ท้องไหม – เช็ก อาการคนท้องระยะแรก อายุครรภ์ 1-12 สัปดาห์

หากคุณสงสัยว่าคุณอาจจะท้องหรือไม่? กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่หรือเปล่า? ก่อนที่จะมีการตรวจการตั้งครรภ์ จะมีสัญญาณการตั้งครรภ์ในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน การทดสอบการตั้งครรภ์ค่อนข้างน่าเชื่อถือในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ถูกต้อง 100% สะทีเดียว โดยคุณผู้หญิงควรสังเกตตัวเองด้วยว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายบ้างหรือไม่ เพราะการตั้งครรภ์ร่างกายของคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะร่างกายภายนอก เช่น รูปร่างของคุณ หรือลักษณะร่างกายภายใน เช่น ฮอร์โมน อารมณ์ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าคุณนั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็เป็นได้ มาดูกันค่ะว่ามีสัญญาณอะไรกันบ้าง (1)

15 สัญญาณ ของคนท้อง ในช่วงระยะ 1-12 สัปดาห์

15 สัญญาณ ของคนท้อง ในระยะแรก

1. ประจำเดือนขาด

ช่วงที่ประจำเดือนขาดมักเป็นสัญญาณแรกของผู้หญิงมีว่าเธออาจตั้งครรภ์นั้น ผู้หญิงหลายคนจะเริ่มคิดถึงการตั้งครรภ์เมื่อรู้ว่าประจำเดือนมาช้า ประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่อาการนี้อาจไม่แม่นยำหากคุณเพิ่งได้รับยาปฏิชีวนะหรือมีความเครียดมาก ควรจะทดสอบด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อให้ทราบแน่นอน (2)

2. หน้าอกคัดหรือบวม

การเปลี่ยนแปลงของเต้านม ในการสำรวจ APA ที่อ้างถึงข้างต้นจากการสำรวจผู้หญิงประมาณ 17% มีรายงานว่านี่เป็นสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ คุณอาจรู้สึกเสียว ปวด และบวม เนื่องจากเกิดการขยายขนาดของเนื้อเยื่อเต้านม คุณอาจสังเกตเห็นว่าฐานหัวนม จะคล้ำขึ้น เมื่อร่างกายของคุณปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนใหม่ได้แล้วความรู้สึกเหล่านี้ควรจะบรรเทาลง (2),(3)

3. มีเลือดซึมออกทางช่องคลอด

เลือดที่ออกมานี้เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูกและเกิดขึ้นหลังจากไข่ที่ปฏิสนธิเกาะติดกับผนังมดลูก เลือดที่ออกมานั้นอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นประจำเดือน แต่มีความแตกต่างที่ชัดเจน คือเลือดที่ออกมามีเล็กน้อยกระปริบกระปรอย ในระยะเวลาสั้น สีจางลงและไม่มีการแข็งตัว (หากมีเลือดออกหลังจากตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าตั้งครรภ์แล้วนั้น ควรแจ้งให้ผู้ให้แพทย์ของคุณทราบ) (2),(4)

4. ระดูขาว

ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะมีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนและการไหลเวียนของเลือดซึ่งทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของการตกขาว เป็นตัวบ่งชี้การตั้งครรภ์ในระยะแรกที่เป็นปกติและพบได้บ่อยครั้ง (5),(6)

5. คลื่นไส้ / อาเจียน

อาการคลื่นไส้มักพบได้บ่อยในไตรมาสแรกและอาจมีการอาเจียนร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ อาการนี้เรียกว่า “อาการแพ้ท้อง” นั่นเอง และอาจจะพบได้ในไตรมาสหลังของการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ความรุนแรงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าสาเหตุของการแพ้ท้องคืออะไร แต่อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (2)

6. ปัสสาวะบ่อย

ต้องวิ่งไปห้องน้ำกลางดึก? ปัจจัย 3 ประการที่ทำให้หญิงตั้งครรภ์เข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ประการแรกคือปัจจัยของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากฮอร์โมน HCG ทำงานในระหว่างตั้งครรภ์และทำให้ปัสสาวะมากเกินไป ประการที่สองมดลูกที่ขยายตัวจะกดดันกระเพาะปัสสาวะ ประการสุดท้ายคือการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นทำให้ไตผลิตปัสสาวะมากขึ้นหลังจากการตั้งครรภ์ (2)

7. ตะคริว

ผู้หญิงที่มีอาการตะคริวเมื่อตั้งครรภ์อาจดูเหมือนกับในช่วง PMS แต่เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าอาจจะมีเลือดออกช่วงแรกๆ ของการตั้งครรภ์นั้นจะส่งผลให้เกิดอาการตะคริวได้ โดยช่วงของการตั้งครรภ์มักจะเกิดตะคริวบริเวณที่ขาและปวดหลังส่วนล่าง

8. ปวดหัว

โดยปกติแล้วอาการปวดหัวเป็นเรื่องปกติมากในคนทั่วไป มากจนไม่สามารถที่จะใช้เป็นสัญญาณหลักในการบ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์อาการปวดหัวเล็กน้อยอาจมาพร้อมกับความรู้สึกมึนหัวหรือเวียนหัว อาการเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของคุณ (2) คุณควรพิจารณาร่วมกับอาการอื่นๆของการตั้งครรภ์

9. ความไวต่อกลิ่น

ความรู้สึกไวต่อกลิ่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนมีโดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการคลื่นไส้ คุณจะได้กลิ่นไวเหมือนกับว่ามันเป็นพลังพิเศษส่วนตัวของคุณเอง 😃

10. อยากกินอาหารแปลกๆ

ปกติแล้วถ้าซีซาร์สลัดเป็นอาหารที่คุณชื่นชอบ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกใจซะแล้ว แต่มีความอยากทานมันฝรั่งทอดและซอสเผ็ดแทนทั้งที่คุณไม่เคยเป็นมาก่อน? การเปลี่ยนแปลงความอยากอาหารแปลกๆนี้ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์(3)

11. ท้องผูก

อาการท้องผูกไม่ได้มาจากกินเยอะ แต่มาจากการปรับตัวของร่างกายที่ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น การรับประทานผักผลไม้ และดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยได้มาก (5),(7)

12. อารมณ์แปรปรวน / อ่อนเพลีย

อารมณ์ที่แปรปรวนและความเหนื่อยล้า มาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เนื่องจากร่างกายของคุณผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่าโปรเจสเตอโรน ฮอร์โมนตัวนี้ช่วยในการตั้งครรภ์และมีหน้าที่ในการผลิตน้ำนมอีกด้วย ทันทีที่ตั้งครรภ์ได้ 1 สัปดาห์คุณอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากร่างกายของคุณทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือดเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับทารกในครรภ์ (2)

13. ร่างกายมีอุณหภูมิสูง

เนื่องจากการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์อุณหภูมิร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ทุกคนจะเพิ่มขึ้นจากปกติ ผู้หญิงตั้งครรภ์เลยไม่ชอบที่จะออกไปข้างนอกในวันที่อากาศร้อน อาการนี้มักเกิดขึ้นตอนตั้งครรภ์ แต่สำหรับผู้หญิงบางคนก็ยังคงมีอาการนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในไตรมาสอื่นอีกได้ด้วย

14. ปากมีรสชาติคล้ายโลหะ (Metallic Taste)

ปากมีรส “ขม” ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการตั้งครรภ์ที่ไม่ค่อยเจอบ่อยนัก การเปลี่ยนแปลงของต่อมรับรสชาติในระหว่างตั้งครรภ์นี้เรียกว่า Dysgeusia และมักเกิดขึ้นในระหว่างมื้ออาหาร (8)

15. ท้องอืด

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยมากของการตั้งครรภ์ แต่ยังเป็นหนึ่งในอาการประจำเดือนที่พบบ่อยที่สุดเช่นกัน อาการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อเข้าสู่สภาวะการตั้งครรภ์เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร รวมทั้งเกิดจากการขยายตัวของมดลูกที่ไปเบียดเข้ากับลำไส้ใหญ่ส่งผลให้การบีบตัวของลำไส้ลดลง ทำให้อาหารย่อยยาก ย่อยได้ช้าลง มีลมในกระเพาะมาก ซึ่งอาการนี้นับว่าเป็นสภาวะปกติของคนตั้งครรภ์ซึ่งจะสามารถบรรเทาอาการท้องอืดได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี ดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดเครื่องดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนม และออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยให้อาการดีขึ้น

อย่างไรก็ตามหากคุณคิดว่าคุณกำลังตั้งครรภ์และมีอาการบางอย่างข้างต้นก็อาจจะเริ่มใจชื้นกันได้แล้วนะคะว่าลูกน้อยอาจจะกำลังอยู่ในท้องคุณก็เป็นไปได้ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีอาการที่แตกต่างกันไป มากหรือน้อยก็แล้วแต่คนไป แต่เพื่อความแน่ชัดคุณควรตรวจสอบด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์เพื่อตรวจหาฮอร์โมน Human chorionic gonadotropin: HCG ในปัสสาวะ ซึ่งมีความแม่นยำมากถึง 90% เมื่อผลจากที่ตรวจครรภ์ออกมาว่าตั้งท้อง คุณควรไปฝากครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์ เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปได้ด้วยดีจนคลอดลูกออกมาด้วยความปลอดภัยนะคะ


อ้างอิง 

(1) Stages of pregnancy

(2) What are some common signs of pregnancy?

(3) Signs and symptoms of pregnancy

(4) First trimester bleeding

(5) Common symptoms during pregnancy

(6) Vaginal discharge in pregnancy

(7) Common health problems in pregnancy

(8) Changes in gustatory sense during pregnancy