ซีซีครีม (CC Cream) ยี่ห้อไหนดี? – เนื้อบางเบา ช่วยเกลี่ยสีผิวให้เรียบเนียน

ซีซีครีม (CC Cream) ที่ดีที่สุด
ซีซีครีม (CC Cream) ที่ดีที่สุด

แน่นอนค่ะว่า ไม่มีใคร ที่ไม่มีปัญหาเรื่องผิว และหลาย ๆ คนอาจจะต้องประสบกับ ปัญหาผิว เช่น สิว, ริ้วรอย, รอยแผลเป็น และความหมองคล้ำ แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไรดี เลยเลือกที่จะใช้รองพื้นแทน ซึ่งก็จริงอยู่ค่ะว่า รองพื้น เป็นตัวช่วยสามารถปกปิดความไม่สมบูรณ์แบบของผิวได้ แต่ในบางครั้งก็อาจจะหนักหน้ามากเกินไปจนเกิดการอุดตันที่ผิว ทำให้เรากลายเป็นสิวและมีการอักเสบ ดังนั้นเราเลยอยากแนะนำผลิตภัณฑ์ที่บางเบากว่านั่นก็คือ การใช้ ซีซีครีม (CC Cream) ค่ะ

ซีซีครีม เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยแก้ไขสีผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น แต่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่ารองพื้น ทำให้ซีซีครีมได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนชอบใช้มาก ๆ เพราะหาซื้อได้สะดวก และใช้งานง่าย ซีซีครีมสามารถเป็นได้ทั้งรองพื้น มอยส์เจอไรเซอร์ และครีมกันแดดในตัว ทำให้สามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท แต่แน่นอนค่ะว่า ซีซีครีมมีหลายยี่ห้อค่ะ หากคุณไม่รู้จะเลือกซื้อตัวไหนดี วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ

ซีซีครีม (CC Cream) ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ?

[summary item=”6743,6745,6749,6751,6753,6755″]

ซีซีครีม (CC Cream) คืออะไร ทำไมต้องใช้?

คำว่า CC ใน CC Cream ย่อมาจาก “Color Correcting” เป็นครีมที่มีหน้าที่แก้ไข และช่วยปรับผิวของคุณ พร้อมกับการปกปิดรอยตำหนิ รวมไปถึงจุดด่างดำหรือรอยแดงต่าง ๆ ด้วย ซีซีครีมจะช่วยขจัดความไม่สมบูรณ์ของผิว โดยใช้รูปแบบที่ตรงกันข้ามกับวงล้อสี ตัวอย่างเช่น สีแดงจะตัดโทนสีน้ำเงินออก และสีเขียวจะตัดโทนสีแดงออก ซีซีครีมให้การปกปิดที่มีเนื้อหนักและหนากว่าบีบีครีมด้วย ดังนั้นซีซีครีมจะมีความเข้มข้นมาก สามารถใช้เป็นรองพื้นได้ และใช้เป็นครีมกันแดดได้ด้วย

หากคุณสงสัยว่าทำไมต้องใช้ซีซีครีม ? เราขอบอกเลยว่า ซีซีครีมเป็นเมคอัพเบสที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอค่ะ สามารถใช้แทนรองพื้นได้ โดยทั่วไปแล้วรองพื้นมีหน้าที่หลัก ๆ อยู่ 2 อย่าง คือ ใช้ในการเตรียมผิว และเพื่อเพิ่มความเนียนของผิว ซึ่งแน่นอนว่า ซีซีครีมก็เป็นตัวแก้ไขสีที่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่าง แต่ข้อดี ของมันก็คือบางเบามาก และไม่อุดตันผิวเหมือนรองพื้น ซีซีครีมเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสีผิวสม่ำเสมอและต้องการเมคอัพที่บางเบาเป็นธรรมชาติ แต่ขอบอกก่อนเลยค่ะว่า ซีซีครีมมีการปกปิดที่ต่ำ ทำให้ซีซีครีมไม่สามารถปกปิดปัญหาผิว เช่น จุดด่างดำ ริ้วรอย และสิวได้ อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้ซีซีครีมร่วมกับคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นเพื่อปกปิดปัญหาผิว

[product_table item=”6743,6745,6749,6751,6753,6755″ info=”1″]

เคล็ดลับในการเลือกซื้อซีซีครีมที่ดีที่สุด

1. เฉดสี

หน้าที่หลักของซีซีครีมก็คือ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับสีพื้นฐาน หรืออันเดอร์โทนของผิว การเลือกซีซีครีมที่สามารถปรับผิวได้อย่างเหมาะสมจะทำให้ผิวของคุณสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ต่อไปนี้คือตัวอย่างเฉดสีของซีซีครีมที่คุณควรรู้ค่ะ

  • สีชมพู : ขจัดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ
  • สีเหลือง : ช่วยแก้ไขจุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำ
  • สีเขียว : ช่วยอำพรางรอยแดงของผิว
  • สีฟ้า : ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น

ปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์ซีซีครีมมีความสามารถในการควบคุมปัญหาสีผิว นอกจากสีข้างต้นแล้วบางแบรนด์ยังมีตัวเลือกสีอื่น ๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวที่แตกต่างออกไปด้วย แต่ในการเลือกซื้อซีซีครีมเราขอแนะนำให้ทำตามคำแนะนำในการเลือกสีด้านบน แต่ในบางครั้งคุณก็ยังต้องปรับให้เข้ากับโทนสีผิวของคุณด้วย หากซีซีครีมและสีผิวของคุณไม่ตรงกัน ผิวของคุณก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติค่ะ

2. สำหรับผิวแห้งให้เลือกซีซีครีมที่มีมอยส์เจอไรเซอร์

ผิวแห้ง เป็นผิวที่ขาดน้ำและเมื่อเราผิวแห้งจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ผิวหยาบกร้าน ความหมองคล้ำ และแต่งหน้าไม่ติด ดังนั้นหากคุณมีผิวแห้งให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น ส่วนผสมเหล่านี้รวมถึงกรดไฮยาลูโรนิก, เซราไมด์, คอลลาเจน, สควาลีน, กรดอะมิโน และกลีเซอรีน ถ้าหากเป็นไปได้ควรตรวจสอบลำดับของส่วนผสมที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์เสมอ นอกจากนี้หากคุณมีผิวแพ้ง่ายให้เลือกซีซีครีมสูตรออร์แกนิกที่มักจะมีปริมาณความชุ่มชื้นสูงเพื่อบำรุงผิวให้คุณโดยไร้การระคายเคือง

3. เลือกซีซีครีมที่มีสารกันแดด

แสงแดดเป็นรังสีอัลตราไวโอเลต (UVA และ UVB) สามารถทำลายผิวของคุณได้ รังสียูวีเอสามารถทำลายชั้นหนังแท้ของผิวหนัง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ เช่น ทำให้เกิดจุดด่างดำ ในทางกลับกันรังสียูวีบีสามารถส่งผลให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ สำหรับคนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ แนะนำให้เลือกครีมซีซีครีมที่มีสารกันแดดค่ะ ซึ่งปกติแล้วค่ากันแดดจะมี SPF และ PA

ซึ่งค่า SPF คือ ปัจจัยป้องกันแสงแดด ส่วนค่า PA ระดับการป้องกันของ UVA โดยตัว SPF มันจะทำงานเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVB ตัวอย่างเช่น SPF 15 สามารถกรองรังสี UVB ได้ถึง 93%, SPF 30 กรองรังสีได้ 97% และ SPF 50 สามารถกรองรังสีได้ 98% ในขณะเดียวกัน PA มีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA ความสามารถในการป้องกันของ PA จะมีสัญลักษณ์เป็นบวก (+) PA+ คือการป้องกันที่อ่อนแอที่สุด ในขณะที่ PA++++ คือการป้องกันที่ดีที่สุดค่ะ