10 ข้อที่ควรทำเมื่อคุณรู้สึกเหงา !

10 ข้อที่ควรทำเมื่อคุณรู้สึกเหงา
10 ข้อที่ควรทำเมื่อคุณรู้สึกเหงา

“ความเหงา” เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไป ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างมากกับใครหลาย ๆ คน บางทีคุณอาจไม่ได้เจอเพื่อนหรือคนที่คุณรักมาสักระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากโรคโควิด 19 ที่ทำให้คุณต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ต้องทำงานที่บ้านจนแทบไม่ได้พบปะกับคนอื่น ๆ เลย เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้เป็นเวลานาน มันอาจสร้างจะความตึงเครียดให้กับคุณ ทำให้คุณเหงาและหงุดหงิดมาก ความรู้สึกคิดถึง “ครั้งก่อน” และความปรารถนาที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติ อาจทำให้เกิดความเหงา คุณอาจพลาดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในชีวิตประจำวัน หรืออาจจะเหงาเนื่องจากไม่สามารถนั่งในที่สาธารณะพูดกับใครได้ ความเหงาที่เกิดขึ้นสามารถทำให้อารมณ์ดูเยือกเย็น และดูไร้จุดหมาย นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่อาการทางร่างกายรวมไปถึงอาการปวดเมื่อย ปัญหาการนอนหลับ และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกด้วย หากตอนนี้คุณรู้สึกเหงามาก และไม่รู้จะทำอย่างไรดี เราก็มีคำแนะนำ 12 ข้อที่คุณควรทำเมื่อรู้สึกเหงามาฝากกันค่ะ

1. จัดกรอบความคิดเกี่ยวกับความเหงาใหม่

การจัดกรอบความคิดเกี่ยวกับความหมายของการอยู่คนเดียวในบางครั้ง อาจทำให้ง่ายต่อการลดความรู้สึกเหงา ความเหงาเกิดขึ้นเมื่อคุณโดดเดี่ยว และความต้องการในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และพูดคุยกับคนอื่น ๆ ซึ่งทุกคนก็มีความต้องการการปฏิสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งนี้จึงไม่เกิดขึ้นในจุดเดียวกันสำหรับทุกคน ตัวอย่างเช่น :

  • หากคุณคุ้นเคยกับการใช้เวลาเกือบทั้งคืนกับเพื่อนฝูงและคนที่คุณรัก คุณอาจรู้สึกเหงากับการเจอกันเพียงครั้งเดียวต่อสัปดาห์
  • หากคุณชอบอยู่คนเดียว คุณอาจรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งที่ได้พบเพื่อนหนึ่งคนในแต่ละสัปดาห์
  • คุณอาจรู้สึกเหงาเมื่อต้องกลับไปบ้านที่ว่างเปล่า แม้ว่าคุณจะมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นมากมายก็ตาม
  • หากคุณมีปัญหากับคนรักอยู่คุณอาจรู้สึกเหงา แม้ว่าคุณจะอยู่ด้วยกันเป็นประจำก็ตาม

คนส่วนใหญ่ต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข ซึ่งความต้องการนี้สำคัญมากหลายคนจึงรวมความรักและการเป็นเจ้าของควบคู่ไปกับสิ่งต่าง ๆ เช่น อาหาร และที่พักพิงตามลำดับขั้นของความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ที่กล่าวว่าความสันโดษ หรือคุณภาพเวลาอยู่คนเดียวก็มีความสำคัญเช่นกัน ความสันโดษสร้างโอกาสในการค้นพบตนเอง ความคิดสร้างสรรค์ และการไตร่ตรองตนเอง

อีกทั้งเวลาอยู่คนเดียวยังสามารถเปิดประตูไปสู่การมีสติที่ดีขึ้นซึ่งสามารถกระตุ้นการรับรู้ทางอารมณ์และทำให้การแสดงออกที่แท้จริงง่ายขึ้น ในความสัมพันธ์ทั้งหมดของคุณรวมถึงความสัมพันธ์ที่คุณมีกับตัวเองด้วย

2. เติมเต็มบ้านของคุณด้วยเสียง

เมื่อคุณรู้สึกว่าพื้นที่ในห้องของคุณว่างเปล่าแล้วรู้สึกว่าความเงียบเหงาเริ่มแผ่เข้ามาจากทุกด้าน พลังของเสียงจะผลักดันให้คุณมีชีวิตชีวามากขึ้น เสียงเพลงจะช่วยเติมเต็มพื้นที่ในสภาพแวดล้อมและความคิดของคุณ ทำให้คุณไม่รู้สึกเหงา

  • ดนตรีสามารถกระตุ้นอารมณ์ และกระตุ้นคุณได้ในขณะที่การฟังเสียงอ่านหนังสือ หรือการเล่าเรื่องผ่านออนไลน์ อาจช่วยเติมเต็มความเหงาได้ดีขึ้นกว่าเดิม
  • การฟังเพลงสามารถให้ความบันเทิงและสร้างบรรยากาศรอบ ๆ ตัวของคุณได้
  • รายการทีวีหรือภาพยนตร์เรื่องโปรด สามารถทำลายความเงียบได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าคุณจะไม่ได้นั่งลงและรับชมอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
  • การเปิดหน้าต่างเพื่อฟังเสียงนก และผู้ที่เดินผ่านไปมา มันก็สามารถช่วยให้คุณรู้สึกเชื่อมต่อกับโลกกว้างมากขึ้นได้เช่นกัน
พอดคาสต์และวิทยุสามารถให้ความบันเทิง

3. ติดต่อกับคนอื่นอยู่เสมอ

ช่วงนี้คุณอาจใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัวได้ยาก ไม่ว่าคุณจะคิดถึงพวกเขามากแค่ไหน และอยากเจอพวกเขามากขนาดไหนก็ตาม คุณยังคงรักษาความใกล้ชิดได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้มานั่งใกล้ ๆ กันก็ตาม อย่าลืมที่จะติดต่อกับคนสำคัญในชีวิตของคุณอย่างสม่ำเสมอ หากก่อนหน้านี้คุณใช้เวลาวันอาทิตย์กับครอบครัว คุณอาจลองคุยวิดีโอแชททุกวันอาทิตย์แทน บางครั้งข้อความสั้น ๆ อาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการพูดคุยกัน แต่อย่าดูถูกพลังของเสียง เพราะแม้แต่การโทรเพียง 10 นาทีก็ช่วยคลายความเหงาได้ ทั้งสำหรับตัวคุณเองและคนรอบข้างของคุณ

4. แลกเปลี่ยนเรื่องราวของตัวเองกับคนอื่นบ้าง

การใช้เวลาอยู่กับคนอื่นเพียงอย่างเดียว จะไม่ช่วยบรรเทาความเหงาได้เสมอไป เนื่องจากคุณภาพของปฏิสัมพันธ์ของคุณมักจะสำคัญกว่าจำนวนของคนที่คุณคุย นั่นเป็นเหตุผลที่คุณอาจรู้สึกเหงา แม้จะได้คุยกับคนที่คุณสนิท การที่คุณใช้เวลาร่วมกับผู้อื่นสามารถสร้างความแตกต่างได้มากเช่นกัน บางครั้งคุณอาจต้องการดูหนังกับเพื่อน หรือแบ่งปันพื้นที่ในขณะทำงานหรือท่องโซเชียลมีเดียเพื่อคลายความเหงา

  • แบ่งปันอารมณ์ และประสบการณ์ส่วนตัว
  • ถามคำถาม และรับฟังสิ่งที่คนที่คุณรักพูด
  • พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญ งาน โครงการสร้างสรรค์ ผลประโยชน์ร่วมกัน
แบ่งปันอารมณ์และประสบการณ์ส่วนตัว

เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการพูดถึงเหตุการณ์โรคโควิดในปัจจุบัน แต่คุณก็ต้องรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ถึงอย่างนั้นก็สามารถช่วยให้การสนทนาของคุณเป็นศูนย์กลางของสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้คุณทั้งคู่มีความสุขมากกว่าที่จะจมอยู่กับข่าวที่น่าวิตก

5. ออกไปข้างนอก

การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม สามารถช่วยลดความเจ็บปวดจากความเหงาลงได้ บางทีคุณอาจจะไปนั่งทำงานในร้านกาแฟที่คุณชื่นชอบ เพลิดเพลินกับอาหารมื้อสายกับเพื่อน ๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมในค่ำคืนก็ได้ โปรดรู้ไว้ว่าการออกจากบ้านสามารถทำให้คุณรู้ว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เวลาและสถานที่ตามธรรมชาติสามารถช่วยบรรเทาความทุกข์ทางอารมณ์และเพิ่มสุขภาพโดยรวมของคุณได้ แนวคิดบางประการที่ควรลอง

  • เดินชมสวนสาธารณะ หรือเดินเล่นละแวกบ้านของคุณ สำรวจถนนที่คุณไม่เคยไป และลองทักทายคนอื่นบ้าง
  • เยี่ยมชม และสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นหากเป็นไปได้

การออกไปเดินเท้า (หรือปั่นจักรยาน) อาจทำให้คุณเหนื่อย และนอนหลับได้ดีขึ้น การวิจัยตั้งแต่ปี 2010 แสดงให้เห็นว่าความเหงาอาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของคุณ แต่ผลกระทบไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น การนอนหลับที่ไม่ดีอาจส่งผลต่อการทำงาน ซึ่งอาจเพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ (1)

6. พูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ

อารมณ์มีแนวโน้มที่จะรวมตัวกันภายในใจและมักจะรู้สึกอึดอัดหากไม่ได้พูดออกมา อย่างไรก็ตามการแสดงความรู้สึกออกมาดัง ๆ มักจะช่วยลดความรู้สึกความทุกข์ใจได้ การบอกคนที่คุณรักว่าคุณรู้สึกเหงา สามารถช่วยให้ได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์ที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยคลายความเหงาได้ง่ายขึ้น การพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์ที่ยากลำบากยังสามารถช่วยให้คนที่คุณรักแบ่งปันความรู้สึกที่พวกเขากำลังมีปัญหา ทำให้สามารถสำรวจกลยุทธ์การเผชิญปัญหาร่วมกันได้ การแบ่งปันอารมณ์ที่เจ็บปวด และเสียใจ อาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับการพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง

7. ดึงความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา

การแสวงหาความคิดสร้างสรรค์ เช่น การใช้เวลาไปกับศิลปะ ดนตรี และการเขียนช่วยให้หลาย ๆ คนรับมือกับความโดดเดี่ยวและความเหงาได้ดี ศิลปะจะช่วยให้คุณแสดงอารมณ์ได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ เมื่อคุณพยายามที่จะคลายความเหงา นอกจากนี้การสร้างสรรค์ยังสามารถทำให้คุณรู้สึกถึงความสมหวังและพึงพอใจ อีกทั้งยังสามารถพาคุณออกจากอารมณ์แห่งความเหงาและความเศร้าได้

8. เลี้ยงสัตว์เลี้ยง

ไม่ใช่ทุกคนที่มีวิธีการหรือความสามารถในการดูแลสัตว์เลี้ยง ดังนั้นกลยุทธ์นี้จึงใช้ไม่ได้กับทุกคน แต่ถ้าคุณเคยคิดที่จะเพิ่มสัตว์เลี้ยงเข้ามาในชีวิตของคุณนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จะช่วยลดความเหงาของคุณได้ การวิจัยในปี 2018 ชี้ให้เห็นว่าการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถปรับปรุงสุขภาพทั้งจิตใจและร่างกาย (2) แน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงอาจไม่สามารถพูดคุยได้ แต่พวกมันก็ให้ความเป็นเพื่อนได้เหมือนกัน การปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตอื่น สามารถทำให้คุณสบายใจได้และสามารถช่วยยกระดับจิตใจของคุณ อีกทั้งยังคลายความเครียดได้ด้วย

เลี้ยงสัตว์เลี้ยง

9. พักสมองจากโซเชียลมีเดีย

ในขณะที่สื่อโซเชียลมีเดียมักจะดูเหมือนว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนที่คุณรัก บางครั้งมันก็สามารถเพิ่มความรู้สึกของความเหงาได้เช่นกัน โพสต์ที่มีความสุขและไร้กังวลของคนที่คุณรักสามารถสร้างความประทับใจให้กับคุณได้มากเท่ากับที่คุณคิดถึง แต่เมื่อคุณอยู่คนเดียวการไดเเห็นคนอื่นใช้เวลากับคู่รัก หรือสมาชิกในครอบครัวที่โรแมนติกก็อาจทำให้รู้สึกแย่ขึ้นได้เช่นกัน แน่นอนว่าโซเชียลมีเดียไม่เคยแสดงภาพรวม ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่คุณรักรู้สึกอย่างไรโดยไม่ต้องถาม นอกจากนี้ยังควรพิจารณาว่าโพสต์บางส่วนอาจเป็นแนวทางของคนอื่นในการต่อต้านความเหงา กล่าวโดยย่อก็คือการปิดแอปเหล่านั้น และติดต่อกับคนรู้จักด้วยการโทร หรือส่งข้อความแทนเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้โซเชียลมีเดีย

10. ทำสิ่งที่คุณรัก

ความเหงาสามารถครอบงำความคิดของคุณจนถึงจุดที่รู้สึกยากที่จะคิดถึงสิ่งอื่น รวมถึงสิ่งที่คุณมักชอบด้วย ถึงกระนั้นงานอดิเรกที่ชื่นชอบสามารถเติมเต็มเวลาของคุณได้ จนกว่าคุณจะได้พบคนที่คุณรักอีกครั้ง การทำสิ่งต่าง ๆ ที่คุณชอบตั้งแต่โยคะ การเล่นวิดีโอเกม ไปจนถึงการทำขนม สามารถสร้างความรู้สึกดีให้กับคุณได้ และช่วยให้คุณพบกับความสงบภายในท่ามกลางช่วงเวลาที่วุ่นวาย นอกจากนี้งานอดิเรก และกิจกรรมผ่อนคลาย ยังเป็นการดูแลตนเองซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความเป็นอยู่โดยรวม


อ้างอิง 

(1) Loneliness Matters: A Theoretical and Empirical Review of Consequences and Mechanisms

(2) The Power of Pets