หม้อชาบู-สุกี้ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี? สำหรับทำชาบูกินที่บ้าน

หม้อชาบู-สุกี้ไฟฟ้า ที่ดีที่สุด
หม้อชาบู-สุกี้ไฟฟ้า ที่ดีที่สุด

ชาบูและสุกี้เป็นประเพณีการทำและทานอาหารของชาวเอเชีย ชาบูหมายถึงรูปแบบการทำอาหารที่ต้องปรุงเนื้อสัตว์และผักในน้ำซุปเดือด ซึ่งคล้าย ๆ กับการทำฟองดูเนื้อสไตล์ตะวันตก การที่เราจะทานชาบูหรือสุกี้ได้เราจำเป็นต้องมี “หม้อชาบูหรือหม้อสุกี้ไฟฟ้า”

โดยวิธีการทำก็คือเทน้ำซุปลงในหม้อไฟ หลังจากนั้นให้นำเนื้อดิบและผักต่าง ๆ เข้าไปใส่ในหม้อ แต่หากจะกินเนื้อให้อร่อยและเป็นชาบูต้นตำรับเราขอแนะนำให้หย่อนเนื้อสัตว์ลงไปในน้ำซุปที่เดือดแล้วเมื่อเนื้อสัตว์สุกแล้วให้นำออกมาและรับประทานกับน้ำจิ้ม ขอบอกเลยว่าชาบูและสุกี้เป็นอะไรที่สามารถทานได้ทุกวันเลย ยิ่งทานไปเรื่อย ๆ คุณจะรู้สึกว่ามันอร่อยเพราะยิ่งเราใส่วัตถุดิบและเคี่ยวนาน ๆ เท่าไหร่น้ำซุปก็จะยิ่งมีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าหากในเมื่อก่อนคุณต้องการจะทานชาบูคุณจะต้องไปทานที่ร้านเท่านั้น แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นโชคดีของคุณเพราะมีการวางขายหม้อชาบูไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งเครื่องมีนี้จะช่วยให้คุณเตรียมการทานชาบูได้ที่บ้านของคุณเอง ซึ่งสะดวกและสบายอีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินได้ดี  หม้อชาบูหรือหม้อสุกี้ไฟฟ้านั้นมีลักษณะเหมือนกับกระทะไฟฟ้าเพราะใช้งานได้ง่าย เพียงเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับไฟฟ้าตัวเครื่องก็จะทำงานทันที ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายก๊าซหุงต้มที่ต้องใช้เตาแก๊สได้เป็นอย่างดี หากวันนี้คุณกำลังมองหาหม้อชาบูไฟฟ้าดี ๆ อยู่เราก็มีสินค้าพร้อมคำแนะนำในการเลือกหม้อชาบูมาฝากกันค่ะ

ซื้อ หม้อชาบู ยี่ห้อไหนดี และเหมาะสำหรับคุณ 

[summary item=”4382,4384,4392,4394,4386,4388,4390″]

ชาบูหรือหม้อไฟ คืออะไร ?

หม้อไฟเป็นประเพณีการทำอาหารจีนที่มีมานานหลายศตวรรษ เดิมทีแล้วหม้อไฟได้รับการแนะนำมาจากจักรวรรดิมองโกเลีย หม้อไฟเป็นการปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักและบะหมี่ในน้ำซุปที่ผ่านการเคี่ยวมาอย่างดี หลังจากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มต่าง ๆ แม้ว่าหม้อไฟจะเป็นอาหารจีนแบบดั้งเดิม แต่จริง ๆ แล้วหม้อไฟรูปแบบต่าง ๆ ก็สามารถพบได้ในวัฒนธรรมและประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เวียดนามและเกาหลี ในญี่ปุ่นจะเรียกหม้อไฟของจีนว่าชาบูค่ะและถึงแม้ว่าอาหารเหล่านี้จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน แต่ชื่อเรียกและรสชาติก็จะแตกต่างกันออกไปตามถิ่น ที่อยู่และรสนิยมของผู้ทาน ต่อไปเราไปทำความรู้จักอาหารประเภทนี้ให้มากขึ้นกันค่ะว่ามีแบบไหน สไตล์ใดกันบ้าง

  • หม้อไฟสไตล์ฉงชิ่ง หม้อไฟสไตล์ฉงชิ่งมีรสชาติเผ็ดและเข้มข้นเป็นหนึ่งในอาหารหม้อไฟที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศจีน น้ำซุปทำจากเนื้อและพริกเสฉวน หม้อไฟแบบนี้เผ็ดจนชาปากแต่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ หากได้ทานพร้อมเนื้อวัว เนื้อแกะ เต้าหู้ ผักใบเขียว ถั่วงอกและเส้นก๋วยเตี๋ยวจะอร่อยมาก
  • ชาบู-ชาบู ชาบูชาบูเป็นหม้อไฟสูตรพิเศษของญี่ปุ่น ที่นิยมทานกันมากทั้งในญี่ปุ่น ไต้หวันและไทย หม้อไฟนี้จะแตกต่างจากหม้อไฟแบบอื่น ๆ เล็กน้อย แต่หลัก ๆ ก็คือการปรุงใช้เนื้อหั่นบาง ๆ และใช้ผักต้มลงไปในน้ำซุปเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด การทำชาบูชาบูทำได้ง่ายมากเพราะใช้ส่วนผสมเพียงแค่ไม่กี่อย่าง
  • สุกียากี้ สุกียากี้นั้นนิยมมากในไทย ในไทยของเรามักจะทานทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ แต่ขอบอกเลยว่าสุกียากี้นั้นไม่เหมือนกับชาบูชาบู เพราะสุกียากี้แบบดั้งเดิมจะใช้น้ำซุปเข้มข้นที่ทำจากซีอิ๊วหวานและเค็ม สุกียากี้จะต้องเสิร์ฟพร้อมกับเนื้อหั่นบาง ๆ เห็ดและผักอื่น ๆ ทำให้รสชาติมีความกลมกล่อม ซึ่งก่อนทานจะต้องราดน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มความเข้มข้น หากเทียบระดับความง่ายแล้ว สุกียากี้เป็นอาหารที่ง่ายที่สุดและเหมาะสำหรับทานที่บ้าน

เราขอแนะนำเลยว่าหากคุณจริงจังกับการทำอาหารประเภทชาบูหรือหม้อไฟที่บ้าน คุณจะต้องมีหม้อชาบูไฟฟ้าเพราะหากคุณมีอุปกรณ์นี้คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารได้เป็นอย่างดี คุณจะได้ซดน้ำซุปร้อน ๆ กับครอบครัวและเพื่อนฝูง อีกทั้งการมีหม้อชาบูไฟฟ้าจะทำให้สามารถทานชาบูเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการและเลือกเนื้อสัตว์ที่ตัวเองต้องการทานได้อย่างสะดวก

[product_table item=”4382,4384,4392,4394,4386,4388,4390″]

คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อหม้อชาบู

1. ความจุ

ขนาดเฉลี่ยของหม้อชาบูมีตั้งแต่ 1 ลิตรไปจนถึง 6 ลิตร ความจุในช่วงขนาดนี้มีมากเกินพอที่จะต้มน้ำซุปให้เพียงพอสำหรับอาหารที่คุณจะทาน แต่ในการเลือกซื้อหม้อชาบูมันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการที่ทานอาหารมากน้อยแค่ไหนหรือทานกันกี่คนในครั้ง ปกติแล้วหม้อชาบูที่มีขนาดใหญ่มักจะออกแบบให้เป็นหม้อ 2 ช่องและมาพร้อมกับตัวคั่น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถปรุงน้ำซุปได้ 2 แบบในหม้อชาบูเพื่อให้อาหารของคุณมีตัวเลือกรสชาติมากขึ้น แต่หากคุณชอบทานชาบูคนเดียวหม้อชาบูขนาดเล็กจะเหมาะกับคุณที่สุดเพราะเพียงพอสำหรับการทานคนเดียวหรือสองคน อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บได้ง่ายเหมาะสำหรับหอพักนักศึกษาหรือคนโสดที่อาศัยอยู่ในห้องเล็ก ๆ และมีพื้นที่ว่างในการจัดเก็บเพียงเล็กน้อย

2. การออกแบบ

การออกแบบหม้อชาบูเป็นสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่คุณต้องพิจารณาคือความกว้างของหม้อชาบู ช่องของหม้อชาบูควรเปิดควรกว้างเพื่อให้เราสามารถเข้าถึงอาหารได้ อีกทั้งหม้อชาบูควรจะมีความลึกตื้นเพื่อให้คุณสามารถเห็นอาหารของคุณท่ามกลางน้ำซุปได้ง่าย หม้อชาบูที่ความตื้นจะสามารถปรุงอาหารของคุณได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้หม้อชาบูที่คุณเลือกควรจะมีฝาแก้วและต้องมีด้ามจับทนความร้อน เพื่อให้คุณสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างง่ายดาย และหากคุณต้องการย่างเนื้อสัตว์เราขอแนะนำให้ซื้อหม้อชาบูที่มาพร้อมกับเตาย่างและเลือกแบบที่ให้เราสามารถควบคุมอุณหภูมิของหม้อชาบูและเตาย่างที่แยกกันได้เพื่อให้เราสามารถใช้หม้อชาบูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. วัสดุของหม้อ

หม้อชาบูมีหลายยี่ห้อซึ่งแต่ละยี่ห้อก็ทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน แต่วัสดุที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือสเตนเลสและโลหะผสมอะลูมิเนียม โดยแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป อะลูมิเนียมอาจไม่แข็งแรงเท่าสเตนเลสแต่น้ำหนักเบากว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วอะลูมิเนียมยังมีความทนทานต่อการกัดกร่อนมากกว่าเนื่องจากมีชั้นฟิล์มอยู่ภายใน อย่างไรก็ตามหากคุณปรุงอาหารที่เป็นกรดบ่อย ๆ หม้ออะลูมิเนียมอาจสึกกร่อนหรือเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้อะลูมิเนียมยังเป็นตัวนำความร้อนได้ดีกว่าซึ่งอาจส่งผลต่อรสชาติและสีเมื่อใช้งานไปนาน ๆ  ในทางกลับกันหม้อสเตนเลสซึ่งปกติแล้วจะทำด้วยโครเมียม เหล็ก นิกเกิล แมงกานีสและทองแดง ก็ทนทานต่อการกัดกร่อนเช่นกันแต่ไม่ดีเท่าหม้อที่ทำจากอะลูมิเนียม หม้อร้อนสเตนเลสเป็นที่นิยมเพราะมีความแข็งแรงและไม่ส่งผลต่อรสชาติของอาหาร นอกจากนี้คุณยังจะพบว่าหม้อชาบูที่ดีที่สุดบางรุ่นมีการเคลือบสารกันติดยกเว้นสเตนเลส หม้อชาบูเหล่านี้มักทำจากวัสดุอื่นที่ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นด้วยการเคลือบกันติด อย่างไรก็ตามให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับคุณภาพและประเภทของการเคลือบสารกันติดในหม้อชาบู เนื่องจากสารเคลือบบางประเภทจะมีการปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษออกมา

4. กำลังไฟ

ตามที่เราได้บอกไว้เสมอเมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าว่ายิ่งตัวเครื่องมีกำลังไฟมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งทำอาหารได้เร็วเท่านั้น กำลังไฟที่สูงขึ้นสามารถลดเวลาการรอของคุณได้อย่างมาก ถ้าไม่อยากรอไม่นานก็ให้เลือกหม้อชาบูที่ทรงพลัง ซึ่งปกติแล้วหม้อชาบูไฟฟ้าที่พร้อมเตาย่างมักจะมีกำลังไฟ 2,000 ถึง 2,400 วัตต์เพราะต้องใช้การควบคุมไฟถึง 2 ช่อง แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งานเพราะในบางครั้งหากคุณใช้ปลั๊กพ่วงคุณต้องถอดปลั๊กทุกอย่างออกทั้งหมดและใช้กับหม้อชาบูเพียงอย่างเดียว เพราะกำลังไฟที่มากอาจทำให้เกิดปัญหาด้านไฟฟ้าได้ แต่หากคุณเลือกหม้อชาบูขนาดเล็กที่ไม่มีกระทะย่างอาจจะใช้ไฟเพียง 1,000 ถึง 1,500 วัตต์เท่านั้น

5. ความปลอดภัย

เมื่อซื้อหม้อชาบูมีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยบางประการที่ต้องระวังเพื่อปกป้องพื้นที่และผู้ที่มารับประทานอาหาร ในการซื้อคุณตรวจสอบความยาวของสายไฟเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงจากโต๊ะของคุณไปยังเต้ารับไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียงได้ สายไฟของหม้อชาบูบางรุ่นติดกับแม่เหล็ก ดังนั้นอาจจะเกิดสายไฟหลุดออกจากหม้อโดยไม่ตั้งใจและทำให้อาหารในหม้อหก นอกจากนี้หม้อชาบูที่คุณเลือกควรมีที่จับและฐานที่เย็นอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้นิ้วมือและมือของคุณโดนลวก แนะนำให้เลือกใช้ฐานกันลื่นเพื่อให้หม้อชาบูที่คุณใช้มีความทนทานเป็นพิเศษ