ทำความรู้จักกับ อาการแพ้อาหาร !

ทำความรู้จักกับอาการแพ้อาหาร
ทำความรู้จักกับอาการแพ้อาหาร

อาหารเป็นสิ่งที่เราต้องทานเป็นประจำ เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี การทานอาหารจะช่วยเพิ่มสารอาหารและโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกาย แต่แน่นอนค่ะอาหารบางประเภทไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะในบางคนอาจจะมีอาการที่เรียกว่า “อาการแพ้อาหาร” ซึ่งอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย บางคนก็อาจจะแพ้อาหารมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ อาการแพ้อาหารที่พบได้บ่อยได้แก่ แพ้นม, แพ้ถั่ว และแพ้อาหารทะเล หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าอาหารเหล่านี้เป็นอาการพื้นฐาน หากมีอาการแพ้ก็แค่ทานยาแก้แพ้แล้วจบ แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะอาการแพ้อาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจจะถึงแก่ชีวิตเลยก็ว่าได้ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาการแพ้อาหารแต่ละประเภทค่ะ หากพร้อมแล้วก็ไปเช็กกันเลยว่าอาการแพ้อาหารมีแบบใดบ้าง

อาการแพ้อาหารคืออะไร?

อาการแพ้อาหารเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างผิดปกติกับสิ่งที่คุณกินหรือดื่มเข้าไปในร่างกาย จากการวิจัยและการศึกษาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อาหาร (FARE) พบว่าชาวอเมริกัน 15 ล้านคนมีอาการแพ้อาหาร ส่วนช่วงวัยที่มีอาการแพ้มากที่สุดคือช่วงวัย “เด็ก” ตามการศึกษาพบว่าเด็กประมาณ 1 ในทุก ๆ 13 คนในสหรัฐอเมริกามีอาการแพ้อาหาร (1) การแพ้อาหารอาจส่งผลต่อผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจหรือระบบหัวใจและหลอดเลือด อาหารหลายประเภทอาจเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้ แต่อาหารบางชนิดมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่าอาหารอื่น ๆ ซึ่งสภาคองเกรสผ่านพระราชบัญญัติการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้ และการคุ้มครองผู้บริโภคปี 2004 (FALCPA) กฎหมายฉบับนี้ ระบุว่าอาหารแปดชนิดเป็นสารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่สำคัญ ได้แก่ (2),(3)

อาหารบางชนิดมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้มาก
  • นมวัว
  • ไข่
  • ถั่ว
  • ปลา
  • หอย
  • ถั่วจากไม้ยืนต้น เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์หรือวอลนัท
  • ข้าวสาลี
  • ถั่วเหลือง

อาการแพ้อาหารทั่วไป

อาการของการแพ้อาหาร อาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการที่รุนแรง อาการแพ้อาหารอาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันหรือเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วหลายชั่วโมง ปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันของคนเราอาจตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ในจำนวนเล็กน้อย ดังนั้นการแพ้อาหารอาจเป็นอันตรายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับผลกระทบที่บริเวณทางเดินหายใจ เนื่องจากการแพ้อาหารอาจส่งผลต่อการหายใจ ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคหอบหืดจึงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง (2) อาการเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับการแพ้อาหารมีดังนี้

อาการคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
  • จาม
  • อาการคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
  • คันตาน้ำตาไหล
  • อาการบวม
  • เป็นผื่น
  • ปวดท้อง
  • ท้องร่วง

ส่วนอาการของอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรงเรียกว่าอาการแอนาฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) ต่ออาหาร ได้แก่ (4)

  • ผิวหนัง – มีอาการคันลมพิษ แดงบวม
  • จมูก – จาม คัดจมูก และน้ำมูกไหล
  • ปาก – มีอาการคันบวมที่ริมฝีปาก หรือลิ้น
  • คอ – คัน, แน่น, กลืนลำบาก, บวมหลังคอ
  • หน้าอก – หายใจถี่, ไอ, หายใจดังเสียงฮืด ๆ, เจ็บหน้าอกหรือแน่น
  • หัวใจ – ชีพจรอ่อนแอ, หมดแรง, ช็อก
  • ระบบทางเดินอาหาร – อาเจียน ท้องร่วง ตะคริว
  • ระบบประสาท – อาการวิงเวียนศีรษะ หรือเป็นลม

อาการแพ้นม

อาการแพ้นม

ปกติแล้วมีการศึกษาอาการแพ้นมมากกว่าอาการแพ้อาหารอื่น ๆ การแพ้นมเกิดจากปฏิกิริยาที่ผิดปกติต่อเวย์ เคซีนหรือโปรตีนที่พบในนมวัว ซึ่งอาการแพ้นมนี้ก็ไม่เหมือนกับการแพ้แลคโตสทั่วไป เด็กที่แพ้นมมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพ้อาหารอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แพ้ไข่ ถั่วเหลือง และถั่วลิสง อีกทั้งเด็กส่วนใหญ่ที่มีอาการแพ้นมก็ยังสามารถพัฒนาเป็นโรคอื่น ๆ ในตระกูลโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย เช่น โรคหอบหืด, โรคจมูกอักเสบ, ภูมิแพ้ หรือโรคเรื้อนกวาง (5)

อาการแพ้ไข่

อาการแพ้ไข่มักเกิดในเด็ก และจะหายจากอาการแพ้ตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตามบางคนอาจยังคงแพ้ไข่ไปตลอดชีวิต อาการแพ้ไข่อาจจะเกิดจากอาการแพ้โปรตีนบางชนิดในไข่แดงหรือไข่ขาว คนที่แพ้ไข่แดงอาจจะไม่แพ้ไข่ขาวและในทางกลับกันบางคนอาจจะแพ้ทั้งไข่ขาวและไข่แดงเลยก็ได้ค่ะ (6)

อาการแพ้ถั่วลิสง

อาการแพ้ถั่วลิสง

เด็กที่แพ้ถั่วลิสงมักจะมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ ดังนั้นการแพ้ถั่วลิสงจึงมักเป็นความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้การแพ้ถั่วลิสงจึงมีความร้ายแรงมาก การสัมผัสหรือทานถั่วลิสงโดยบังเอิญอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงชีวิตของคน ๆ หนึ่ง แม้ว่าอาการนี้อาจจะพบได้น้อยแต่การแพ้ถั่วลิสงอาจส่งผลให้เกิดภาวะภูมิแพ้ได้ ซึ่งอาการแพ้ที่เกิดเป็นอาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงที่สามารถทำให้เกิดการหายใจติดขัดหรือทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ซึ่งอาการนี้อาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันทีโดยการฉีดอะดรีนาลีน (EpiPen) หลังจากนั้นคุณควรเฝ้าดูอาการเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังการฉีดยาเพื่อให้แน่ใจว่าอาการแพ้จะไม่กลับมา (7)

อาการแพ้ที่พบได้บ่อยอื่น ๆ

ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครรู้ว่าอาการแพ้ถั่วเหลืองและข้าวสาลีก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน และสามารถเกิดขึ้นได้มากกว่าอาการแพ้ที่กล่าวถึงข้างต้น ในทำนองเดียวกันอาการแพ้ปลา แพ้หอย และแพ้ถั่วจากไม้ยืนต้นก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน ดังนั้นในการทดสอบอาการแพ้คุณควรทำการปรึกษาแพทย์ค่ะ

การวินิจฉัยการแพ้อาหาร

วิธีการวินิจฉัยการแพ้อาหารมักขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หากอาการของคุณไม่รุนแรงแพทย์อาจแนะนำให้จดบันทึกอาหาร เพื่อบันทึกอาหารทั้งหมดที่คุณกินหรือดื่มเพื่อระบุตัวอาหารที่คุณแพ้ อีกวิธีหนึ่งในการวินิจฉัยอาการแพ้อาหารที่ไม่รุนแรงคือการเอาอาหารบางชนิดออกจากอาหารแล้วค่อย ๆ แนะนำให้ทานใหม่เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ ในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงมากขึ้นการตรวจผิวหนังหรือเลือดสามารถระบุการแพ้ไข่ นม ถั่ว และหอยได้

ตัวเลือกการรักษา

เช่นเดียวกับโรคภูมิแพ้ประเภทอื่น ๆ การหลีกเลี่ยงมักเป็นยาที่ดีที่สุดในการรักษาการภูมิแพ้ ทุกคนที่แพ้อาหารควรระมัดระวังในการซื้ออาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านอาหารเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยของสารก่อภูมิแพ้ อาการไม่รุนแรงอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาใด ๆ เลยหรืออาจจะทานยาต้านฮีสตามีนที่ขายตามเคาน์เตอร์เพราะยานี้อาจช่วยแก้อาการแพ้ได้ สำหรับอาการแพ้ที่รุนแรงขึ้นแพทย์อาจสั่งจ่ายยาสเตียรอยด์ การใช้ยาสเตียรอยด์อาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรง และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นประจำ


อ้างอิง 

(1) Food Allergy Research and Education (FARE)

(2) Food Allergies

(3) Food Allergen Labeling and Consumer Protection Act of 2004 (FALCPA)

(4) Anaphylaxis

(5) Milk Allergies and Lactose Intolerance

(6) Egg allergies

(7) Peanut allergy: an overview