวที่คุณจะกักเก็บรสชาติ และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการใช้ “เครื่องบดกาแฟ” จึงมีความจำเป็น และเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับคอกาแฟเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องบดกาแฟจะช่วยให้เราสามารถบดกาแฟได้อย่างละเอียดตามที่เราต้องการ ซึ่งคุณคงรู้ดีอยู่แล้วว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความหอม และความสดของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดมาแบบสดใหม่ในทุก ๆ แก้วที่คุณดื่ม หากคุณบดกาแฟด้วยตัวเองคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสโดยตรง และคุณจะไม่มีวันกลับไปดื่มกาแฟสำเร็จรูปได้อีกแน่นอน
ซึ่งความแตกต่างของการดื่มกาแฟบดสด และกาแฟแบบบดสำเร็จรูป ก็คือ กาแฟแบบบดสดจะมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า และมีกลิ่นหอมที่ชัดเจนกว่าค่ะ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการดื่มกาแฟที่มีรสชาติดี คุณก็ต้องดื่มกาแฟที่มีการบดสด ๆ เท่านั้น สำหรับตัวเครื่องบดกาแฟนั้น ใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ เพียงแค่ใส่เมล็ดกาแฟลงในเครื่องบดและก็เปิดเครื่อง แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งเมื่อบดแล้วคุณสามารถใช้เครื่องชงกาแฟ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติตามความต้องการได้ ถึงแม้ว่าเครื่องบดกาแฟจะใช้งานง่าย แต่การเลือกซื้อมันไม่ได้ง่ายเลย เนื่องจากมันมีหลายยี่ห้อให้เราได้เลือกซื้อ และแต่ละยี่ห้อก็มีปัจจัยที่แตกต่างกันดังนั้นก่อนซื้อ เครื่องบดกาแฟ คุณควรพิจารณาถึงเรื่องวัสดุ ขนาด ฟังก์ชัน และการใช้งานก่อน เพื่อให้สามารถเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้มากที่สุด แต่หากคุณคิดว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป วันนี้เราก็มีสินค้าและคำแนะนำในการเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟมาฝากกันค่ะ
ซื้อ เครื่องบดกาแฟ ยี่ห้อไหนดีและเหมาะกับคุณ
- เครื่องบดกาแฟระบบไฟฟ้า หมุน 12,000 รอบต่อนาที สามารถบดกาแฟได้อย่างรวดเร็ว: Duchess เครื่องบดเมล็ดกาแฟ รุ่น CG9100
- เครื่องบดกาแฟขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย มีมอเตอร์ทรงพลังบดเมล็ดกาแฟได้อย่างรวดเร็ว: Worldtech เครื่องบดกาแฟไฟฟ้าแบบพกพา รุ่น WT-CG-M150C
- เครื่องบดกาแฟราคาประหยัด ใช้วัสดุคุณภาพสูง สามารถบดกาแฟได้หลายแบบ: Jowsua เครื่องบดเมล็ดกาแฟไฟฟ้า 600N
- ดีไซน์สวยทันสมัย ใช้หัวบดแบบ Burrs Type สามารถบดกาแฟได้ 6 - 9 กก. ในเวลา 1 ชม.: Duchess เครื่องบดเมล็ดกาแฟ รุ่น CG650
- เครื่องบดกาแฟมือหมุนแบบดั้งเดิม ปรับระดับความละเอียดได้ถึง 8 ระดับ: GEFU เครื่องบดเมล็ดกาแฟ รุ่น 16331
เครื่องบดกาแฟ มีประโยชน์อย่างไร ทำไมต้องซื้อ ?
หากคุณเป็นคนที่อยู่ในวัยเรียน และวัยทำงาน คุณคงรู้ดีว่า กาแฟคือเครื่องดื่มที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ และเป็นสิ่งแรกที่คุณนึกถึงเมื่อตื่นนอนตอนเช้า แน่นอนว่าคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการตื่นมาพบกับ กลิ่นหอม ๆ ของกาแฟ ซึ่งประโยชน์อันดับแรกของการบดเมล็ดกาแฟก็คือ “กลิ่นของกาแฟ” ค่ะ เพราะไม่มีอะไรทำให้คุณลุกจากเตียงได้เร็วไปกว่าการได้กลิ่นของกาแฟสดบดแล้ว เมื่อคุณบดเมล็ดกาแฟด้วยตัวเอง กลิ่นหอมของกาแฟจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากน้ำมันธรรมชาติจะถูกปล่อยออกมาจากเมล็ดกาแฟในระหว่างกระบวนการบด ไม่เพียงแต่กลิ่นเท่านั้น แต่การบดกาแฟยังทำให้ กาแฟมีรสชาติที่ดีขึ้น ด้วย เพราะปกติแล้วกาแฟจะสูญเสียกลิ่นหอมตามธรรมชาติไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคุณบดกาแฟทิ้งไว้ เมล็ดกาแฟจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ซึ่งจะส่งผลให้กลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟลดลง
การบดกาแฟ เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการผลิตกาแฟ การบดกาแฟสดจะทำให้กาแฟมีรสชาติดีมากขึ้น และยังมีการปนเปื้อนของสารเคมีน้อยลงด้วย ถึงแม้ว่ากาแฟบดสำเร็จรูป อาจดูสะดวกสบายกว่ามาก แต่การใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการบดกาแฟ เรารับรองเลยว่ามันจะดีกว่าอย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งด้วยวิธีนี้คุณจะได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากกาแฟ เพราะการบดกาแฟเองนั้นมันคุ้มค่ามาก ๆ คุณจะได้รสชาติที่แท้จริงของเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุด และได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพจากส่วนประกอบต่าง ๆ ของกาแฟอย่างเต็มที่ อีกทั้งคุณยังสามารถควบคุมกระบวนการการบดกาแฟได้ตามที่คุณชื่นชอบด้วย
Duchess เครื่องบดเมล็ดกาแฟ รุ่น CG9100
เครื่องบดกาแฟระบบไฟฟ้า หมุน 12,000 รอบต่อนาที สามารถบดกาแฟได้อย่างรวดเร็ว
ราคา 990 บาท*
ข้อมูลสินค้า
บรรจุเมล็ดกาแฟได้ : 75 กรัม
วัสดุของใบมีด : สเตนเลส
ขนาดของตัวเครื่อง : 21 x 12 x 12 ซม.
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 1 กก.
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ฝาปิดของตัวเครื่องมีซีลล็อกที่มีประสิทธิภาพ
- ใบมีดสเตนเลสภายในเครื่องมีคุณภาพระดับพรีเมียม
- สามารถกดปุ่มเพื่อควบคุมการบดกาแฟได้เป็นอย่างดี
- ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อนอีกทั้งยังบดกาแฟได้เร็ว
ข้อควรพิจารณา
ฝาปิดพลาสติกอาจจะแตกหักได้ง่าย
Worldtech เครื่องบดกาแฟไฟฟ้าแบบพกพา รุ่น WT-CG-M150C
เครื่องบดกาแฟขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย มีมอเตอร์ทรงพลังบดเมล็ดกาแฟได้อย่างรวดเร็ว
ราคา 400 บาท*
ข้อมูลสินค้า
บรรจุเมล็ดกาแฟได้ : 50 กรัม
วัสดุของใบมีด : สเตนเลส
ขนาดของตัวเครื่อง : 18.5 x 8.5 x 15 ซม.
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 0.7 กก.
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ง่ายต่อการใช้เพราะพกพาสะดวกมาก
- ปลอดภัยต่อการใช้งานเพราะระบบทำงานไม่ซับซ้อน
- ใช้ได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
- น้ำหนักเบาและพกพาง่าย
- นอกจากบดเมล็ดกาแฟแล้วยังสามารถบดถั่วและเครื่องเทศได้
ข้อควรพิจารณา
อาจมีเสียงดัง
Jowsua เครื่องบดเมล็ดกาแฟไฟฟ้า 600N
เครื่องบดกาแฟราคาประหยัด ใช้วัสดุคุณภาพสูง สามารถบดกาแฟได้หลายแบบ
ราคา 1,190 บาท*
ข้อมูลสินค้า
บรรจุเมล็ดกาแฟได้ : 250 กรัม
วัสดุของใบมีด : สเตนเลส
ขนาดของตัวเครื่อง : 12 x 19.5 x 36 ซม.
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 3.6 กรัม
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ประกอบง่ายและใช้งานง่ายมาก
- ตัวเครื่องทำงานค่อนข้างเงียบ
- มีรูปแบบการบด 8 แบบให้เลือกเพื่อให้กาแฟมีความสม่ำเสมอตามที่ต้องการ
- ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่สวยงาม มีประสิทธิภาพและมีความทนทานสูง
ข้อควรพิจารณา
ตัวพลาสติกมีความบอบบางต้องใช้อย่างระมัดระวัง
Duchess เครื่องบดเมล็ดกาแฟ รุ่น CG650
ดีไซน์สวยทันสมัย ใช้หัวบดแบบ Burrs Type สามารถบดกาแฟได้ 6 - 9 กก. ในเวลา 1 ชม.
ราคา 13,990 บาท*
ข้อมูลสินค้า
บรรจุเมล็ดกาแฟได้ : 1,200 กรัม
วัสดุของใบมีด : สเตนเลส
ขนาดของตัวเครื่อง : 56 x 21 x 30 ซม.
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 13.5 กก.
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีหัวบดสเตนเลสขนาด 64 มม. เหมาะสำหรับการบดกาแฟทุกประเภท
- หัวบดถอดออกได้ทำให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น
- สามารถบดกาแฟในปริมาณมากได้ในครั้งเดียว
- ตัวเครื่องมีความโดดเด่นเหมาะสำหรับใช้งานในเชิงพาณิชย์
- มีหน้าจอแบบดิจิตอลควบคุมการทำงานได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูงมาก
- เหมาะสำหรับการใช้ในร้านกาแฟมากกว่าใช้แบบส่วนตัว
GEFU เครื่องบดเมล็ดกาแฟ รุ่น 16331
เครื่องบดกาแฟมือหมุนแบบดั้งเดิม ปรับระดับความละเอียดได้ถึง 8 ระดับ
ราคา 3,790 บาท*
ข้อมูลสินค้า
บรรจุเมล็ดกาแฟได้ : 50 กรัม
วัสดุของใบมีด : สเตนเลส
ขนาดของตัวเครื่อง : 14.5 x 9 x 21.5 ซม.
น้ำหนักของตัวเครื่อง : ไม่ระบุ
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีระดับการบด 8 แบบหมายความว่าคุณจะได้ความละเอียดที่ต้องการ
- ตัวเครื่องทำงานเงียบสุด ๆ ชงกาแฟได้โดยไม่รบกวนผู้อื่น
- เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางเพราะไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือพลังงานเลย
- ตัวเครื่องมีความทนทานสูงมาก ใช้งานได้นาน
- ก้านบดถอดออกมาได้เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ
ข้อควรพิจารณา
ต้องใช้แรงและพลังงานในการบดกาแฟ
คุณสมบัติที่คุณควรพิจารณาในการเลือกซื้อ เครื่องบดกาแฟ
1. ประเภทของเครื่องบดกาแฟ
- เครื่องบดกาแฟแบบใบมีด (Blade coffee grinder) : เป็นเครื่องบดกาแฟเครื่องแรกที่คุณควรซื้อ ถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ค่ะ เนื่องจากเครื่องบดกาแฟแบบใบมีด เป็นเครื่องที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด ตัวเครื่องจะใช้ใบมีดในการบดเมล็ดกาแฟ โดยข้อได้เปรียบของเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดก็คือ เรื่องของราคา และขนาด ซึ่งเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดจะมีราคาถูกที่สุด เพราะการออกแบบมีความเรียบง่าย และมีขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่น้อย แต่ข้อเสียของเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดก็คือ มันอาจจะมีเสียงดังในระหว่างการทำงาน
- เครื่องบดกาแฟแบบเฟือง (Burr coffee grinder) : เป็นเครื่องบดกาแฟที่มีราคาแพงกว่าเครื่องบดกาแฟแบบใบมีดเล็กน้อย แต่ถือว่าเป็นเครื่องบดกาแฟที่ดีที่สุด เพราะตัวเครื่องจะบดเมล็ดกาแฟด้วยการใช้เฟือง ทำให้ไม่มีเสียงระหว่างการบด นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกขนาดของเฟือง เพื่อการบดที่สม่ำเสมอทุกครั้งได้ ซึ่งปกติแล้วเครื่องบดกาแฟแบบเฟือง จะมี 2 ประเภท แยกย่อยออกมาอีก ได้แก่ เครื่องบดแบบล้อ (ทำงานได้เร็ว แต่เสียงดังกว่า) และเครื่องบดเฟืองทรงกรวย (ทำงานช้ากว่า แต่มีเสียงเงียบ) ดังนั้นคุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการค่ะ
- เครื่องบดกาแฟแบบแมนนวล (Manual coffee grinder) : เป็นเครื่องบดกาแฟที่มีราคาประหยัดที่สุด เนื่องจากมีขนาดเล็ก และไม่ต้องใช้ไฟฟ้า มันจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพกพา การนำไปใช้งานกลางแจ้ง หรือใช้เมื่อเดินทาง ตัวเครื่องทำงานโดยใช้ข้อเหวี่ยงในการบดเมล็ดกาแฟ ทำให้คุณสามารถควบคุมการบดเมล็ดกาแฟได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเอารูปแบบใด หรือความละเอียดเท่าไหร่ คุณก็สามารถเลือกได้ค่ะ แต่อาจจะต้องใช้แรงสักเล็กน้อย
2. ความจุของเครื่องบดกาแฟ
ความจุของเครื่องบดกาแฟ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่ดื่มกาแฟไม่บ่อยนัก คุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องบดกาแฟที่มีความจุเยอะ ๆ เนื่องจากในการบดกาแฟหนึ่งครั้ง คุณควรดื่มให้หมดทันที เพราะถ้าหากบดทิ้งเอาไว้ ความชื้นในอากาศจะทำให้กาแฟเสื่อมคุณภาพลง แต่หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟมาก หรือคนในครอบครัวของคุณก็ชอบดื่มกาแฟเช่นกัน คุณควรซื้อเครื่องบดกาแฟที่มีความจุขนาดใหญ่ เพื่อให้เพียงพอต่อการบดในแต่ละครั้งค่ะ
3. ความเร็วในการบดกาแฟ
เนื่องจากเครื่องบดกาแฟจะทำงานโดยการใช้มอเตอร์ ซึ่งผู้ซื้อบางคนอาจจะคิดว่า มอเตอร์ที่มีความเร็วสูงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่เราขอบอกเลยว่า เรื่องนี้ไม่ได้จริงเสมอไปค่ะ เพราะความเร็วที่สูงขึ้นอาจทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้กาแฟไหม้ได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของกาแฟอีกด้วย แทนที่จะเลือกเครื่องบดกาแฟที่มีความเร็วสูง เราขอแนะนำให้เลือกเครื่องบดกาแฟมีการเปลี่ยนรูปแบบการบดได้จะดีกว่า เพราะคุณลักษณะนี้จะสร้างความสมดุลระหว่างกระบวนการบดกาแฟนั่นเองค่ะ
4. ความร้อน
ความเร็วที่สมดุล มักจะมาพร้อมกับการทำความร้อนที่สม่ำเสมอ ซึ่งมันดีกว่าสำหรับคุณภาพของกาแฟของคุณ การตรวจสอบความเร็ว และปริมาณความร้อนที่เครื่องบดกาแฟสามารถผลิตได้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว เครื่องบดกาแฟแบบแมนนวล จะถูกกำหนดการทำงานด้วยตัวของคุณเอง ส่วนเครื่องบดกาแฟไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้แรงของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก และมีหลากหลายความเร็วให้เลือก เพื่อทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามที่คุณต้องการค่ะ
5. ขนาดของหัวบดกาแฟ
ขนาดของหัวบดกาแฟมีความเกี่ยวข้องอย่างมากเกี่ยวกับการผลิตความร้อน และความเร็ว ขนาดของหัวบดกาแฟขนาดใหญ่จะมีค่าความเร็วรอบที่ต่ำกว่า (รอบต่อนาที (RPM)) ซึ่งทำให้เกิดความร้อนน้อยลง และให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ ส่วนหัวบดที่มีขนาดเล็กจะหมุนได้เร็วกว่า ซึ่งอาจจะไม่มีคุณภาพมากนัก หัวบดกาแฟที่มีขนาดใหญ่กว่า จะมีคุณภาพสูง และมีราคาแพงกว่า ดังนั้นคุณต้องพิจารณาว่า คุณจะใช้เครื่องบดกาแฟบ่อยแค่ไหน ก่อนที่จะเลือกขนาดของหัวบดกาแฟ นอกจากนี้การตั้งค่าการบดก็สำคัญค่ะ เพราะเครื่องบดกาแฟแต่ละรุ่น จะแตกต่างกันไปตามการตั้งค่าการบด บางรุ่นอาจจะมีตัวเลือกให้บดหลายแบบ ในขณะที่บางรุ่นบดได้เพียงแค่แบบเดียวเท่านั้น ดังนั้นในการเลือกซื้อให้เลือกตามความชอบ และความต้องการของตัวคุณเองค่ะ
6. วัสดุและความทนทาน
เพื่อความทนทานและการใช้งานที่ยาวนาน มันจะดีกว่าถ้าเลือกเครื่องบดกาแฟที่ทำจากวัสดุเซรามิก ซึ่งแม้ว่า เซรามิกจะมีราคาที่สูงกว่า แต่โดยมันก็จะให้อายุการใช้งานยาวนานกว่าวัสดุอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ส่วนเครื่องบดกาแฟแบบสเตนเลสมีราคาถูกกว่ามาก นอกจากนี้ยังง่ายต่อการซ่อมแซม และหาชิ้นส่วนอะไหล่อีกด้วย หากคุณต้องการเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟราคาถูก เครื่องบดกาแฟแบบสเตนเลสจะตอบโจทย์ได้ดีมากกว่าค่ะ