“ไมเกรน” เป็นอาการหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การเป็นไมเกรน ถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งไมเกรนอาจทำให้เกิดอาการปวดตุบ ๆ อย่างรุนแรง หรือรู้สึกว่าศีรษะกำลังเต้นเป็นจังหวะ โดยปกติจะเป็นที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ มักมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน มีความไวต่อแสงและเสียงมาก (1) โดยอาการของไมเกรนนั้นอาจเกิดขึ้นต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงต่อวัน และในบางครั้งความเจ็บปวดอาจรุนแรงมากจนรบกวนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณ จนทำอะไรไม่ได้ (2)
สำหรับบางคนจะมีอาการเตือนที่เรียกว่า ออร่า (Aura) ซึ่งมันมักจะเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างมีอาการปวดหัวที่เกิดจากไมเกรน โดยอาการของ ออร่า จะมีการรบกวนทางสายตา เช่น เห็นแสงกะพริบในสายตา เห็นเส้นซึกแซก มีจุดบอดทางสายตา หรือมีสิ่งรบกวนอื่น ๆ (1) อย่างการรู้สึกเสียวซ่าที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า แขน หรือขา มีอาการพูดลำบาก โดยในปัจจุบันมียาหลายแบบที่สามารถช่วยป้องกันไมเกรนบางชนิด และบรรเทาอาการเจ็บปวดให้น้อยลงได้ ซึ่งการใช้ยาที่เหมาะสม ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจจะช่วยคุณได้ สำหรับอาการไมเกรนจะแตกต่างจากอาการปวดหัวทั่วไป มันมักเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ และอาจอยู่ได้หลายวัน ไมเกรนอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา รวมถึงความสามารถในการทำงาน หรือการเรียน ไมเกรนมีผลที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน มีหลายช่วงของการกระตุ้นความรุนแรง อาการ และความถี่ บางคนเป็นมากกว่าหนึ่งครั้งในแต่ละสัปดาห์ ในขณะที่บางคนเป็นแค่ครั้งคราวเท่านั้น (2) ฉะนั้นวันนี้เราไปทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ
ไมเกรน คืออะไร?
ไมเกรน เป็นภาวะทางระบบประสาทที่อาจทำให้เกิดอาการได้หลายอย่าง สวนใหญ่มักมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และทำให้ร่างกายอ่อนแอ อาการต่าง ๆ อาจรวมถึงคลื่นไส้ อาเจียน พูดลำบาก มีอาการชา มีความไวต่อแสงและเสียง ไมเกรนมักเกิดขึ้นกับทุกคนในครอบครัวและมีผลต่อทุกวัย การวินิจฉัยอาการปวดหัวไมเกรนจะพิจารณาจากประวัติทางคลินิก ซึ่งประเภทที่พบบ่อยที่สุดของอาการปวดหัวไมเกรนคือ ผู้ที่ไม่มีออร่า (ระยะอาการเตือน) เรียกว่า ไมเกรนทั่วไป และผู้ที่มีออร่า (ระยะอาการเตือน) เรียกอีกชื่อว่าไมเกรนแบบคลาสสิก ไมเกรนสามารถเริ่มได้ในวัยเด็กหรืออาจไม่เกิดขึ้นจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชาย ประวัติครอบครัวเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการมีไมเกรน (1),(2)
อาการไมเกรน
อาการไมเกรนอาจเริ่มขึ้น 1 – 2 วัน ก่อนปวดศีรษะแบบจริงจัง สิ่งนี้เรียกว่าระยะ Prodrome อาการในระยะนี้อาจรวมถึง (3)
- ความอยากอาหาร
- ภาวะซึมเศร้า
- ความเหนื่อยล้าหรือพลังงานต่ำ
- หาวบ่อย
- สมาธิสั้น
- เกิดความหงุดหงิด
- ฝืดที่คอ
ในไมเกรนที่มีอาการออร่านั้น ออร่าจะเกิดขึ้นหลังจากระยะ Prodrome ในระหว่างที่มีออร่าคุณอาจมีปัญหากับการมองเห็น ความรู้สึก การเคลื่อนไหวและการพูด ตัวอย่างของปัญหาเหล่านี้ ได้แก่ (2)
- รู้สึกเสียวซ่าที่ใบหน้า แขนหรือขา
- เห็นแสงกะพริบหรือจุดสว่าง
- สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว
ระยะต่อไปเรียกว่าระยะโจมตี ระยะนี้จะมีความเฉียบพลัน และรุนแรง เมื่อเกิดอาการปวดไมเกรน ในบางคนอาการนี้อาจทับซ้อนกันระหว่างออร่า หรือเกิดขึ้นซ้ำกัน ทำให้ในบางคนมีอาการระยะโจมตีนานขึ้น ซึ่งอยู่ได้ตั้งแต่ 4-72 ชั่วโมง อาการของไมเกรนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาการบางอย่างอาจรวมถึง (2),(4)
- ความไวต่อแสงและเสียง
- คลื่นไส้
- เวียนศีรษะหรือรู้สึกเป็นลม
- ปวดที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า ด้านหลังหรือขมับ
- ปวดหัวเป็นจังหวะ
- อาเจียน
หลังจากขั้นตอนการโจมตีผู้คนมักจะได้สัมผัสกับระยะเกิดอาการ ในระยะนี้มักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และความรู้สึก สิ่งเหล่านี้อาจมีตั้งแต่ความรู้สึกร่าเริงและมีความสุขมากไปจนถึงความรู้สึกเหนื่อยล้าแต่อาการปวดศีรษะเล็กน้อยอาจยังคงมีอยู่ ระยะเวลาและความรุนแรงของระยะเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับองศาที่แตกต่างกันในแต่ละคน บางครั้งอาจมีการข้ามขั้นตอนและอาจเกิดอาการไมเกรนขึ้นได้โดยไม่ทำให้ปวดศีรษะ
ไมเกรนเกิดจากอะไร?
นักวิจัยไม่ได้ระบุสาเหตุที่ชัดเจนของไมเกรน อย่างไรก็ตามพวกเขาพบปัจจัยบางอย่างที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ได้ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในสารเคมีในสมอง เช่น การลดลงของระดับของสารเคมีในสมอง Serotonin ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดไมเกรน ได้แก่
- ไฟสว่าง
- ความร้อนรุนแรงหรือสภาพอากาศรุนแรงอื่น ๆ
- การเปลี่ยนแปลงความดันบรรยากาศ
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในสตรี เช่น สโตรเจนและ progesterone ความผันผวนในช่วงมีประจำเดือน การตั้งครรภ์หรือวัยหมดประจำเดือน
- ความเครียด
- เสียงดัง
- การออกกำลังกายที่รุนแรง
- การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอนหลับ
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดหรือไนโตรกลีเซอรีน
- ได้กลิ่นที่ผิดปกติ
- การทานอาหารบางชนิด
- การสูบบุหรี่
- การใช้แอลกอฮอล์
หากคุณมีอาการไมเกรน แพทย์อาจขอให้คุณจดบันทึกอาการปวดหัวไว้ การเขียนสิ่งที่คุณกำลังทำ อาหารที่คุณกิน และยาที่คุณทานก่อนที่ไมเกรนจะเริ่มขึ้นสามารถช่วยระบุสาเหตุของคุณได้
ปวดไมเกรนเป็นอย่างไร?
การปวดไมเกรน จะให้ความรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดอาจเริ่มจากไม่รุนแรง แต่หากไม่มีการรักษาจะกลายเป็นปานกลางถึงรุนแรง อาการปวดไมเกรนมักมีผลต่อบริเวณหน้าผาก โดยปกติจะอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ แต่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งสองข้าง ไมเกรนส่วนใหญ่จะกินเวลาไปประมาณ 4 ชั่วโมง หากไม่ได้รับการรักษาหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาอาจอยู่ได้นานถึง 72 ชั่วโมงถึงหนึ่งสัปดาห์ (4) ในไมเกรนที่มีออร่าความเจ็บปวดอาจซ้อนทับกับออร่าได้
ประเภทของไมเกรน
ไมเกรนมีหลายประเภท โดย 2 ประเภทที่พบบ่อยที่สุดคือ ไมเกรนที่ไม่มีออร่า และไมเกรนที่มีออร่า บางคนเป็น 2 แบบพร้อม ๆ กัน หลายคนที่เป็นไมเกรนมีอาการไมเกรนมากกว่าหนึ่งประเภท (5),(6)
ไมเกรนแบบไม่มีออร่า
ไมเกรนชนิดนี้เคยเรียกว่าไมเกรนทั่วไป เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งไมเกรนเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนเฉพาะ โดยผู้ที่มีอาการไมเกรนแบบไม่มีออร่านั้น จะมีอาการอย่างน้อย 5 ครั้ง ที่มีลักษณะเหล่านี้
-
- อาการปวดหัวมักจะกินเวลา 4 ถึง 72 ชั่วโมง หากไม่ได้รับการรักษาหรือหากการรักษาไม่ได้ผล
- อาการปวดหัวมีอย่างน้อย 2 ลักษณะดังต่อไปนี้
- เกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ (ข้างเดียว)
- ปวดเป็นจังหวะหรือสั่น
- ระดับความเจ็บปวดอยู่ในระดับปานกลางหรือรุนแรง
- อาการปวดจะแย่ลงเมื่อคุณเคลื่อนไหว เช่น เมื่อเดินหรือขึ้นบันได
- อาการปวดหัวมีอย่างน้อย 1 ในลักษณะเหล่านี้
- มันทำให้คุณไวต่อแสง (กลัวแสง)
- มันทำให้คุณไวต่อเสียง (phonophobia)
- คุณมีอาการคลื่นไส้โดยไม่มีอาการอาเจียนหรือท้องร่วง
- อาการปวดหัวไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพหรือการวินิจฉัยอื่น ๆ
ไมเกรนแบบมีออร่า
ไมเกรนประเภทนี้ เรียกอีกอย่างว่า ไมเกรนแบบคลาสสิก เป็นไมเกรนที่ซับซ้อน มีอาการมากมายหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งไมเกรนที่มีออร่าเกิดขึ้นใน 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นไมเกรนชนิดนี้มักจะมีอาการเหล่านี้
-
- อาการของออร่า
- ปัญหาทางสายตา (อาการออร่าที่พบบ่อยที่สุด)
- ปัญหาทางประสาทสัมผัสของร่างกาย ใบหน้าหรือลิ้น เช่น อาการชาการรู้สึกเสียวซ่าหรือเวียนศีรษะ
- มีปัญหาการพูด
- มีอาการของก้านสมองซึ่งรวมถึง
- พูดยากหรือ dysarthria (พูดไม่ชัดเจน)
- เวียนศีรษะ
- หูอื้อหรือมีเสียงในหู
- hypacusis (ปัญหาการได้ยิน)
- สายตาสั้น
- ataxia หรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้
- สติลดลง
- ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา มีปัญหาในตาข้างเดียวรวมถึงแสงกะพริบจุดบอดหรือตาบอดชั่วคราว (เมื่อมีอาการเหล่านี้จะเรียกว่าไมเกรนจอประสาทตา )
- ออร่าที่มีอย่างน้อย 2 ลักษณะเหล่านี้:
- อย่างน้อยหนึ่งอาการค่อย ๆ แพร่กระจายในเวลา 5 นาทีหรือมากกว่านั้น
- อาการของออร่าแต่ละครั้งจะอยู่ระหว่าง 5 นาทีถึง 1 ชั่วโมง (หากคุณมีอาการ 3 อย่างอาการเหล่านี้อาจนานถึง 3 ชั่วโมง)
- อย่างน้อย 1 อาการของออร่าจะอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ ได้แก่ ปัญหาด้านการมองเห็นหรือการพูด
- ออร่าเกิดขึ้นพร้อมกับอาการปวดหัวหรือหนึ่งชั่วโมงก่อนที่อาการปวดหัวจะเริ่มขึ้น
- อาการปวดหัวไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ และไม่รวมการโจมตีของภาวะขาดเลือดชั่วคราวเป็นสาเหตุ
- อาการของออร่า
ออร่ามักเกิดขึ้นก่อนที่อาการปวดศีรษะจะเริ่มขึ้น แต่จะดำเนินต่อไปได้เมื่อเริ่มปวดศีรษะหรืออีกทางหนึ่งออร่าอาจเริ่มในเวลาเดียวกับที่ปวดหัว
อาการคลื่นไส้ร่วมกับไมเกรน
คนที่เป็นไมเกรนส่วนใหญ่มักจะมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียนด้วย อาการเหล่านี้อาจเริ่มขึ้นพร้อม ๆ กับอาการปวดหัว แต่โดยปกติแล้วอาการปวดศีรษะจะเริ่มขึ้นก่อนประมาณหนึ่งชั่วโมง อาการคลื่นไส้อาเจียนอาจเป็นเรื่องหนักใจพอ ๆ กับอาการปวดหัว หากคุณมีเพียงอาการคลื่นไส้คุณอาจสามารถใช้ยารักษาไมเกรนตามปกติได้ อย่างไรก็ตามการอาเจียนสามารถป้องกันไม่ให้คุณสามารถรับประทานยาเม็ดหรือเก็บไว้ในร่างกายได้นานพอที่จะดูดซึมได้ หากคุณต้องชะลอการใช้ยารักษาไมเกรน อาการไมเกรนของคุณมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น (7)
รักษาอาการคลื่นไส้และป้องกันการอาเจียน
หากคุณมีอาการคลื่นไส้ ไม่มีการอาเจียนแพทย์อาจแนะนำให้ยาเพื่อความลดอาการคลื่นไส้เรียกว่าป้องกันอาการคลื่นไส้หรือยา Antiemetic ในกรณีนี้ยาตัวนี้สามารถช่วยป้องกันการอาเจียนและทำให้อาการคลื่นไส้ดีขึ้น นอกจากนี้การกดจุดอาจช่วยในการรักษาอาการคลื่นไส้ไมเกรนได้ มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการกดจุดช่วยลดความรุนแรงของอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากไมเกรนโดยเริ่มทันทีที่ 30 นาทีและได้รับการปรับปรุงภายใน 4 ชั่วโมง (8)
รักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมกัน
แทนที่เราจะรักษาอาการคลื่นไส้ และอาเจียน แยกจากกัน แพทย์ชอบที่จะบรรเทาอาการเหล่านั้นด้วยการรักษาไมเกรนแทน หากไมเกรนของคุณมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนอย่างมาก คุณอาจพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการเริ่มใช้ยาป้องกัน
การทดสอบไมเกรน
แพทย์จะวินิจฉัยไมเกรนโดยฟังจากอาการของคุณ ซักประวัติทางการแพทย์และประวัติครอบครัวอย่างละเอียด หลังจากนั้นจะทำการตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อาจจะมีการสแกนภาพ เช่น CT scan หรือ MRI เพื่อให้สามารถแยกแยะสาเหตุอื่น ๆ โดยสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ (9)
- เนื้องอก
- โครงสร้างสมองผิดปกติ
- โรคหลอดเลือดสมอง
การรักษาไมเกรน
ไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่แพทย์ของคุณสามารถช่วยคุณจัดการได้ เป็นการป้องกันเพื่อให้คุณมีอาการน้อยลง และรักษาอาการเมื่อเกิดขึ้น ซึ่งการรักษามันสามารถช่วยให้ไมเกรนของคุณ บรรเทาความรุนแรงลง (10) แผนการรักษาของคุณขึ้นอยู่กับ
- อายุของคุณ
- คุณมีไมเกรนบ่อยแค่ไหน
- ประเภทของไมเกรนที่คุณมี
- อาการเหล่านี้รุนแรงเพียงใด
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือรวมถึงอาการอื่น ๆ
- โรคประจำตัวที่คุณอาจมี รวมถึงยาที่คุณใช้เป็นประจำ
แผนการรักษาของคุณอาจรวมถึงสิ่งเหล่านี้
- การดูแลตนเอง
- การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หลีกเลี่ยงการกระทำที่ไปกระตุ้นไมเกรน รวมถึงการจัดการความเครียด
- ยาแก้ปวด OTC หรือ ยาไมเกรน เช่น NSAIDs หรือ acetaminophen (Tylenol)
- ยารักษาไมเกรนตามใบสั่งแพทย์ ที่คุณต้องทานทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันไมเกรน และลดความถี่ในการเกิดอาการ
- ยารักษาไมเกรนตามใบสั่งแพทย์ ที่คุณใช้ทันทีที่อาการปวดหัวเริ่มขึ้น เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น และเพื่อบรรเทาอาการ
- ยาตามใบสั่งแพทย์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน
- การรักษาด้วยฮอร์โมน หากไมเกรนเกิดขึ้นพร้อมกับรอบประจำเดือนของคุณ
เมื่อไหร่ที่ต้องปรึกษาแพทย์
บางครั้งอาการปวดศีรษะไมเกรนสามารถเลียนแบบอาการของโรคหลอดเลือดสมองได้ สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์ทันที หากคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการปวดหัวที่มีอาการต่อไปนี้
- ทำให้พูดไม่ชัด หรือมีอาการที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า
- ทำให้ขาหรือแขนอ่อนแรง
- มีอาการเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และรุนแรงโดยไม่มีคำเตือน
- เกิดขึ้นพร้อมกับไข้ สับสน มีอาการชัก มองเห็นภาพซ้อน อ่อนแรง คอเคล็ด มีอาการชา หรือพูดลำบาก
- มีอาการออร่านานกว่าหนึ่งชั่วโมง
คุณควรที่จะนัดพบแพทย์ หากอาการปวดหัวเหล่านี้มันเริ่มส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ เนื่องจากบางครั้งอาการปวดหัวไมเกรนอาจรุนแรงมาก ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวเลือกการรักษามากมาย ดังนั้นโปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และอย่าลืมติดตามอาการปวดหัวและอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ เพื่อให้แพทย์สามารถระบุสาเหตุของไมเกรนได้ เพราะการรู้วิธีที่จะป้องกันไมเกรน มันเป็นขั้นตอนแรกในการจัดการปัญหานี้
อ้างอิง
(3) Pediatric vs. Adult Prodrome and Postdrome: A Window on Migraine Pathophysiology?
(4) A Phase-by-Phase Review of Migraine Pathophysiology
(6) Migraine with aura and migraine without aura: an epidemiological study
(7) The origin of nausea in migraine–A PET study
(8) Acupressure in the control of migraine-associated nausea