14 สิ่งที่ควรทำ VS ไม่ควรทำ ในการล้างหน้า

“การล้างหน้า” ก็เหมือนการอาบน้ำ ซึ่งดูเหมือนเป็นกิจวัตรที่เรียบง่าย และตรงไปตรงมาที่สุดในการดูแลร่างกาย แต่หากคุณทำด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องมันอาจเป็นการทำร้ายผิวของคุณเอง ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การล้างหน้าต้องใช้ทั้ง เวลา ความใส่ใจ และการปฏิบัติอย่างถูกวิธี เพราะการทำความสะอาดอย่างถูกต้องอาจสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนในแบบที่คุณไม่คาดคิดได้ หลายคนเชื่อว่าต้องล้างหน้า เพื่อล้างเครื่องสำอาง และต้องล้างหน้าเมื่อมันเกิดความมันหรือมีสิ่งสกปรก ตามความเป็นจริงคุณต้องล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เพื่อรักษาความสะอาดของใบหน้า แต่อย่างไรก็ตามจำนวนครั้งที่คุณล้างหน้า ก็อาจมีความสำคัญน้อยกว่าวิธีการล้าง ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบใดกิจวัตรการทำความสะอาดในตอนกลางคืนนั้นมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ การขจัดเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก และความมันออกจากใบหน้า จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงผิวของคุณ ตลอดจนการช่วยสนับสนุนผิวในการฟื้นฟู และกระบวนการในกรผลัดเซลล์ผิวให้ดีขึ้นในชั่วข้ามคืน วันนี้เรามี “14 คำแนะนำที่คุณควรทำและไม่ควรทำ ในการล้างหน้าให้ถูกต้อง” ไปดูกันเลยค่ะ

สิ่งที่ควรทำ ในการล้างหน้าที่ถูกต้อง !

1. ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน

ให้คุณใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางสูตรอ่อนโยน ล้างเครื่องสำอางออกให้หมด ก่อนเริ่มล้างหน้าแบบจริงจัง โดยเฉพาะในตอนก่อนเข้านอน รูขุมขนที่สะอาดจะช่วยกำจัดสารพิษในผิวได้ แต่ถ้ามันอุดตันสุขภาพผิวจะแย่มาก สำหรับรูขุมขนอุดตันลองวิธีการทำความสะอาดผิวแบบ 2 ขั้นตอน ขั้นตอนนี้ให้ใช้น้ำมันธรรมชาติ (เช่น น้ำมันละหุ่ง น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันทานตะวัน) เพื่อขจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้น จึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนเพื่อช่วยชะล้างน้ำมัน เราขอแนะนำให้ใช้ ไมเซลลาร์ น้ำยาล้างเครื่องสำอางหรือน้ำมันธรรมชาติสำหรับเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตา สำลีก้อนที่ฉ่ำไปด้วยน้ำยาทำความสะอาดจะช่วยให้คุณค่อย ๆ จัดการกับบริเวณที่มีคราบเครื่องสำอางได้ โดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือตึง

2. ใช้น้ำอุ่นล้างหน้า

ขอบอกก่อนว่ารูขุมขนบนใบหน้านั้นไม่ใช่ประตู น้ำอุ่นไม่ได้ช่วยเปิดรูขุมขนและน้ำเย็นก็ไม่ได้ช่วยปิดรูขุมขน ความจริงคือ อุณหภูมิของน้ำที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นคุณควรเดินทางสายกลาง โดยการใช้น้ำอุ่นที่ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไปในการล้างหน้าเสมอเพื่อชำระล้างความมัน ห้ามใช้น้ำที่ร้อนเกินไปในการล้างหน้า เพราะเราเชื่อว่าคุณคงไม่ต้องการเห็นผิวที่แดง และเกิดการระคายเคืองเป็นแน่

3. ใช้ไมเซลล่า (Micellar Water)

ไมเซลล่า สามารถไปดึงเอาเครื่องสำอางและคราบของมันต่าง ๆ ตามรูขุมขนออกมาได้ ซึ่งถ้าหากคุณไม่ได้แต่งหน้าคุณก็สามารถใช้ไมเซลล่าเป็นน้ำยาทำความสะอาดได้เช่นกัน หากคุณกำลังตั้งแคมป์หรืออยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีน้ำ ไมเซลล่าจะสามารถทำความสะอาดใบหน้าของคุณได้และไม่จำเป็นต้องล้างออกเลย

4. ให้ใช้ แปรงทำความสะอาดผิวหน้า ระบบโซนิค

ถึงแม้ เครื่องล้างหน้า หรือ แปรงล้างหน้า อาจจะดูว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นัก แต่สำหรับใครที่มีปัญหาผิวมัน อาจได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ จากการที่คุณทำความสะอาดด้วยคลื่นโซนิค เนื่องจากแปรงทำความสะอาดผิวหน้าระบบโซนิคเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการกระตุ้นผิวอย่างนุ่มนวลเพื่อช่วยในการทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก ซึ่งแปรงทำความสะอาดผิวหน้าระบบโซนิคเป็นที่นิยมมาก หลาย ๆ รุ่นมาพร้อมกับหัวแปรงหลายแบบสำหรับเป้าหมายที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ความกระจ่างใสไปจนถึงการลดสิว แต่ข้อควรระวังคือ สำหรับคนที่มีผิวบอบบาง ความถี่ในการใช้เครื่องมือนี้ อาจทำให้ผิวของคุณเกิดการระคายเคืองได้

5. ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ

เราอยากให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ที่ว่า การปล่อยให้ใบหน้าแห้งเองเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งการปล่อยให้น้ำอยู่บนใบหน้าเป็นเวลานานมันไม่ได้ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เมื่อน้ำระเหยออกจากผิวจนหมด มันอาจทำให้ผิวคุณแห้งได้ เพราะฉะนั้นเมื่อล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ คุณต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใต้ตาที่บอบบาง

6. ใช้น้ำยาทำความสะอาดตามปริมาณที่แนะนำ

หากคุณสงสัยว่า ทำไมน้ำยาทำความสะอาดของคุณ มันไม่ส่งผลตามที่มันได้ระบุเอาไว้ ให้คุณลองตรวจสอบปริมาณที่คุณใช้ เพราะนี่อาจจะเป็นสาเหตุ เพราะคุณใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง เราขอแนะนำให้คุณอ่านฉลากเพื่อหาปริมาณที่ผู้ผลิตแนะนำ ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มักจะผ่านการทดลอง และทดสอบ เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพสูงสุด และปลอดภัยสำหรับการใช้งาน

7. ใช้โทนเนอร์เสมอ

แม้ว่าการใช้โทนเนอร์จะไม่ใช่ขั้นตอนทางเทคนิคในการล้างหน้า แต่หลาย ๆ คนมักจะพลาดความสำคัญของสิ่งที่ตามมานั่นคือ การปรับสมดุลผิวของคุณ โทนเนอร์จะมีลักษณะเป็นน้ำที่มีเนื้อบางเบา แต่เดิมใช้เพื่อรีเซตค่า pH ของผิว คุณจึงสามารถปกป้องตัวเองจากแบคทีเรีย และสิ่งที่อันตรายได้ แต่ตอนนี้โทนเนอร์จำนวนมาก มาพร้อมกับคุณประโยชน์พิเศษ ซึ่งกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ แนะนำให้มองหาส่วนผสมเหล่านี้

  • โรสวอเตอร์ : มีคุณสมบัติต่อต้านริ้วรอย
  • ดอกคาโมไมล์ : ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติปลอบประโลมผิว
  • กรดซาลิไซลิก หรือวิชฮาเซล : สำหรับต่อสู้กับสิว

สำหรับการทาโทนเนอร์ เราขอแนะนำให้คุณวางสำลีในจุดที่คุณมีความกังวล หรือรู้สึกว่ายังไม่สะอาด อย่างในบริเวณที่มักจะมีความมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


สิ่งที่ไม่ควรทำ ในการล้างหน้าให้ถูกต้อง !

1. หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ก้อนทั่วไป

สบู่ก้อนปกติ จะมีความเป็นด่าง (มีค่า pH 9 ถึง 10) ดังนั้นจึงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้แม้กับผิวธรรมดา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นกรดเล็กน้อย (มีค่า pH 5.6 ถึง 5.8) (1) ซึ่งสบู่ก้อนสามารถปรับสมดุล pH ของผิวได้ (ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียและยีสต์เจริญเติบโตมากขึ้น) เว้นแต่จะมีสูตรพิเศษสำหรับผิวหน้า หลายคนเลือกใช้สบู่ก้อนในการล้างหน้า เพราะมันสะดวก และมีฟองเยอะ นั่นเป็นเรื่องที่สร้างความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะหลายคิดว่า ถ้ามันไม่มีฟองก็ไม่ใช่การทำความสะอาด แต่จริง ๆ แล้วการใช้ฟองสามารถดึงน้ำมันจากธรรมชาติของคุณออกมาได้มากขึ้น สารลดแรงตึงผิว (สิ่งที่ช่วยให้น้ำยาทำความสะอาดสลายน้ำมันเพื่อให้น้ำสามารถชะล้างสิ่งสกปรกออก) ที่มีอยู่ในสบู่ก้อนจะป้องกันไม่ให้โมเลกุลของผิวของคุณสมบูรณ์ ดังนั้นคุณไม่ควรใช้สบู่ก้อนในการล้างหน้า

มีการศึกษาหนึ่งในปี 2555 ได้ยืนยันสิ่งนี้ โดยสรุปว่า สารลดแรงตึงผิว จะขจัดส่วนประกอบของผิวหนังแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผิวหนัง และทำให้การทำงานของเกราะป้องกันผิวหนังลดลงและนำไปสู่สภาพผิวที่แย่ลง (2)

2. อย่าสครับผิวบ่อยเกินไป

การถูผิวหน้าด้วยสครับแบบแรง ๆ สามารถดึงเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิวหนังออกได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้ใช้แค่ปลายนิ้วขัดถูไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยหนึ่งหรือสองนาที สำหรับการผลัดเซลล์ผิว ให้คุณมองหาส่วนผสมในน้ำยาทำความสะอาดที่มี กรดซาลิไซลิก, กรดไกลโคลิก กรดแลคติก หรือเอนไซม์ จากผลไม้ การปล่อยให้สารเหล่านี้เข้าสู่ผิวเป็นเวลา 60 ถึง 90 วินาที จะช่วยล้างรูขุมขนและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก เพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งแลดูมีสุขภาพดี

3. ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือร่วมกับการล้างหน้า

การศึกษาชิ้นหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า ฟองน้ำ และใยบวบ เป็นแหล่งกักเก็บและพาหนะในการแพร่เชื้อแบคทีเรียชั้นดี ซึ่งอาจก่อโรคไปยังผิวหนังของมนุษย์ได้ (3) โดยจำนวนแบคทีเรียที่สร้างขึ้นบน ฟองน้ำ แปรงล้างหน้า และใยบวบ เป็นข้อพิสูจน์ว่า สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับการนำมาทำความสะอาดผิวหน้า เว้นเสียแต่ว่า คุณจะพิถีพิถันในการทำความสะอาดเครื่องมือที่ใช้ล้างหน้าเป็นประจำ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการล้างหน้าคุณไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์เพิ่มเติมเลย เพราะคุณมีโฟมล้างหน้า และน้ำสะอาดอยู่แล้ว

4. อย่าทำความสะอาดแค่ใบหน้า

แนวขากรรไกร และลำคอของคุณ มีแนวโน้มที่จะเกิดสิ่งสกปรกและอาจมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไปสะสมอยู่บริเวณนั้น ซึ่งในการล้างหน้าคุณต้องทำความสะอาดส่วนนั้นด้วยเช่นกัน เมื่อนวดทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว ให้ถูนิ้วขึ้นไปด้านบนเบา ๆ เพื่อให้การไหลเวียนเป็นไปอย่างดี และกระตุ้นให้ผิวให้ตึงและยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นการนวดยังสามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ด้วย และทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าของคุณได้พักจากวันที่เครียด (4)

5. อย่าล้างหน้ามากและบ่อยเกินไป

หากคุณมักล้างหน้าทุก ๆ ครั้ง เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ นี่เป็นวิธิที่ผิดมาก ๆ คุณจำเป็นต้องเลิกทำกิจวัตรเหล่านี้ แล้วเราควรล้างหน้า บ่อยแค่ไหน ? เราแนะนำให้ล้างหน้า แค่วันละ 2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว สำหรับผิวหน้าปกติ สำหรับคนที่มีปัญหาที่ผิวหน้าคุณควรล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เพราะการล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวแห้ง และเกิดสิวขึ้นได้ โดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว (1)

6. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดสครับ

ผิวของคุณมีเกราะป้องกันตามธรรมชาติที่ปกป้องและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ในขณะที่คุณใช้สครับหรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีเม็ดบีดส์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้ผิวหนังชั้นนอกส่วนใหญ่เสียหายได้ สัญญาณหนึ่งของการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไปคือ การแพ้ของผิวหนัง สิ่งนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดสิว หรือแม้กระทั่งความรู้สึกแสบเมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ ขอแนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดอัลฟาไฮดรอกซี (แลคติกไกลโคลิกผลไม้) และกรดเบต้าไฮดรอกซี (ซาลิไซลิกและสารสกัดจากเปลือกวิลโลว์) เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ มีพลังพิเศษในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (5),(6)

7. ไม่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเลย

นอกจากเรื่องความกระจ่างใสแล้วให้แน่ใจว่าคุณจะมีผิวที่ชุ่มชื้นอยู่เสมอ บางคนชอบความรู้สึกผิวตึงหลังล้างหน้า แต่จริง ๆ แล้วความรู้สึกตึงนั้น อาจเป็นผลมาจากความแห้งของผิว ผิวของคุณอาจเริ่มรู้สึกแพ้ง่ายรวมถึงอาจมีอาการลอก หรือแตก การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยปกป้องผิวของคุณจากการที่ผิวแห้งมากเกินไป หากผิวของคุณรู้สึกแห้งหลังการล้างหน้าให้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยนมากขึ้นหรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมันแทน


อ้างอิง

(1) Is not washing your face good for your skin?

(2) Cleansing Formulations That Respect Skin Barrier Integrity

(3) Loofah sponges as reservoirs and vehicles in the transmission of potentially pathogenic bacterial species to human skin.

(4) Skin care in the aging female: myths and truths

(5) Alpha Hydroxy Acids

(6) Beta Hydroxy Acids