ห้ามทำสิ่งนี้ ขณะ ‘ชาร์จโทรศัพท์’ …เช่น ใช้งานโทรศัพท์ขณะกำลังชาร์จ

12 ข้อผิดพลาดที่คุณอาจทำขณะชาร์จโทรศัพท์
12 ข้อผิดพลาดที่คุณอาจทำขณะชาร์จโทรศัพท์

สำหรับคนส่วนใหญ่ “การชาร์จโทรศัพท์” ได้กลายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของพวกเขาที่จะต้องทำ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอยู่ซึ่งอาจส่งผลทำให้โทรศัพท์ของคุณเกิดความเสียหายได้ ปกติแล้วโทรศัพท์มีฟังก์ชันทุกประเภทรองรับ ซึ่งนั่นทำให้การใช้ชีวิตของเราสะดวกและง่ายขึ้น เมื่อโทรศัพท์มีประโยชน์ที่หลากหลาย มันก็ไม่แปลกที่เราทุกคนจะติดการใช้โทรศัพท์ ผลที่ตามมาคือแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเราหมดเร็วมาก แม้ว่าผู้ผลิตจะพยายามปรับปรุงพัฒนาแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของเรา ทั้งการชาร์จที่รวดเร็วขึ้น และเพิ่มอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น แต่มันก็ยังมีข้อบกพร่องหลายประการที่เป็นสาเหตุทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์ลดเร็วและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นในวันนี้เราจึงมาสรุปข้อผิดพลาด 12 ข้อ ที่เราอาจทำโดยไม่รู้ตัวขณะชาร์จโทรศัพท์

1. ชาร์จโทรศัพท์ให้สูงสุดก่อนใช้งานครั้งแรก

ชาร์จโทรศัพท์ให้สูงสุดก่อนใช้งานครั้งแรก

เมื่อคุณแกะกล่องโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ การเปิดเครื่องและการใช้งานเป็นครั้งแรก คุณอาจชาร์จโทรศัพท์จนแบตเตอรี่เต็มก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันแบตฯ หมดนี่จะเป็นข้อผิดพลาดสำหรับเรา เนื่องจากสภาพการทำงานที่ดีที่สุดของแบตเตอรี่โทรศัพท์คือ ชาร์จจาก 50% ถึง 80% ผู้ผลิตจะชาร์จโทรศัพท์ใหม่ไว้ประมาณ 80% ของพลังงานแบตเตอรี่ก่อนบรรจุใส่กล่องอยู่แล้ว ดังนั้นการชาร์จโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้สูงสุดในครั้งแรกจึงไม่ดีต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่

2. ไม่ใช้โทรศัพท์ของคุณขณะกำลังชาร์จ

ไม่ใช้โทรศัพท์ของคุณขณะกำลังชาร์จ

การใช้โทรศัพท์ของเราในขณะที่กำลังชาร์จอยู่ จะเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเรา นี่เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน แบตเตอรี่มีการชาร์จไฟเมื่อคุณเสียบปลั๊ก ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้งานหรือไม่ก็ตามแบตฯ ก็ยังทำงานอยู่ตลอดเวลา การเล่นโทรศัพท์เป็นการเพิ่มงานอีกหนึ่งอย่างให้กับอุปกรณ์ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสียหายแต่อย่างใด แต่ข้อควรระวังก็คือ เมื่อเราชาร์จแบตฯ โทรศัพท์จะมีความร้อนสูงขึ้นอยู่แล้ว และเมื่อเราใช้งานขณะชาร์จไปด้วยก็จะเป็นการเพิ่งงานให้แบตฯ ทำให้ร้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันอาจส่งผลทำให้แบตเตอรี่ของเรามีความร้อนสะสม มีโอกาสทำให้มันไหม้หรือระเบิดได้ แน่นอนถ้าหากคุณใช้อยู่บนมือ หรือกำลังคุยโทรศัพท์ นี่จะเป็นอันตรายต่อตัวคุณโดยตรง เพราะฉะนั้นหากคุณจะใช้งานขณะชาร์จแบตฯ ควรดูปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ปลั๊กไฟที่ใช้ปลอดภัยหรือไม่ สายชาร์จมีจุดไหนขาดหรือเปล่า และรวมถึงความร้อนจากอแดปเตอร์หรือตัวเครื่องสูงหรือไม่

3. กลัวว่าที่ชาร์จแบตเตอรี่จากยี่ห้ออื่นจะทำลายแบตเตอรี่ของคุณ

นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยสำหรับผู้ใช้ iPhone ส่วนใหญ่ มีที่ชาร์จนอกแบรนด์มากมายในตลาด ผู้ใช้ iPhone บางคนคิดว่า ที่ชาร์จแบบอื่นจะเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่ยกเว้นของแท้ นี่เป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด ที่ชาร์จยี่ห้ออื่นบางรุ่นอาจใช้เวลาชาร์จนานกว่า หรือบางรุ่นอาจชาร์จได้เร็วกว่าของเดิม แต่ถ้าที่ชาร์จมีมาตราฐาน คุณก็สามารถใช้ได้ดีเหมือนที่ชาร์จเดิมของคุณ และมันก็ไม่เป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่ของคุณด้วย ดังนั้นอย่ากลัวว่าการชาร์จแบตฯ ด้วยที่ชาร์จจากยี่ห้ออื่น ๆ

4. หลายคนคิดว่าการปิดโทรศัพท์จะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย

หลายคนอาจจะคิดว่าการเปิด – ปิดโทรศัพท์ หรือรีสตาร์ทโทรศัพท์บ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ ซึ่งมันไม่จริงเลยมันก็เป็นไปได้ถ้าหากคุณได้ปิดโทรศัพท์ไว้เป็นเวลานานมาก ๆ ซึ่งการเปิดปิดเป็นครั้งคราวมันไม่ส่งผลใดต่อแบตเตอรี่ นอกจากนี้การรีบูตอุปกรณ์หรือการรีสตาร์ทโทรศัพท์มันอาจทำให้โทรศัพท์ของคุณทำงานได้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ดังนั้นอย่าคิดว่าการปิดหรือรีสตาร์ทโทรศัพท์จะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย

5. รอให้แบตเตอรี่เหลือ 0% ก่อนค่อยชาร์จ

รอให้แบตเตอรี่เหลือ 0% ก่อนค่อยชาร์จ

แนวคิดปลอม ๆ นี้คือ เราจะไม่ชาร์จโทรศัพท์จนกว่าจะหมดพลังงาน จากนั้นเราจะชาร์จโทรศัพท์จากศูนย์เปอร์เซ็นต์เป็นพลังงานเต็ม ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าการทำแบบนี้สามารถทำให้ความจุแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเราดีขึ้นกว่าเดิม อันที่จริงการจัดการกับแบตเตอรี่ของคุณด้วยวิธีนี้ไม่มีประโยชน์คุณสามารถชาร์จโทรศัพท์ได้อย่างอิสระ แม้ว่าจะเหลือพลังงานอยู่ถึง 90% ก็ตาม สาเหตุที่แบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณหมดเร็วมากตามเวลาที่คุณใช้โทรศัพท์ก็อาจเกิดจากการดาวน์เกรดฟังก์ชัน ดังนั้นคุณอาจพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในครั้งนี้

6. ไม่ชาร์จโทรศัพท์ข้ามคืนเพราะกลัวว่าแบตเตอรี่จะเสียหาย

สิ่งนี้กลายเป็นนิสัยที่เรามักจะดูโทรศัพท์ของเราสักพักก่อนเข้านอนในตอนกลางคืน หลายคนเลือกที่จะไม่ชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนเพราะคิดว่าการชาร์จข้ามคืนจะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย เราขอบอกเลยว่า คุณกังวลมากเกินไป โทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ จะหยุดชาร์จแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติเมื่อพลังงานมันเต็มแล้ว ฉะนั้นมันไม่ได้หมายความว่า เราสามารถชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ตลอดเวลา

7. ใส่แบตเตอรี่ในตู้เย็นเพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น

บางคนคิดว่าอุณหภูมิต่ำอาจทำให้พลังงานแบตเตอรี่โทรศัพท์อยู่ได้นานขึ้น ความเข้าใจผิดนี้มีมานานแล้ว พฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อโทรศัพท์ของคุณ แต่อุณหภูมิในการทำงานที่เหมาะสมสำหรับแบตเตอรี่โทรศัพท์ก็คือ อุณหภูมิห้องปกติซึ่งอยู่ที่ 25 ℃ ดังนั้นการใส่แบตเตอรี่ในตู้เย็นไม่สามารถทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น แต่จะทำให้อายุการใช้งานเสียหายเช่นเดียวกันการใช้โทรศัพท์ของคุณภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจะเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่

8. การใช้ Task Managers เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

task managers อาจไม่สะดวกในการจัดการระบบการทำงานของโทรศัพท์ของคุณ แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะยืดอายุแบตเตอรี่ ระบบการทำงานของโทรศัพท์ของคุณดีพอที่จะจัดการประสิทธิภาพของแอปฯ ทั้งหมดได้ดี task managers สามารถทำให้แอปทำงานได้ดี แต่ไม่ดีต่อระบบการทำงานของโทรศัพท์ของคุณและอาจเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่ของคุณ

9. กลัวเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้

กลัวเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้

ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นได้ยากแต่ถึงกระนั้นพวกเราบางคนก็ยังกังวลเรื่องนี้ หลายคนกังวลว่าการเสียบปลั๊กเครื่องชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้อาจทำให้เกิดไฟฟ้ารั่วและเกิดไฟลุกไหม้ได้ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดเพราะแบตฯ แต่มันเกิดเพราะปัจจัยอื่น ๆ เช่น น้ำหยด สัตว์เลี้ยงกัดแทะสายไฟ หรือเด็กเล่น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อปลั๊กไฟ ดังนั้นคุณสามารถเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ มันไม่ได้ทำแบตเตอรี่เสียหายอย่างแน่นอน หากคุณตรวจปัจจัยต่าง ๆ เรียบร้อย อย่างเช่น อยู่ในตำแหน่งที่เด็กและสัตว์เลี้ยงเล่นไม่ได้ (ที่สูง) ปลั๊กไฟและสายชาร์จที่ใช้ได้มาตราฐานและอยู่ในจุดที่ไม่โดดแสงแดดหรือน้ำ

10. ไม่ชาร์จแล็ปท็อปตลอดเวลาเพื่อป้องกันความเสียหาย

แบตเตอรี่แล็ปท็อปทำงานเช่นเดียวกับแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ หากคุณไม่มีปัญหาในการชาร์จโทรศัพท์ตลอดเวลาคุณก็ไม่มีปัญหาในการชาร์จแล็ปท็อปของคุณเช่นกัน คุณไม่ต้องกังวลว่าการชาร์จตลอดเวลาในขณะที่ใช้แล็ปท็อปจะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย สิ่งที่คุณควรป้องกันก็คือไม่ให้แบตฯ ทำงานจนมันร้อนเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่อย่างแน่นอน

11. การปิด Bluetooth, GPS และ Wi-Fi เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

สิ่งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเทอร์เน็ตอาจมีผลกับอุปกรณ์มือถือของคุณ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำกับโทรศัพท์ของคุณ แบตเตอรี่จะหมดลงอย่างรวดเร็วหากคุณชอบเล่นเกมออนไลน์ หรือดูวิดีโอบนหน้าจอที่สว่าง และจะทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง ไม่ได้หมายความว่าคุณควรปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งหมด เช่น Bluetooth, GPS หรือ Wi-Fi เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ สิ่งที่คุณต้องทำคือ พยายามลดความสว่างของจอให้มากที่สุด สิ่งนี้อาจทำให้การมองเห็นของคุณไม่ชัด แต่เป็นวิธีที่ดีในการปกป้องแบตเตอรี่

12. คำแนะนำในการยืดอายุแบตเตอรี่: ทำให้แบตเตอรี่เย็นและเก็บแบตเตอรี่ด้วยการชาร์จเล็กน้อย

เช่นเดียวกับที่เรากล่าวไปในข้อที่ 7 ว่าสภาพการทำงานที่ดีที่สุดของแบตเตอรี่คืออุณหภูมิต่ำกว่า 25 ℃ อย่านำโทรศัพท์ไปไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือเย็นจนเกินไป ไม่ควรใช้โทรศัพท์ภายใต้แสงแดดโดยตรงนานเกินไป ชาร์จโทรศัพท์ของคุณเล็กน้อยหากคุณไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เพราะแบตเตอรี่มันจะทำลายตัวเองหากมีพลังงานต่ำกว่าศูนย์ แน่นอนค่ะนี่คือเคล็ดลับในการยืดอายุแบตเตอรี่โทรศัพท์ของเรา