“เครื่องฟอกอากาศ” เป็นอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่จะช่วยกรองหรือขจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาระดับมลพิษทางอากาศค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้หลายคนมีปัญหาทางด้านการหายใจ ด้วยเหตุนี้ยอดขายเครื่องฟอกอากาศจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก เครื่องฟอกอากาศมีประโยชน์สำหรับทุก ๆ เลยค่ะโดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ อีกทั้งตัวเครื่องก็จะทำงานได้ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีอากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจด้วย การมีเครื่องฟอกอากาศในบ้านจะสร้างความแตกต่างให้กับบ้านของคุณมากกว่าที่คุณคิด อุปกรณ์เหล่านี้สามารถกรองสิ่งสกปรกในอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ ละอองเกสร ฝุ่น ไวรัสและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง
การมีมลพิษที่กล่าวมานี้จะทำให้คุณหายใจลำบากและมีสุขภาพทางเดินหายใจที่ไม่ดี ตามที่เราได้บอกไว้ว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นเหมาะสำหรับทุกคนแต่มันก็เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้มากที่สุด เพราะเครื่องฟอกอากาศจะช่วยจัดการกับละอองเกสรดอกไม้และขนของสัตว์เลี้ยงได้ดี อีกทั้งยังสามารถช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น การจาม การไอและการระคายเคืองจากการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศได้เป็นอย่างดี
หากวันนี้คุณกำลังจะซื้อเครื่องฟอกอากาศก็ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะเราได้เลือกเครื่องฟอกอากาศยอดนิยมทั้งหมด 7 เครื่อง มาแนะนำกัน ในการรีวิวของเราคุณจะได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการออกแบบ ข้อมูลจำเพาะและคุณสมบัติพิเศษ วิธีนี้จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าเครื่องฟอกอากาศตัวใดที่เหมาะกับบ้านของคุณมากที่สุด
ซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ปี 2564
- เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ มาพร้อม HEPA class 13 กรองอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ: Xiaomi เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier 3H
- มีเทคโนโลยี Active Plasmacluster สามารถกรองอากาศและไวรัสได้หลากหลายรูปแบบ : Sharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J40TA-W
- เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ทำงานแบบไร้สาย มีระบบกรอง 2 ชั้น ขจัดกลิ่นและมลภาวะได้ดี: Bwell เครื่องฟอกอากาศพกพา รุ่น G7
- แผ่นกรองอากาศ HEPA หนาเป็นพิเศษ สามารถกรองอนุภาคเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ: Philips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215
- เครื่องฟอกอากาศราคาถูก มีรีโมตควบคุมจากระยะไกล ทำงานได้เงียบมาก: Worldtech เครื่องฟอกอากาศ รุ่น WT-P40
- เครื่องฟอกอากาศพร้อมระบบคาร์บอน สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี: Imarflex เครื่องฟอกอากาศ รุ่น F-C042R
- เครื่องฟอกอากาศดีไซน์สวย ทันสมัย มีระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่ดีที่สุด: Dyson เครื่องฟอกอากาศ TP04
เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร ทำไมต้องซื้อ?
เครื่องฟอกอากาศทำงานแบบง่าย ๆ โดยภายในตัวเครื่องมี 2 สิ่งที่สำคัญก็คือตัวกรองและพัดลม ด้วยการทำงานของพัดลมเครื่องฟอกอากาศจะนำอากาศที่ปนเปื้อนภายในห้องออกมาและส่งผ่านตัวกรอง ในระหว่างกระบวนการกรองอากาศนี้ ฝุ่นละอองและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะติดอยู่ในตัวกรองและปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับเข้าไปในห้อง ขอบอกเลยว่ายิ่งตัวกรองอากาศมีคุณภาพสูงมากขึ้นเท่าไหร่อากาศก็จะยิ่งสะอาดมากขึ้นเท่านั้น แต่เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นไม่มีตัวกรองทางกายภาพและใช้เทคโนโลยีอย่าง เช่น การแตกตัวเป็นไอออน การตกตะกอนด้วยไฟฟ้าและหลอด UV กระบวนการเหล่านี้อาจไม่ทำให้คุณได้รับอากาศที่สะอาดเท่ากับการใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรองทางกายภาพ ดังนั้นในตอนที่ซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองทางกายภาพเสมอ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศ? เพราะไม่เห็นว่าจะจำเป็นตรงไหน แต่เราขอบอกเลยว่าอุปกรณ์นี้จำเป็นมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะในทุก ๆ พื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่มักจะเต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศ ซึ่งมลพิษทางอากาศนั้นสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาด้านสุขภาพต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ โรคหอบหืด ปัญหาทางการหายใจ ปวดศีรษะ ระคายเคืองคอและอาจจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งปอดได้ หลายคนอาจจะคิดว่ามลภาวะทางอากาศที่มาจากการอุตสาหกรรมและการเดินทางในอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า แต่เราขอบอกเลยว่าความจริงแล้วมลภาวะในอากาศภายในอาคารถือเป็นความเสี่ยงด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดเพราะในบ้านของเรามักจะเต็มไปด้วยมลภาวะหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ควัน ละอองเกสร สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง จุลินทรีย์และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฯลฯ ซึ่งปัญหาทางอากาศเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะส่งผลเสียต่อการหายใจได้ ถึงแม้ว่าคุณจะเปิดเครื่องปรับอากาศ ดูดฝุ่นหรือกวาดขยะจนทั่วแล้วก็ไม่สามารถขจัดปัญหานี้ได้ ดังนั้นหากคุณต้องการวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็วก็คือการซื้อและติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่บ้านนั่นเอง
Xiaomi เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier 3H
เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ มาพร้อม HEPA class 13 กรองอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ราคา 3,990 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 24 x 24 x 52 ซม.
กำลังไฟ : 38 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 4.8 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 380 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 26 – 45 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 32 – 64 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีตัวกรองอากาศที่สามารถเปลี่ยนได้
- ตัวหน้าจอเป็นระบบสัมผัสแบบ OLED ใช้งานง่าย
- เชื่อมต่อกับแอป Mi Home ได้เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น
- สามารถดักจับอนุภาคที่ละเอียดถึง 0.3 ไมครอนได้
ข้อควรพิจารณา
การออกแบบดูเทอะทะมากจนเกินไป
Sharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J40TA-W
มีเทคโนโลยี Active Plasmacluster สามารถกรองอากาศและไวรัสได้หลากหลายรูปแบบ
ราคา 11,090 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 39 x 58.5 x 27 ซม.
กำลังไฟ : 23 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 6.2 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 240 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 30 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 45 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีแผ่นกรองหลายชั้นสามารถกรองอากาศและกลิ่นได้เป็นอย่างดี
- สามารถดักจับอนุภาคที่ละเอียดถึง 0.3 ไมครอนได้
- มีระบบไอออนที่จะปล่อยประจุออกมาเพื่อจัดการกับไวรัส
- มีโหมดการทำงานที่หลากหลายเพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ
ข้อควรพิจารณา
- ตัวเครื่องต้องใช้ความระมัดระวังในการเคลื่อนย้าย
- ตัวแผ่นกรอง HEPA ต้องเปลี่ยนเป็นประจำทำความสะอาดไม่ได้
Bwell เครื่องฟอกอากาศพกพา รุ่น G7
เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ทำงานแบบไร้สาย มีระบบกรอง 2 ชั้น ขจัดกลิ่นและมลภาวะได้ดี
ราคา 3,950 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 19 x 7.5 x 7.5 ซม.
กำลังไฟ : 5 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 0.5 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 12.3 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 3 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 30 – 45 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.8%
- มีแผ่นกรอง 2 แบบกรองฝุ่นและกลิ่นได้ดี
- มีระบบเซนเซอร์ช่วยกรองอากาศโดยรอบให้ปลอดภัย
- พกพาง่ายและเคลื่อนย้ายได้สะดวกเพราะมีน้ำหนักเบา
ข้อควรพิจารณา
ทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้นแต่ไม่ค่อยดีนักในสภาพแวดล้อมที่แห้ง
Philips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215
แผ่นกรองอากาศ HEPA หนาเป็นพิเศษ สามารถกรองอนุภาคเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคา 5,990 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 25.7 x 60.3 x 37.1 ซม.
กำลังไฟ : 50 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 5.2 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 270 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 20 – 58 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 33 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ตัวเครื่องมีแสงสลัวและเสียงรบกวนต่ำช่วยให้คุณนอนหลับสบาย
- มีคุณสมบัติล็อกป้องกันเด็กป้องกันการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
- แจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองเพื่อทำให้อากาศภายในบ้านดีต่อสุขภาพตลอดเวลา
- มีโหมดฟอกอากาศให้ใช้หลายแบบเพื่อความสะดวก
- กำจัดมลพิษทางอากาศรวมถึง PM 2.5 ได้ถึง 99.97%
ข้อควรพิจารณา
วงแหวนบ่งบอกสีอาจทำงานผิดเพี้ยนบ้างในบางครั้ง
Worldtech เครื่องฟอกอากาศ รุ่น WT-P40
เครื่องฟอกอากาศราคาถูก มีรีโมตควบคุมจากระยะไกล ทำงานได้เงียบมาก
ราคา 1,269 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 36 x 20 x 56.5 ซม.
กำลังไฟ : 35 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 4.2 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 250 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 40 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 40 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ติดตั้งได้ง่ายมาก
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและพกพาได้ง่าย
- สามารถกำจัดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.97 %
- ให้การครอบคลุมพื้นที่ถึง 40 ตร.ม. เหมาะสำหรับห้องทำงานและห้องนอน
ข้อควรพิจารณา
ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเป็นประจำเพื่อความสะอาด
Imarflex เครื่องฟอกอากาศ รุ่น F-C042R
เครื่องฟอกอากาศพร้อมระบบคาร์บอน สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดี
ราคา 1,790 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 34 x 20 x 55 ซม.
กำลังไฟ : 57 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 4.5 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 220 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 30 – 50 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 40 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- เหมาะสำหรับใช้กรองฝุ่นขนาด PM 2.5
- มีการออกแบบที่สวยงาม ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย
- ปรับระดับการทำงานได้ 3 ระดับเพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งาน
- ราคาถูก
ข้อควรพิจารณา
ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเป็นประจำเพื่อความสะอาด
Dyson เครื่องฟอกอากาศ TP04
เครื่องฟอกอากาศดีไซน์สวย ทันสมัย มีระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่ดีที่สุด
ราคา 27,900 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ขนาด : 20.6 x 11.7 x 105.4ซม.
กำลังไฟ : 40 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 4.9 กก.
แผ่นกรองอากาศที่ใช้ : HEPA
CADR (Clean Air Delivery Rate) : 290 ลบ.ม./ชม.
ครอบคลุมพื้นที่ : 27 ตร.ม.
ความดังของเสียง : 42.3 dB
เหตุผลที่ควรซื้อ
- นำเสนอการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและน่าสนใจ
- การทำงานที่เงียบช่วยให้ได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สนุกสนานมากขึ้น
- ให้การตั้งค่าความเร็วถึง 10 ระดับเพื่อให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย
- ติดตั้งง่ายเพียงแค่แกะกล่องก็ใช้งานได้เลย
- สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.95%
ข้อควรพิจารณา
ราคาสูงมาก
คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ
1. แผ่นกรอง HEPA
ในเครื่องฟอกอากาศไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีแผ่นกรอง HEPA ค่ะ HEPA ย่อมาจาก High-Efficiency Particulate Air filter ซึ่งแผ่นกรองนี้สามารถกำจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ 99.97% ซึ่งหมายความว่าเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA สามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย ฝุ่น สิ่งสกปรกและไวรัสบางชนิดออกจากอากาศได้ ตัวกรอง HEPA มีหลายเกรด ตั้งแต่ H11 ถึง H14 ยิ่งจำนวน H สูงเท่าไหร่อัตราการกักเก็บมลพิษก็จะยิ่งสูงขึ้น แต่ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ HEPA ในบ้านส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับแผ่นกรอง HEPA เกรด H13 แต่อย่างไรก็ตามแผ่นกรอง HEPA ไม่สามารถขจัดก๊าซที่เป็นอันตรายและกลิ่นเหม็นได้ หากคุณต้องการขจัดสิ่งไม่พึงประสงค์เพิ่มเติม คุณจำเป็นต้องใช้แผ่นกรองถ่านกัมมันต์ร่วมกับแผ่นกรอง HEPA ตัวกรองถ่านกัมมันต์สามารถกำจัดเบนซีน คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) และซัลเฟอร์ออกไซด์ (SOX) ออกจากอากาศได้ นอกจากนี้แผ่นกรองเหล่านี้ยังสามารถช่วยในการขจัดมลพิษทางอากาศที่มีขนาดใหญ่ เช่น สะเก็ดผิวหนัง เส้นผมของมนุษย์ ขนของสัตว์เลี้ยงและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างได้
2. หลีกเลี่ยงเครื่องฟอกอากาศระบบโอโซน
เครื่องฟอกอากาศที่ใช้โอโซนใช้เครื่องกำเนิดโอโซนเพื่อปล่อยก๊าซโอโซนสู่อากาศเพื่อจัดการกับแบคทีเรียและไวรัส อย่างไรก็ตามระบบนี้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เนื่องจากโอโซนเป็นอันตรายต่อดวงตาและปอด เครื่องสร้างประจุไอออนในอากาศจะชาร์จอนุภาคในอากาศ ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียและไวรัสเกาะติดกับผนังในบ้านของคุณ หมายความว่าจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายเหล่านั้นไม่ได้ถูกกำจัดออกจากบ้านของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณอยู่ห่างจากเครื่องฟอกอากาศที่ใช้โอโซนหรือไอออไนซ์เพื่อให้ปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น
3. CADR (อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์)
ในขณะที่คุณกำลังซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณอาจจะเห็นค่า CADR ที่บ่งบอกไว้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า CADR ย่อมาจากอะไรหรือหมายถึงอะไร เราขอบอกเลยว่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate และหมายถึงปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศสามารถจ่ายออกมาได้ด้วยความเร็วพัดลมสูงสุด หากเครื่องฟอกอากาศที่คุณซื้อมีค่า CADR ที่สูงขึ้นก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถฟอกอากาศได้เร็วขึ้น ปกติแล้ว CADR มีหน่วยวัดเป็น CMH (ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง) หรือ CFM (ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที)
4. การครอบคลุมพื้นที่
เครื่องฟอกอากาศทุกยี่ห้อมักจะบอกถึงการครอบคลุมพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ ตัวอย่างเช่น หากเครื่องฟอกอากาศบอกว่าครอบคลุมพื้นที่ คือ 30 ตารางเมตรจะสามารถทำความสะอาดอากาศภายในพื้นที่ 30 ตารางเมตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งพื้นที่ครอบคลุมสูงเท่าไหร่ประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามเครื่องฟอกอากาศที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกันเพราะเปลืองไฟและราคาตัวเครื่องก็แพงนั่นเอง สำหรับบ้านส่วนใหญ่เครื่องฟอกอากาศที่มีพื้นที่ครอบคลุม 30 – 40 ตารางเมตรก็เพียงพอแล้ว ส่วนในห้องนอนให้เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีพื้นที่ครอบคลุม 20 -25 ตารางเมตรค่ะ
5. เครื่องฟอกอากาศทั่วไป VS เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของเครื่องฟอกอากาศทั่วไปคือครอบคลุมทุกห้องในบ้านของคุณ ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศแบบพกพารองรับเฉพาะพื้นที่ที่คุณวางตัวเครื่องไว้ท่านั้น แต่ประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาก็คือคุณสามารถนำเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาติดตัวไปในสถานที่อื่นได้ น้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายสะดวก แต่ถ้าให้เราแนะนำเราขอให้คุณใช้เครื่องฟอกอากาศแบบทั่วไปภายในบ้านและใช้เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาในตอนที่ขับรถหรือตอนทำงานแบบส่วนตัวค่ะ แต่ก่อนจะซื้อโปรดจำไว้ว่าเครื่องฟอกอากาศแบบพกพามีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามากขึ้นเนื่องจากต้องเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเป็นประจำ
6. ระดับเสียง
เมื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสิ่งที่คุณต้องพิจารณาไม่ใช่แค่เรื่องเพียงประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาด้วยว่าคุณจะสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ เพราะหากเครื่องฟอกอากาศที่คุณซื้อมีเสียงที่ดังมากเกินไปมันจะรบกวนการใช้ชีวิตของคุณทั้งการนอนหลับและการทำงาน ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศจะต้องทำงานอยู่เสมอ ดังนั้นเสียงที่ออกมาจากเครื่องฟอกอากาศควรจะเงียบ ปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศที่ดีจะต้องมีเสียงรบกวนน้อยกว่า 50 เดซิเบลซึ่งมีความดังเท่ากับตู้เย็นและในความดังเพียงแค่นี้จะไม่รบกวนการนอนหลับของคุณอย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศคุณจะต้องพิจารณาถึงจำนวนเดซิเบลเสมอ