คุณคงได้ยินประโยคที่ว่า “กลิ่นปาก…ไม่ใช่เรื่องตลก” ซึ่งใช่ค่ะกลิ่นปากไม่ได้เป็นเรื่องที่ตลกเลย เพราะมันทำให้คนที่มีกลิ่นปากสูญเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีกลิ่นปาก กลิ่นปากหรือที่เรียกว่า “Halitosis” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุก ๆ คน มันอาจเป็นเรื่องน่าอายและในบางกรณีอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล ไม่น่าแปลกใจที่ชั้นวางของในร้านสะดวกซื้อนั้นเต็มไปด้วยหมากฝรั่งกลิ่นมินต์ น้ำยาบ้วนปาก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับกลิ่นปาก แต่ผลิตภัณฑ์จำนวนมากเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเนื่องจากไม่ได้จัดการที่ต้นตอของปัญหา
หลายคนไม่รู้ว่าปัญหากลิ่นปากของตัวเองนั้นเกิดจากอะไร ? เมื่อไม่สามารถระบุสาเหตุได้การรักษาก็เป็นไปได้ยาก ปกติแล้วอาหาร ปัญหาสุขภาพ และนิสัยบางอย่าง เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก ในหลาย ๆ กรณี คุณสามารถปรับปรุงกลิ่นปากได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยฟันที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ (1),(2) หากเทคนิคการดูแลสุขภาพช่องปากแบบง่าย ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ให้ไปพบทันตแพทย์หรือแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นปากมีสาเหตุมาจากอะไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกความรู้เกี่ยวกับกลิ่นปากพร้อมวิธีแก้ไขค่ะ หากพร้อมแล้วก็ไปกันได้เลย
กลิ่นปาก เกิดจากอะไร?
กลิ่นปาก เป็นปัญหาทั่วไปที่อาจทำให้เกิดความทุกข์ทางจิตใจอย่างมาก มีสาเหตุและวิธีการรักษาหลายประการ แน่นอนว่าใคร ๆ ก็มีกลิ่นปากได้ คาดว่า 1 ใน 4 คนอาจมีกลิ่นปากเป็นประจำ กลิ่นปากคือ สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ผู้คนที่ต้องการการรักษาทางทันตกรรมหลังจากที่ฟันผุและโรคเหงือก บางครั้งการแก้ไขปัญหากลิ่นปากแบบง่าย ๆ คือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น รักษาสุขอนามัยของฟันที่ดีขึ้น และการเลิกสูบบุหรี่ (1),(2) 2 วิธีนี้สามารถช่วยขจัดปัญหากลิ่นปากได้ อย่างไรก็ตามหากยังมีกลิ่นปากอยู่ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
สาเหตุของกลิ่นปาก
คนส่วนใหญ่มักมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งแน่นอนมันเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เรามีกลิ่นปาก คือ (3)
- บุหรี่ ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือบุหรี่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคเหงือกซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นปากได้อีกด้วย
- อาหาร การมีเศษอาหารที่ติดอยู่ในฟันอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ อาหารบางชนิด เช่น หัวหอมและกระเทียมอาจทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน หลังจากอาหารย่อยแล้ว มันจะสลายตัวและถูกส่งเข้าสู่กระแสเลือดไปยังปอดซึ่งอาจส่งผลต่อลมหายใจ
- อาการปากแห้ง น้ำลายสามารถทำความสะอาดช่องปากตามธรรมชาติ หากปากแห้งตามธรรมชาติหรือแห้งเนื่องจากโรคภาวะน้ำลายน้อย (Xerostomia) อาจมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์
- สุขอนามัยของฟัน การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันช่วยให้แน่ใจว่ามีการกำจัดเศษอาหารขนาดเล็กที่สามารถสะสมและสลายตัวได้ช้า เศษอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดกลิ่นปาก คราบพลัคหรือที่เรียกว่าคราบจุลินทรีย์จะสร้างขึ้นหากเราแปรงฟันไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งคราบพลัคสามารถทำให้ระคายเคืองเหงือกและทำให้เกิดการอักเสบระหว่างฟันและเหงือกที่เรียกว่าปริทันต์ได้ นอกจากนี้หากคุณสวมฟันปลอมที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอหรืออย่างถูกต้องยังสามารถกักเก็บแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้
- ความผิดพลาดในการทานอาหาร โปรแกรมการอดอาหารและการรับประทานคาร์โบไฮเดรตต่ำสามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ เนื่องจากการสลายไขมันที่ผลิตสารเคมีที่เรียกว่าคีโตน สารคีโตนเหล่านี้มีกลิ่นที่แรงมาก
- ยา ยาบางชนิดสามารถลดน้ำลายและเพิ่มกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยาอื่น ๆ สามารถสร้างกลิ่นเหม็นได้เมื่อยาสลายตัวและปล่อยสารเคมีในลมหายใจ ตัวอย่าง ได้แก่ ไนเตรตที่ใช้ในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สารเคมีบำบัดบางชนิดและยากล่อมประสาทบางชนิด เช่น ฟีโนไทอาซีน และผู้ที่รับประทานวิตามินเสริมในปริมาณมากอาจมีกลิ่นปากได้ง่าย
- สภาพปากจมูกและลำคอ บางครั้งแบคทีเรียอาจก่อตัวขึ้นที่ต่อมทอนซิลด้านหลังของลำคอและทำให้เกิดกลิ่น นอกจากนี้การติดเชื้อหรือการอักเสบในจมูก คอหรือรูจมูกอาจทำให้เกิดกลิ่นปาก
- สิ่งแปลกปลอม กลิ่นปากอาจเกิดขึ้นได้หากมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในโพรงจมูกโดยเฉพาะในเด็ก
- โรค มะเร็งบางชนิด ตับวาย และโรคจากการเผาผลาญอื่น ๆ อาจทำให้เกิดกลิ่นปากเนื่องจากส่วนผสมของสารเคมีที่ผลิตขึ้น โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease – GERD ) อาจทำให้เกิดกลิ่นปากได้เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนเป็นประจำ
อาการ
กลิ่นของลมหายใจ อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา (3) ทางที่ดีควรขอให้เพื่อนสนิท หรือญาติช่วยวัดกลิ่นปากของคุณ เนื่องจากอาจเป็นเรื่องยากที่จะประเมินด้วยตนเอง หากไม่มีใครใช้วิธีหนึ่งในการตรวจสอบกลิ่นคือเลียข้อมือทิ้งไว้ให้แห้งแล้วดมกลิ่น หากพบว่าเหม็นที่บริเวณข้อมือ น่าจะบ่งบอกว่าคุณมีกลิ่นปาก บางคนมีความกังวลเกี่ยวกับลมหายใจแม้ว่าจะมีกลิ่นปากเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยก็ตาม
การรักษา
วิธีที่ดีที่สุดในการลดกลิ่นปากคือการรักษาสุขอนามัยในช่องปากให้ดีขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณสามารถหลีกเลี่ยงอาการฟันผุ และลดโอกาสในการเกิดโรคเหงือก เราขอแนะนำให้คุณไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและทำความสะอาดฟันปีละ 2 ครั้ง ทันตแพทย์อาจแนะนำยาสีฟันที่มีสารต้านเชื้อแบคทีเรียหรือน้ำยาบ้วนปากต้านเชื้อแบคทีเรียมาให้คุณใช้เพื่อป้องกันกลิ่นปาก อีกทางเลือกหนึ่งหากคุณเป็นโรคเหงือกอาจจำเป็นต้องทำความสะอาดฟันโดยทันตแพทย์เพื่อกำจัดแบคทีเรียที่สะสมอยู่ระหว่างเหงือกและฟัน วันนี้เราก็มีวิธีรักษาและดูแลกลิ่นปากแบบง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ (1),(2),(3)
- แปรงฟัน อย่าลืมแปรงอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือควรแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ
- ใช้ไหมขัดฟัน การใช้ไหมขัดฟันช่วยลดการสะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่อยู่ระหว่างฟัน การแปรงฟันจะช่วยทำความสะอาดผิวฟันได้ประมาณ 60% เท่านั้น
- ทำความสะอาดฟันปลอมและรีเทนเนอร์ สิ่งใดก็ตามที่เข้าไปในปากของคุณรวมถึงฟันปลอม รีเทนเนอร์ สะพานฟันหรือที่ครอบปากควรทำความสะอาดตามคำแนะนำในแต่ละวัน การทำความสะอาดจะป้องกันไม่ให้แบคทีเรียสร้างขึ้นและถูกถ่ายเทกลับเข้าไปในปาก การเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 2 ถึง 3 เดือนก็มีความสำคัญด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน
- อย่าลืมแปรงลิ้น แบคทีเรีย อาหาร และเซลล์ที่ตายแล้ว มักสร้างขึ้นที่ลิ้นโดยเฉพาะในผู้สูบบุหรี่หรือผู้ที่มีอาการปากแห้งเป็นพิเศษ บางครั้งการใช้ที่ขูดลิ้นอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
- หลีกเลี่ยงอาการปากแห้ง ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาสูบซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะทำให้ปากขาดน้ำ การเคี้ยวหมากฝรั่งหรือทานของที่มีรสหวานปราศจากน้ำตาลสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลายได้ หากปากแห้งเรื้อรังแพทย์อาจสั่งจ่ายยาที่ช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำลาย
- อาหาร หลีกเลี่ยงการทานหัวหอม กระเทียมและอาหารรสจัด อาหารหวานก็สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน อย่าลืมลดการบริโภคกาแฟและแอลกอฮอล์ด้วย หากกลิ่นลมหายใจยังคงมีอยู่แม้จะควบคุมปัจจัยเหล่านี้ได้แล้ว ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม
อ้างอิง
(1) Halitosis – An overview: Part-I – Classification, etiology, and pathophysiology of halitosis
(2) Halitosis: Current concepts on etiology, diagnosis and management