ฝ้า เป็นปัญหาผิวที่รุนแรงและน่ารำคาญพอ ๆ กับปัญหา สิว แต่ฝ้าเป็นแล้วไม่เจ็บ ไม่อักเสบ และสามารถปกปิดได้ด้วยรองพื้นค่ะ ปกติแล้วฝ้ามีลักษณะเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมเทา โดยมักจะปรากฏขึ้นบนแก้ม สันจมูก หน้าผาก คาง และเหนือริมฝีปากบน นอกจากนี้ฝ้ายังสามารถปรากฏบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ได้รับแสงแดดมากเป็นประจำ เช่น คอ และปลายแขน แน่นอนค่ะว่าฝ้านั้นรักษาได้ แต่รักษาได้ยาก การรักษาฝ้าที่ทำได้ง่ายที่สุดคือ การป้องกันแสงแดด ค่ะ โดยการทาครีมกันแดดทุกวันและทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้แพทย์ผิวหนังยังแนะนำให้สวมหมวกปีกกว้างทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก เพราะครีมกันแดดเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้ให้ความปลอดภัยที่คุณต้องการค่ะ (1),(2)
แต่นอกจากการป้องกันแดดแล้วการใช้ “ครีมทาฝ้า” ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยในการกำจัดฝ้าได้ด้วยค่ะ ซึ่งครีมทาฝ้าถือเป็นครีมที่มีความเข้มข้นมากมักจะออกแบบมาเพื่อกำจัดกระ ฝ้า และจุดด่างดำบนใบหน้า ถึงแม้ว่าฝ้าจะสามารถรักษาได้หลายวิธี ซึ่งรวมถึงการใช้สารเคมี การรักษาด้วยเลเซอร์ การรักษาด้วยแสง และการขัดผิว แต่วิธีที่ง่ายและสามารถทำได้ทุกวันคือการใช้ครีมนั่นเองค่ะ ถึงแม้ว่าการใช้ครีมจะไม่ได้เห็นผลแบบรวดเร็วมากนัก แต่ก็ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากที่สุดค่ะ หากวันนี้คุณกำลังมองหาวิธีรักษาฝ้าอยู่เราก็มีสินค้าและคำแนะนำในการรักษาฝ้ามาฝากกันค่ะ
ซื้อ ครีมทารักษาฝ้า ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ
- ใช้นวัตกรรม PEM-C ช่วยให้ฝ้าจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ: Amela-ex anti-melasma cream ครีมรักษาฝ้า
- มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปลอดภัยไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง: Concept Anti Melasma Cream ครีมรักษาฝ้า
- ใช้เทคโนโลยี Liquid Crystal Base เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วมาก: Vin21 Anti Melasma Cream ครีมทาฝ้า
- ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ฝ้าจะจางลงได้ภายใน 14 วัน: Yunhee ครีมทาฝ้า
- มีสาร Melatein-x ช่วยทำลายเม็ดสีเมลานินที่ก่อให้เกิดฝ้าได้อย่างรวดเร็ว: Melamii Anti Melasma Cream ครีมทาฝ้า
ฝ้าคืออะไร มีกี่ประเภท ?
ฝ้า เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยมาก มีลักษณะเป็นจุด หรือเป็นปื้น โดยมักจะมีสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และสีเทาอมฟ้าบนผิวของคุณ บริเวณที่มักจะเกิดฝ้าส่วนใหญ่จะอยู่ที่ใบหน้า แก้ม ริมฝีปากบน หน้าผาก และปลายแขน ในบางครั้งฝ้าจะถูกเรียกว่า “หน้ากากของผีเสื้อ” เพราะมักจะเกิดขึ้นมากกับสตรีมีครรภ์โดยตรงนั่นเองค่ะ ในบางรายฝ้าอาจจางลงไปได้เองแต่สำหรับบางคนอาจจะรักษาไม่หายเลย สาเหตุหลักของการเกิดฝ้ามี 2 ประการ ได้แก่ การได้รับรังสี ไม่ว่าจะเป็น แสงอัลตราไวโอเลต แสงที่มองเห็นได้ หรือแสงอินฟราเรด (ความร้อน) รวมไปถึงฮอร์โมนที่แปรปรวนก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน เมื่อผิวได้สัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำฝ้าก็จะยิ่งฝังลึกมากขึ้น อีกทั้งในช่วงฤดูร้อนฝ้าที่ใบหน้าก็จะยิ่งปรากฏชัดขึ้นด้วย (1),(2) ปกติแล้วฝ้าจะมี 3 ประเภท หลัก ๆ โดยแบ่งออกตามความลึกของฝ้าดังนี้ค่ะ
- ฝ้าตื้น (Epidermal) : มักจะเกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นนอก มีสีน้ำตาลเข้ม มีเส้นขอบที่ชัดเจน สีของฝ้ามักจะปรากฏชัดเจนภายใต้แสงสีดำ ฝ้าชนิดนี้รักษาได้ง่ายกว่าฝ้าประเภทอื่น ๆ อีกทั้งยังตอบสนองต่อการรักษาได้ดีด้วย
- ฝ้าลึก (Dermal) : เป็นฝ้าที่ฝังลึกเข้าไปในผิวหนังชั้นใน โดยมักจะมีสีน้ำตาลอ่อน หรือสีน้ำเงิน ตัวฝ้าปรากฏขอบไม่ชัด และไม่ค่อยจะตอบสนองต่อการรักษา
- ฝ้าผสม (Mixed melasma) : เป็นฝ้าที่พบได้บ่อยที่สุดในบรรดาฝ้า 3 กลุ่มที่กล่าวมา ตัวฝ้ามักจะมีทั้งปื้นสีน้ำเงินและสีน้ำตาล แสดงออกมาในรูปแบบผสม ฝ้าชนิดนี้ตอบสนองต่อการรักษาบางประเภทแต่ก็อาจต้องใช้เวลานาน
เมื่อมาถึงจุดนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ฝ้ารักษาหายหรือไม่ ? เราขอตอบเลยว่าฝ้านั้นรักษาได้แต่รักษายากค่ะ ในการกำหนดแผนการรักษาเราจะต้องค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าก่อน เพราะฝ้าอาจจะเกิดจากแสงแดด การคุมกำเนิด พันธุศาสตร์ เครื่องสำอางที่ใช้ ฯลฯ โปรดจำไว้ว่า ฝ้าอาจจะหายไปเองแบบถาวร หรืออาจตอบสนองต่อการรักษา ภายในไม่กี่เดือนก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย อีกทั้งฝ้าส่วนใหญ่จะจางหายไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะถ้าคุณได้ป้องกันแสงแดดอย่างดีค่ะ แต่เพื่อป้องกันการเกิดฝ้า เราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน, หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงสีฟ้าจากไฟ LED ของโทรทัศน์ แล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต, หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่อาจจะระคายเคืองต่อผิวของคุณ, หลีกเลี่ยงยาที่อาจทำให้เกิดฝ้าหรือทำให้ฝ้าแย่ลง รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการอาบแดด และการแว็กซ์ขนเพราะสามารถทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้นได้ค่ะ
Amela-ex anti-melasma cream ครีมรักษาฝ้า
ใช้นวัตกรรม PEM-C ช่วยให้ฝ้าจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ราคา 369 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ปริมาณ : 30 กรัม
ส่วนผสมที่สำคัญ : โซเดียมไฮยารูโลเนต
เหมาะสำหรับสภาพผิว : ทุกสภาพผิว
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ช่วยกำจัดฝ้าและบำรุงผิวไปในตัว
- ใช้งานง่ายมาก ไม่ทำลายผิวให้เสียหาย
- สามารถใช้เพื่อกำจัดกระและจุดด่างดำที่เกิดจากสิวได้
ข้อควรพิจารณา
เนื้อครีมมีความเหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าสู่ผิวได้ช้า
Concept Anti Melasma Cream ครีมรักษาฝ้า
มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปลอดภัยไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
ราคา 250 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ปริมาณ : 24 กรัม
ส่วนผสมที่สำคัญ : วิตามิน B3, สารสกัดจากชะเอม, สารสกัดจากเมล็ดถั่วและกรด Octadecenedioic
เหมาะสำหรับสภาพผิว : ทุกสภาพผิวยกเว้นผิวบอบบาง
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังว่าสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
- เนื้อครีมบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ใช้ตอนแต่งหน้าก็ได้เพราะจะไม่ทำให้เมคอัพเปลี่ยนสี
- เมื่อทาแล้วผิวจะแห้งลอกหรือได้รับความเสียหาย
ข้อควรพิจารณา
มีส่วนผสมของน้ำหอมไม่เหมาะกับผิวบอบบาง
Vin21 Anti Melasma Cream ครีมทาฝ้า
ใช้เทคโนโลยี Liquid Crystal Base เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วมาก
ราคา 274 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ปริมาณ : 15 กรัม
ส่วนผสมที่สำคัญ : Tranexamic Acid, Arbutin, Co-Q10 และ Vitamin Complex
เหมาะสำหรับสภาพผิว : ทุกสภาพผิว
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว
- กลิ่นหอมละมุน ไม่ฉุน
- ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี ผิวจะไม่แห้งเมื่อใช้
- ช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณา
ต้องใช้งานอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผล
Yunhee ครีมทาฝ้า
ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ฝ้าจะจางลงได้ภายใน 14 วัน
ราคา 114 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ปริมาณ : 20 กรัม
ส่วนผสมที่สำคัญ : Tranexamic Acid และ Glycolic Acid
เหมาะสำหรับสภาพผิว : ทุกสภาพผิวยกเว้นผิวบอบบาง
เหตุผลที่ควรซื้อ
- เนื้อครีมมีความเข้มข้น เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว
- เห็นได้ชัดหากใช้งานอย่างต่อเนื่อง
- กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุนอย่างแน่นอน
- ราคาประหยัด
ข้อควรพิจารณา
ทาได้เฉพาะกลางคืนเท่านั้นเพราะไวต่อแดดมาก
Melamii Anti Melasma Cream ครีมทาฝ้า
มีสาร Melatein-x ช่วยทำลายเม็ดสีเมลานินที่ก่อให้เกิดฝ้าได้อย่างรวดเร็ว
ราคา 385 บาท*
ข้อมูลสินค้า
ปริมาณ : 15 กรัม
ส่วนผสมที่สำคัญ : Melatein-x
เหมาะสำหรับสภาพผิว : ทุกสภาพผิว
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ไม่มีกลิ่น ปราศจากแอลกอฮอล์และไฮโดรควิโนน
- อ่อนโยนผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้งานได้
- เมื่อใช้งานอย่าต่อเนื่องฝ้าจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด
- เนื้อสัมผัสบางเบาคล้ายเซรั่ม ทาและเกลี่ยง่าย
ข้อควรพิจารณา
หลอดเล็กมากใช้งานได้เพียงไม่กี่วัน
เคล็ดลับในการซื้อครีมทาฝ้าที่ดีที่สุด
โปรดจำไว้เสมอว่าไม่ว่าคุณจะซื้อครีมชนิดใดก็ตาม คุณจะต้องตรวจสอบตัวครีมให้ดี เนื่องจากคุณจะต้องทาครีมบนผิวหนังของตัวเอง หากคุณเลือกใช้ครีมแบบสุ่ม ๆ ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือผิวหนังของคุณได้และยังเป็นต้นเหตุของความผิดปกติต่าง ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นก่อนซื้อครีมทาฝ้าให้พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. เหมาะกับสภาพผิว
นี่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการตรวจสอบ เมื่อคุณจะซื้อโลชั่นบำรุงผิวหรือครีม ปกติแล้วมีครีมหลายชนิดสำหรับใช้ในการรักษาฝ้า ในการเลือกซื้อคุณต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ถ้าหากคุณไม่ทราบประเภทผิวของตัวเอง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อเลือกครีมทาฝ้าที่ดีที่สุดที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณได้ แต่ก่อนการใช้ ให้ทดสอบก่อนว่าตัวเองแพ้หรือไม่ โดยทาครีมที่ข้อพับติดต่อกันหลาย ๆ วัน หากไม่มีอาการคันหรือบวมแดงก็สามารถใช้งานได้เลยค่ะ
2. ส่วนผสมของที่สำคัญของครีมทาฝ้า
ถึงแม้ว่าในสินค้าที่เราแนะนำเราได้บอกข้อมูลของส่วนผสมที่สำคัญทั้งหมดที่มีในครีมแต่ละชนิดแล้ว แต่คุณก็ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมและหาข้อมูลเชิงลึกด้วย ตัวอย่างเช่น ครีมไฮโดรควิโนนทาฝ้า เป็นหนึ่งในประเภทของครีมแบบทั่ว ๆ ไปที่คุณจะพบได้ โดยครีมชนิดนี้จะช่วยยับยั้งการผลิตเมลานินจึงช่วยลดความหมองคล้ำของผิวได้ แต่คุณต้องระวังว่าเพราะส่วนผสมนี้อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวหนังได้ นอกจากไฮโดรควิโนนแล้ว คุณจะได้พบกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดโดยตรง โดยทั่วไปส่วนประกอบตัวนั้นก็คือ กรดโคจิก ซึ่งเป็นสารที่ช่วยป้องกันปัญหาริ้วรอย และรอยแผลเป็น ดังนั้น ให้ศึกษาส่วนผสมของครีมนั้น ๆ และเช็กดูว่า คุณมีอาการแพ้ส่วนผสมเหล่านั้นบ้างหรือไม่ ?
3. ประโยชน์เพิ่มเติมและผลข้างเคียง
โดยปกติ ครีมทาฝ้าที่ดีที่สุด จะมีประโยชน์อื่น ๆ นอกเหนือจากการรักษาฝ้าด้วย ซึ่งครีมส่วนใหญ่สามารถที่จะใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ เช่น จุดด่างดำ รอยแผลเป็น กลาก รอยดำ ฯลฯ ได้ สิ่งนี้จะให้ประโยชน์เพิ่มเติมกับผิวของคุณค่ะ ผลข้างเคียงของการใช้ครีมทาฝ้าก็มีความสำคัญเช่นกันค่ะ ในจุดนี้เราขอให้คุณย้อนกลับไปที่จุดแรกที่เราได้แนะนำให้ซื้อครีมที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เพราะถ้าหากไม่ทำเช่นนั้น คุณอาจต้องเผชิญกับการระคายเคืองผิวหนัง หรืออาการแพ้ที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวได้ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้ค่ะ
อ้างอิง