“เครื่องปั่นน้ำผักและผลไม้” เป็นหนึ่งในอุปกรณ์พื้นฐานที่ในห้องครัวของคุณต้องมีไว้ เพราะเครื่องปั่นถือเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์อย่างหนึ่งที่สามารถทำอาหารและเตรียมวัตถุดิบได้หลายอย่าง เช่น บดน้ำแข็ง, ป่นธัญพืช, ปั่นซอส, ปั่นผลไม้และผักอีกทั้งยังสามารถทำสมูทตี้แสนอร่อยได้ด้วย เครื่องปั่นในปัจจุบันมีหลายแบบ หลายขนาดและหลากหลายราคาให้เราได้ซื้อ และด้วยเหตุนี้การเลือกเครื่องปั่นที่เหมาะสมสำหรับคุณอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและสร้างความสับสนได้
โดยสิ่งสำคัญที่คุณควรมองหาในการซื้อเครื่องปั่นนั้นมีมากมาย เช่น ความจุของเครื่องปั่น ขนาดโดยรวมของตัวเครื่อง พื้นที่จัดวาง ราคา ฟังก์ชันพิเศษ ฯลฯ หากคุณคิดว่าการดูรายละเอียดเหล่านี้มันอยากและน่าเหนื่อยหน่ายเกินไป วันนี้เราจะช่วยคุณเองค่ะเพราะเราได้นำคำแนะนำการเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผักและผลไม้มาฝากกัน โดยเราจะบอกถึงเครื่องปั่นประเภทต่าง ๆ รวมถึงคุณลักษณะและแบรนด์ที่คุณอาจต้องการพิจารณา นอกจากนี้เรายังรวบรวมข้อมูลของเครื่องปั่นแต่ละประเภทเพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าเครื่องปั่นเครื่องไหนที่ดีและตอบโจทย์คุณมากที่สุด ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันได้เลยค่ะ
ซื้อ เครื่องปั่นน้ำผลไม้/น้ำผัก ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ปี 2564
- เครื่องปั่นแบบพกพา ปั่น 20,000 รอบ/นาที รวดเร็วและสะดวก: XIAOMI เครื่องปั่นน้ำผลไม้แบบพกพา
- เครื่องปั่นแบบไร้สาย ดีไซน์ทันสมัย ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย: BEAR เครื่องปั่นอเนกประสงค์ไร้สาย
- เครื่องปั่นราคาประหยัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับใช้ส่วนตัว: SHARP เครื่องปั่น รุ่น EM-14
- เครื่องปั่นคุณภาพ ปั่นได้เร็ว มีระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม: Otto เครื่องปั่น ขนาด 2 ลิตร รุ่น BE127A สีแดง
- เครื่องปั่นอเนกประสงค์ มาพร้อมโปรแกรมอัตโนมัติ 3 แบบ ปั่นอาหารได้เนียนละเอียด: Tefal Perfectmix+ เครื่องปั่นอเนกประสงค์ รุ่น BL82AD31
- เครื่องปั่นน้ำผลไม้ระบบล็อกนิรภัย ปลอดภัยเมื่อใช้งาน ประหยัดพลังงานได้ดี: Electrolux เครื่องปั่นน้ำผลไม้ E7CB1-86SM
- เครื่องปั่นเทคโนโลยี Problend Crush ปั่นอาหารได้เร็วถึง 2 เท่า มาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบครัน : Philips เครื่องปั่นอเนกประสงค์ HR2225/00
ประเภทของเครื่องปั่น
แม้ว่าเครื่องปั่นจะมีลักษณะเหมือน ๆ กันไปหมด แต่จริง ๆ แล้วเครื่องปั่นนั้นมีมากกว่าหนึ่งประเภท โดยแยกออกไปตามความสามารถ ความเร็ว ขนาด รูปแบบ การใช้พลังงานและแน่นอนว่าในเครื่องปั่นแต่ละประเภทก็ยังมีข้อกำหนดในการบำรุงรักษาที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นก่อนซื้อเครื่องปั่นคุณจำเป็นต้องทำความรู้จักกับเครื่องปั่นประเภทต่าง ๆ ก่อนเพื่อให้คุณสามารถเปรียบเทียบและดูว่าเครื่องปั่นแบบไหนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เพื่อช่วยให้คุณได้เลือกซื้อเครื่องปั่นที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองและครอบครัว
1. เครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะ (Countertop Blender)
เครื่องปั่นแบบนี้เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าที่มาพร้อมกับโถปั่น เครื่องปั่นประเภทนี้มักจะเหมาะสำหรับงานครัวต่าง ๆ เช่น บดน้ำแข็ง ผสม หั่นและบดทุกอย่างให้ละเอียด โดยปกติแล้วเครื่องปั่นแบบนี้จะทรงพลังและหนักกว่าเครื่องปั่นแบบใช้มือถือ นอกจากนี้เครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะยังมีการจำแนกย่อยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เครื่องปั่นสำหรับใช้งานส่วนตัว เครื่องปั่นขนาดใหญ่แบบตั้งโต๊ะและเครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะเชิงพาณิชย์
- เครื่องปั่นแบบใช้ส่วนตัว เครื่องปั่นแบบใช้ส่วนตัวส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กและใช้งานง่าย คุณสามารถดื่มเครื่องดื่มจากโถปั่นได้โดยตรงเลย ส่วนใหญ่แล้วเครื่องปั่นแบบใช้ส่วนตัวจะมีขนาดเล็กมากและสามารถพกพาได้อย่างสะดวกมีทั้งแบบไร้สายและมีสายให้ได้เลือกซื้อ
- เครื่องปั่นตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ เครื่องปั่นตั้งโต๊ะขนาดใหญ่เหมาะสำหรับใช้งานในครอบครัว เนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่าและมีกำลังที่ดีกว่าเครื่องปั่นแบบส่วนตัวคุณจึงสามารถปั่นน้ำผลไม้ได้มากขึ้น
- เครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะเชิงพาณิชย์ เครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะเชิงพาณิชย์เป็นเครื่องปั่นที่เหมาะสำหรับใช้งานที่ร้านอาหารและร้านกาแฟ ตัวเครื่องมักทำจากวัสดุคุณภาพสูงและสามารถใช้ในงานครัวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เครื่องปั่นประเภทนี้ยังเป็นเครื่องปั่นที่สมบูรณ์แบบหากคุณต้องการเครื่องปั่นสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน
2. เครื่องปั่นค็อกเทล (Cocktail Blenders)
เครื่องปั่นค็อกเทลนั้นเป็นเครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำค็อกเทลและเครื่องดื่มอื่น ๆ เครื่องปั่นเหล่านี้มีพลังในการปั่นสูงมากเพราะต้องบดน้ำแข็งและผสมส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อทำค็อกเทลให้มีรสชาติที่ดี โดยเครื่องปั่นค็อกเทลสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องปั่นแบบคู่และเครื่องปั่นมาการิต้า
- เครื่องปั่นแบบคู่ เครื่องปั่นแบบคู่เป็นเครื่องปั่นสำหรับงานหนักที่สามารถบดน้ำแข็งและผสมเครื่องดื่มได้ เครื่องปั่นแบบนี้มาจะมาพร้อมกับขวดโหลที่หลากหลายเพื่อรองรับเครื่องดื่มในปริมาณที่แตกต่างกัน
- เครื่องปั่นมาการิต้า เครื่องปั่นมาการิต้าได้รับการออกแบบมาเพื่อทำเครื่องดื่มมาการิต้า (มาการิต้าคือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเตกีล่า เหล้าลิเคอร์และน้ำมะนาว) ในปริมาณมาก เครื่องปั่นเหล่านี้มีช่องแยกสำหรับบดน้ำแข็งในขณะที่อีกช่องมีไว้ผสมเครื่องดื่ม เครื่องปั่นชนิดนี้เหมาะสำหรับบาร์ โรงแรมและจะเหมาะกับคุณถ้าคุณชอบทำค็อกเทล
3. เครื่องปั่นสมูทตี้ (Smoothie Blenders)
เครื่องปั่นสมูทตี้มีไว้สำหรับใช้ทำสมูทตี้โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าความจริงแล้วคุณจะสามารถทำสมูทตี้ด้วยเครื่องปั่นชนิดใดก็ได้ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะแตกต่างกันระหว่างใช้เครื่องปั่นธรรมดาและเครื่องปั่นสมูทตี้ โดยทั่วไปแล้วเครื่องปั่นสมูทตี้มักจะทำจากวัสดุที่มีคุณภาพเพื่อให้แน่ใจว่าผักและผลไม้ที่คุณใส่ลงไปจะสามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อครีมที่อ่อนนุ่มได้ในไม่กี่นาที ดังนั้นเครื่องปั่นสมูทตี้จึงมีใบมีดหลายแบบ ใบมีดบางแบบออกแบบมาสำหรับบดน้ำแข็งหากคุณชอบปั่นสมูทตี้แบบเย็น บางใบมีดออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับปั่นผลไม้และผักเนื้อนุ่ม เช่น ส้ม และบางครั้งก็มีใบมีดที่ออกแบบมาเพื่อตัดและปั่นผลไม้แบบแข็ง ๆ เช่น แครอท หากคุณชอบเครื่องปั่นที่ใช้สำหรับทำสมูทตี้โดยเฉพาะและไม่ต้องการใช้เครื่องปั่นเพื่อทำงานอื่น ๆ ในครัว เครื่องปั่นชนิดนี้ก็เหมาะสำหรับห้องครัวของคุณ
4. เครื่องปั่นแบบมือถือ (Immersion Blenders)
เครื่องปั่นแบบจุ่มหรือเครื่องปั่นแบบใช้มือถือมักเป็นอุปกรณ์ที่มีความยาวและบางซึ่งมีมอเตอร์ขนาดเล็กอยู่ที่ด้ามปั่น เครื่องปั่นแบบนี้มักจะใบมีดด้านหนึ่งและมีด้ามจับอีกด้านหนึ่ง เครื่องปั่นเหล่านี้สามารถใช้งานได้หลากหลายในครัว เช่น การผสมเครื่องดื่ม การผสมซุปและทำสมูทตี้ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเครื่องปั่นเหล่านี้คือทนทานและสามารถนำไปใช้ในกระทะเพื่อผสมของเหลวที่มีความร้อนได้โดยตรง เครื่องปั่นแบบมือถือบางยี่ห้อมักจะมาพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น บีกเกอร์ตวงและที่ตีไข่เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
XIAOMI เครื่องปั่นน้ำผลไม้แบบพกพา
เครื่องปั่นแบบพกพา ปั่น 20,000 รอบ/นาที รวดเร็วและสะดวก
ราคา 599 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติก PCTG
ความจุ : 0.4 ลิตร
ขนาด : 7.5 x 7.5 x 23.3 ซม.
กำลังไฟ : 140 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 0.75 กก.
ความเร็วรอบปั่น : 20,000 รอบ/นาที
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีการออกแบบที่สวยงาม กะทัดรัดและน้ำหนักเบา
- ง่ายต่อการล้างและทำความสะอาด
- ทำงานเงียบ ไม่ส่งเสียงดังรบกวน
- ความจุของตัวเครื่องเพียงพอสำหรับทานน้ำผลไม้แค่คนเดียว
- ใช้งานง่ายเพราะมีเพียงปุ่มเดียวให้กด
ข้อควรพิจารณา
ไม่เหมาะกับการใช้งานแบบหนัก ๆ
BEAR เครื่องปั่นอเนกประสงค์ไร้สาย
เครื่องปั่นแบบไร้สาย ดีไซน์ทันสมัย ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย
ราคา 990 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติก Tritan
ความจุ : 0.35 ลิตร
ขนาด : 8 x 8 x 25.6 ซม.
กำลังไฟ : 70 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 0.54 กก.
ความเร็วรอบปั่น : 15,300 – 20,700 รอบ/นาที
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ชาร์จได้ทุกที่ที่มีช่อง USB
- ขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาได้ง่าย
- สามารถแยกชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาดได้
- ตัวเครื่องมีความสวยงาม มาพร้อมกับฝาปิดแบบปิดผนึกซึ่งจะไม่ทำให้น้ำรั่วไหลออกมา
ข้อควรพิจารณา
ความจุของโถปั่นอาจจะน้อยเกินไปสำหรับบางคน
SHARP เครื่องปั่น รุ่น EM-14
เครื่องปั่นราคาประหยัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับใช้ส่วนตัว
ราคา 659 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติก ABS
ความจุ : 1 ลิตร
ขนาด : 19.8 x 36 x 17.5ซม.
กำลังไฟ : 350 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 1.5 กก.
ความเร็วรอบปั่น : ไม่ระบุ
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ปั่นอาหารเบา ๆ เช่นผลไม้และถั่วได้เนียนละเอียด
- สามารถปั่นได้ทั้งแบบแห้งและแบบเปียก
- มีระบบ Motor Safety ช่วยป้องกันไม่ให้มอเตอร์ไหม้
- ราคาถูกและช่วยประหยัดไฟ
ข้อควรพิจารณา
เสียงดังเมื่อปั่น
Otto เครื่องปั่น ขนาด 2 ลิตร รุ่น BE127A สีแดง
เครื่องปั่นคุณภาพ ปั่นได้เร็ว มีระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
ราคา 1,199 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติก ABS
ความจุ : 2 ลิตร
ขนาด : 23.2 x 39.7 x 31 ซม.
กำลังไฟ : 1,200 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 2.4 กก.
ความเร็วรอบปั่น : ไม่ระบุ
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีกำลังไฟ 1,200 วัตต์ ปั่นอาหารได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้งานง่ายเพราะปุ่มกดไม่มีความซับซ้อน
- ปั่นผลไม้ เมล็ดถั่วและเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี
- มีสเกลบอกระดับน้ำในตัวทำให้ปั่นได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ข้อควรพิจารณา
เสียงดังเมื่อปั่น
Tefal Perfectmix+ เครื่องปั่นอเนกประสงค์ รุ่น BL82AD31
เครื่องปั่นอเนกประสงค์ มาพร้อมโปรแกรมอัตโนมัติ 3 แบบ ปั่นอาหารได้เนียนละเอียด
ราคา 4,990 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติก Tritan
ความจุ : 2 ลิตร
ขนาด : 21 x 19 x 41 ซม.
กำลังไฟ : 1,200 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 2.99 กก.
ความเร็วรอบปั่น : 28,000 รอบ/นาที
เหตุผลที่ควรซื้อ
- น้ำผลไม้ที่ปั่นจะเป็นสมูทตี้เนื้อเนียนนุ่ม
- สามารถปั่นได้ทั้งร้อนและเย็น
- ตัวเครื่องจะแจ้งเตือนเมื่อล็อกเครื่องและพร้อมใช้งาน
- โถปั่นทำจากพลาสติกไทรทันอย่างดีและมีน้ำหนักเบา
- มีโหมดทำความสะอาดตัวเครื่องอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลา
ข้อควรพิจารณา
เสียงปั่นค่อนข้างดัง
Electrolux เครื่องปั่นน้ำผลไม้ E7CB1-86SM
เครื่องปั่นน้ำผลไม้ระบบล็อกนิรภัย ปลอดภัยเมื่อใช้งาน ประหยัดพลังงานได้ดี
ราคา 3,292 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติก Tritan
ความจุ : 0.6 ลิตร
ขนาด : 16.6 x 13.7 x 37.5 ซม.
กำลังไฟ : 900 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 1.85 กก.
ความเร็วรอบปั่น : ไม่ระบุ
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มาพร้อมโปรแกรมอัตโนมัติเพื่อให้ใช้งานได้เร็วขึ้น
- มีอุปกรณ์เสริมสำหรับใช้บดสับและเตรียมอาหารประเภทอื่น
- ตัวเครื่องแข็งแรง ทนทานและสามารถใช้งานได้นาน
- ระบบการปั่นทำงานเป็นจังหวะเพื่อให้อาหารมีความสม่ำเสมอ
ข้อควรพิจารณา
ความจุของโถปั่นน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับราคา
Philips เครื่องปั่นอเนกประสงค์ HR2225/00
เครื่องปั่นเทคโนโลยี Problend Crush ปั่นอาหารได้เร็วถึง 2 เท่า มาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบครัน
ราคา 2,490 บาท*
ข้อมูลสินค้า
วัสดุของแก้วปั่น : พลาสติกปลอดสาร BPA
ความจุ : 2 ลิตร
ขนาด : 38.2 x 29.4 x 43 ซม.
กำลังไฟ : 800 วัตต์
น้ำหนักของตัวเครื่อง : 2.4 กก.
ความเร็วรอบปั่น : ไม่ระบุ
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มาพร้อมอุปกรณ์เสริมมากมายทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
- ใบมีดของเครื่องปั่นมี 4 แฉกปั่นอาหารได้รวดเร็ว
- ช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี
- ชุดใบมีดสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้
ข้อควรพิจารณา
- กำลังไฟอาจน้อยเกินไป
- เสียงดังเมื่อปั่น
คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้
1. ความเร็วและการใช้พลังงาน
สิ่งที่สำคัญที่สุดของเครื่องปั่นก็คือการใช้พลังงานและความเร็ว เครื่องปั่นที่แตกต่างกันก็จะใช้ระดับพลังงานที่แตกต่างกันในการทำงานและแน่นอนว่าความเร็วของพวกมันก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย หากคุณเลือกซื้อเครื่องปั่นที่มีประสิทธิภาพสูง เครื่องปั่นก็จะปั่นได้อย่างเร็วแต่จะใช้พลังงานและเปลืองไฟมากกว่าเครื่องปั่นทั่วไป เครื่องปั่นประสิทธิภาพสูงมักจะใช้ไฟมากกว่า 1,000 วัตต์ ในขณะที่เครื่องปั่นแบบธรรมดามักจะใช้กำลังไฟอยู่ที่ระหว่าง 300 ถึง 500 วัตต์ ในการซื้อทางเลือกของคุณจะขึ้นอยู่กับงบประมาณด้านพลังงานค่ะ หากคุณต้องการประหยัดเวลาเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟสูงจะตอบโจทย์คุณได้ดีแต่มันมักจะมีราคาที่สูงกว่าอีกทั้งยังเปลืองไฟได้มากกว่า ส่วนเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟต่ำจะทำงานได้ช้าแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
2. คุณสมบัติและการตั้งค่า
หากคุณต้องการซื้อเครื่องปั่นที่ดีคุณต้องเลือกซื้อเครื่องปั่นที่มาพร้อมกับคุณสมบัติและการตั้งค่าที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องปั่นบางรุ่นมีใบมีดที่แตกต่างกัน ในขณะที่บางเครื่องนั้นไม่มี การมีเครื่องปั่นที่มีใบมีดหลายแบบจะเป็นข้อได้เปรียบเพราะจะทำให้คุณสามารถปั่นอาหารได้หลายชนิดโดยไม่ติดขัด นอกจากนี้การตั้งค่าความเร็วก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะยิ่งตัวเครื่องปั่นเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็จะดีกับคุณมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นก่อนซื้อคุณสามารถพิจารณาคุณสมบัติพิเศษที่ตัวเครื่องมีเพื่อให้ได้เครื่องปั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด แต่เราขอแนะนำให้เลือกเครื่องปั่นที่มีใบมีดสเตนเลสเพราะจะไม่เป็นสนิมและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าใบมีดอื่น ๆ
3. ขนาดและความจุ
ขนาดและความจุเป็นองค์ประกอบที่คุณควรพิจารณาก่อนซื้อเครื่องปั่น ขนาดของเครื่องปั่นจะแตกต่างกันไปในแง่ของความจุ จุดประสงค์ของการใช้เครื่องปั่นจะเป็นตัวกำหนดขนาดของตัวเครื่องที่คุณจะซื้อ เครื่องปั่นที่มีความจุประมาณ 300 – 500 มิลลิลิตรจะเหมาะสำหรับใช้งานส่วนตัว เครื่องปั่นที่มีความจุ 1- 2 ลิตรจะเหมาะสำหรับใช้ในบ้าน ส่วนเครื่องปั่นที่มีความจุประมาณ 3 – 5 ลิตรจะเหมาะสำหรับการใช้งานในร้านเครื่องดื่มหรือร้านอาหารทั่วไป เพราะเครื่องปั่นที่มีขนาดใหญ่จะช่วยคุณประหยัดเวลาและพลังงานได้ดีค่ะ นอกจากความจุแล้วขนาดของเคาน์เตอร์และพื้นที่จัดวางก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเช่นกัน เพราะหากคุณไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจัดวางเครื่องปั่นการซื้อเครื่องปั่นก็อาจจะเป็นการสร้างภาระให้กับคุณได้
4. ความทนทาน
เครื่องปั่นที่คุณซื้อควรจะมีอายุการใช้งานยาวนานโดยไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ สิ่งที่คุณต้องตรวจสอบก่อนซื้อก็คือ มอเตอร์ สายไฟ ปลั๊ก ใบมีดและตัวเหยือก แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ว่ามอเตอร์จะใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่จะเสื่อมสภาพ แต่การรับประกันจะให้ข้อมูลแก่คุณได้เป็นอย่างดี ดังนั้นในการซื้อเครื่องปั่นให้มองหาการรับประกันสินค้าเสมอเพราะหากตัวเครื่องได้รับความเสียหายหรือไม่ทำงานก็จะสามารถส่งเครื่องไปเคลมได้เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกรณีที่ตัวเครื่องมีปัญหาค่ะ ความทนทานอีกประการหนึ่งที่คุณต้องพิจารณาคือตัวเหยือกของเครื่องปั่น เหยือกของเครื่องปั่นที่ทำจากเหล็กนั้นดีกว่าเหยือกแบบแก้วหรือเหยือกพลาสติก เหยือกแก้วนั้นดูดีและมีระดับแต่เปราะบาง ในขณะที่พลาสติกนั้นสามารถละลายได้เมื่อสัมผัสกับของร้อน นอกจากนี้พลาสติกยังสามารถผลิตสารอันตรายและเป็นสารก่อมะเร็งได้ค่ะ