สัญญาณของการติดมือถือ มีอะไรบ้างไปดูกัน ! 

สัญญาณของการติดมือถือ มีอะไรบ้างไปดูกัน ! 
สัญญาณของการติดมือถือ มีอะไรบ้างไปดูกัน ! 

เนื่องจากในปัจจุบันเป็นยุคแห่งโลกดิจิทัล “โทรศัพท์มือถือ” หรือ “สมาร์ทโฟน” ได้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังซึ่งสำหรับหลาย ๆ คนแล้ว การไม่มีมือถือก็เปรียบเสมือนการไม่มีเพื่อนรู้ใจไว้ข้างกาย จึงอาจจะเกิดอาการที่เรียกว่า “อาการติดมือถือ” ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว แต่สัญญาณแรกที่เริ่มบ่งบอกได้ว่าคุณมีอาการติดมือถือก็คือ คุณรู้สึกว่ามือถือเป็นสิ่งที่คุณขาดไม่ได้ การใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 21 ที่กำลังจะกลายเปลี่ยนมาเป็นสิ่งเสพติดอย่างช้า ๆ และอาจจะเป็นนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ไปตลอดกาล มือถือในยุคนี้สามารถที่จะทำได้มากกว่าการโทรออกและรับสาย คุณสามารถวิดีโอคอลได้ เล่นเกมได้ โพสต์ความรู้สึกลงในเฟซบุ๊กหรือถ่ายรูปลงในอินสตาแกรมได้ มันจึงไม่แปลกเลยที่คุณจะมีอาการติดมือถือ หากคุณเริ่มมีอาการติดมือถือเกิดขึ้น เราขอแนะนำให้มาดูข้อเท็จจริงของเรื่องนี้กันค่ะ

อาการติดมือถือสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่?

อาการติดโทรศัพท์มือถือ

Pew Research Center ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการใช้มือถือของคนอเมริกาซึ่งพบว่าขณะนี้ชาวอเมริกัน 81 เปอร์เซ็นต์ เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน เพิ่มขึ้นจากในปี 2554 ที่มีคนเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเพียง 35 เปอร์เซ็นต์ (1) และการใช้โทรศัพท์บ่อย ๆ หรือการติดโทรศัพท์ก็ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ ๆ ขึ้น เช่น

  • Nomophobia : ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการไม่สามารถใช้มือถือหรือเข้าถึงบริการมือถือ
  • Textaphrenia : ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการจะไม่สามารถส่งหรือรับข้อความได้
  • Phantom Vibrations : อาการที่รู้สึกว่ามือถือสั่นเตือนทั้ง ๆ ที่ไม่มีการสั่นเตือน (2)

การใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปเป็นปัญหาสำหรับคนจำนวนมาก แต่มีการถกเถียงกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสุขภาพจิตว่าจริง ๆ แล้วการใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็นปัญหานั้นเป็นเรื่องของการเสพติดมือถือหรือเป็นผลมาจากปัญหาการควบคุมแรงกระตุ้นในการใช้มือถือกันแน่ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนไม่เต็มใจที่ใช้คำว่า “การเสพติด” ในการใช้มือถือมากเกินไป (3)

อย่างไรก็ตามคู่มือการวินิจฉัยและสถิติของความผิดปกติทางจิต (คู่มือที่ใช้ในวงการแพทย์เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติทางจิต) ระบุถึงพฤติกรรมการเสพติดอย่างหนึ่งนั่นคือการเล่นการพนัน เป็นที่น่าสังเกตว่ามีความคล้ายคลึงกันระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปและการเสพติดการเล่นการพนัน (3) ได้แก่ :

  • การสูญเสียการควบคุมพฤติกรรม
  • มีปัญหาในการจำกัดพฤติกรรม
  • ความอดทน ความจำเป็นในการมีส่วนร่วมทางสังคมน้อยลง
  • ผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงเกิดจากพฤติกรรม
  • มีความรู้สึกหงุดหงิดและวิตกกังวลเมื่อไม่ได้เล่น
  • มีการเก็บตัวและไม่อยากพบผู้คน

ใครมีความเสี่ยงต่อการติดโทรศัพท์มือถือมากที่สุด?

สิ่งที่นักวิจัยเห็นด้วยคือความจริงที่ว่าวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะแสดงอาการคล้ายการเสพติดโทรศัพท์มือถือมากกว่ากลุ่มอายุอื่น ๆ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นมีการใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุดและค่อย ๆ ลดลงหลังจากอายุเพิ่มขึ้น (4) การใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปในหมู่วัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ และยิ่งวัยรุ่นอายุน้อยได้ซื้อโทรศัพท์เร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนารูปแบบการใช้งานที่มีปัญหามากขึ้นเท่านั้น สำหรับเด็กผู้หญิงรูปแบบการใช้งานอาจพัฒนาขึ้น เนื่องจากโทรศัพท์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในขณะที่เด็กผู้ชายมีแนวโน้มที่จะใช้โทรศัพท์ในการเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่

วัยรุ่นมีการใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุด

ลักษณะบุคลิกภาพใดบ้างที่อาจจะบ่งบอกถึงการติดโทรศัพท์มือถือ ?

จากการวิจัยที่มีอยู่พบว่าลักษณะบุคลิกภาพและเงื่อนไขหลายประการเกี่ยวข้องกับการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป (5) ซึ่ง ลักษณะบุคลิกภาพเหล่านี้ที่เราหมายถึงได้แก่

  • ความพึงพอใจในตัวเองต่ำ
  • การควบคุมแรงกระตุ้นต่ำ
  • ความวิตกกังวล
  • ภาวะซึมเศร้า
  • ชอบเข้าสังคมมากเกินไป

นักวิจัยชี้ว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนเสมอไปว่า ปัญหาการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป จะทำให้เกิดเงื่อนไขเหล่านี้หรือไม่ หรือเงื่อนไขนั้นทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อการใช้งานใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปหรือไม่

อาการของคนติดโทรศัพท์มือถือ

  • คุณหยิบโทรศัพท์มือถือของคุณมาเล่นในขณะที่คุณอยู่คนเดียวหรือเบื่อ
  • คุณตื่นขึ้นมาหลายครั้งในตอนกลางคืนเพื่อตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของคุณ
  • คุณรู้สึกกังวล อารมณ์เสียหรือเกิดอารมณ์ชั่ววูบเมื่อไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้
  • การใช้โทรศัพท์มือถือของคุณทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บ
  • คุณใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • การใช้โทรศัพท์มือถือรบกวนการปฏิบัติงาน การเรียนหรือความสัมพันธ์ของคุณ
  • เมื่อคุณพยายามจำกัดการใช้งานโทรศัพท์มือถือคุณจะรู้สึกทนไม่ได้

    การติดโทรศัพท์

ผลข้างเคียงของการติดโทรศัพท์มือถือคืออะไร?

จุดเด่นอย่างหนึ่งของการเสพติดคือการรักษาพฤติกรรมแบบบีบบังคับแม้ว่าจะก่อให้เกิดผลเสียที่รุนแรงก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการส่งข้อความขณะขับรถ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคได้รายงานว่าการส่งข้อความขณะขับรถสามารถเกิดภัยคุกคามได้ 3 ประการ (6) ได้แก่

  • ละสายตาจากถนน
  • มือของคุณออกจากพวงมาลัย
  • หยุดขับรถกะทันหัน

ความคิดฟุ้งซ่านระหว่างการเล่นโทรศัพท์มือถือนั้นคร่าชีวิตผู้คนไปนักต่อนักแล้ว อันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถเป็นที่ทราบกันอย่างแพร่หลายแต่ผู้คนก็เพิกเฉยต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

ผลกระทบอื่น ๆ

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปอาจมีปัญหาดังนี้ (4)

  • ความวิตกกังวล
  • ภาวะซึมเศร้า
  • การนอนไม่หลับ
  • ผลการเรียนหรือการทำงานไม่ดี

วิธีรักษาอาการติดโทรศัพท์มือถือ

ถ้าหากนิสัยการใช้โทรศัพท์มือถือของคุณมันรบกวนสุขภาพ ความสัมพันธ์ และความรับผิดชอบของคุณ อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ข่าวดีก็คือมีขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ เพื่อลดอาการติดโทรศัพท์มือถือของคุณ ช่วยจำกัดผลกระทบด้านลบต่อชีวิตของคุณ

รักษาอาการติดโทรศัพท์

ขั้นแรกให้ตรวจสอบเรื่องความวิตกกังวล

นักวิจัยเชื่อว่า คนที่ใช้โทรศัพท์มือถืออาจพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาในชีวิตที่รู้สึกว่ายากหรือซับซ้อนเกินกว่าจะแก้ไขได้ (7) ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือ มีบางสิ่งที่รบกวนจิตใจคุณมากขึ้นหรือไม่ การแก้ไขปัญหาพื้นฐานอาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดความกังวลของคุณ การรู้ว่าอะไรรบกวนจิตใจคุณสามารถช่วยลดความจำเป็นในการใช้โทรศัพท์มือถือได้

การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (CBT)

วิธีการบำบัดนี้ช่วยให้ความเชื่อมโยงระหว่างความคิด พฤติกรรมและอารมณ์ของคุณชัดเจนขึ้น อาจเป็นการบำบัดประเภทนึงที่มีประสิทธิภาพมากที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมบางอย่างได้ และมีการศึกษาอย่างน้อยหนึ่งชิ้นชี้ให้เห็นว่า การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (CBT) อาจมีประสิทธิภาพในการปรับสมดุลการเปลี่ยนแปลงของเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับการติดโทรศัพท์มือถือ หากคุณคิดว่าการบำบัดประเภทนี้อาจช่วยคุณได้ให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณว่าคุณจะพบนักบำบัดได้ที่ไหนหรืออย่างไร?

ลองทำตามขั้นตอนอื่น ๆ เหล่านี้

  • ลบแอปพลิเคชั่นที่คุณใช้บ่อยแลใช้เป็นเวลานานที่สุดออกจากโทรศัพท์ของคุณ
  • เปลี่ยนการตั้งค่าของคุณเพื่อกำจัดการแจ้งเตือนแบบพุชและการแจ้งเตือนที่ก่อกวนอื่น ๆ
  • ตั้งค่าหน้าจอเป็นระดับสีเทาเพื่อป้องกันไม่ให้คุณตื่นตอนกลางคืน
  • วางสิ่งกีดขวางรอบ ๆ โทรศัพท์ของคุณซึ่งบังคับให้คุณต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างคำถามเกี่ยวกับหน้าจอล็อกเช่น“ ทำไมตอนนี้” และ“ เพื่ออะไร”
  • เก็บโทรศัพท์ของคุณให้พ้นสายตา ชาร์จโทรศัพท์ของคุณที่อื่นนอกเหนือจากห้องนอนของคุณ
  • พัฒนางานอดิเรกที่คุณชอบทำเพื่อแทนที่เกมและแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียด้วยกิจกรรมจริงที่เกิดขึ้นจริง เช่น พบปะกับเพื่อน สร้างเพลง ทำงานศิลปะหรือทำงานอาสาสมัคร
  • ใช้ความคิดในการเติบโต อาการกำเริบของการโทรศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่การใช้โทรศัพท์ที่ดีขึ้น อย่าหวังว่าจะทำให้ถูกต้องในทันทีและเรียนรู้จากประสบการณ์แต่ละครั้ง

อ้างอิง 

(1) Mobile Fact Sheet

(2) Prevalent Hallucinations during Medical Internships: Phantom Vibration and Ringing Syndromes

(3) Behavioral Addiction versus Substance Addiction: Correspondence of Psychiatric and Psychological Views

(4) Cell phone addiction and psychological and physiological health in adolescents

(5) Cell-Phone Addiction: A Review

(6) Distracted Driving

(7) The invisible addiction: Cell-phone activities and addiction among male and female college students