ปัญหาเรื่อง “ขน” เป็นปัญหาระดับชาติ เพราะขนเป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราไม่ชอบเอาเสียเลย เนื่องจากมันทำให้ผิวพรรณของเราไม่เรียบเนียน และส่งผลให้เราขาดความมั่นใจ แม้ว่าจะมีวิธีการกำจัดขนมากมายตั้งแต่การใช้ มีดโกน, แว็กซ์, น้ำตาล ไปจนถึงการทำ IPL แต่ทางเลือกเหล่านี้อาจทำให้คุณสับสนได้ เพราะไม่รู้ว่าวิธีไหนจะดีที่สุดสำหรับคุณ แต่แน่นอนว่าการกำจัดขนที่ดีจะต้องไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ต้องการกำจัดขน ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนก็คือ การใช้ “ครีมกำจัดขน” ค่ะ
ครีมกำจัดขนเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและนุ่มนวลมาก คุณแทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลยเพียงแค่บีบ เกลี่ย ทา รอเวลาหลังจากนั้นก็เช็ดออก เพียงเท่านี้ขนที่คุณไม่ต้องก็จะถูกกำจัดออกไปจนหมดจด ขอบอกเลยว่าการใช้ครีมกำจัดขนดีกว่าการโกนแน่นอน เพราะการโกนขนด้วยมีดโกนจะทำให้ผิวที่ผ่านการโกนมีตุ่มหนังไก่และไม่เรียบเนียน ส่วนการใช้เลเซอร์และการแว็กซ์มักจะให้ผลที่ยาวนานกว่า แต่อาจมีราคาแพงและใช้เวลานานเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกเหล่านี้การใช้ครีมกำจัดขนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ
หากวันนี้คุณกำลังมองหาครีมกำจัดขนที่มีคุณภาพ เราก็มีครีมกำจัดขนยอดนิยม และคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกซื้อมาฝากกันค่ะ
ซื้อ ครีมกำจัดขน ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ
[summary item=”5367,5370,5373,5376,5379,5381″ info=”1″]
ครีมกำจัดขนทำงานอย่างไร มีข้อดีอย่างไร?
ปกติแล้วเส้นผมและเส้นขนของเรามีส่วนประกอบหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เรียกว่า โปรตีน หรือเคราติน ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้คิดเป็น 65% – 95% ของเส้นใยทั้งหมดของเส้นขน และแน่นอนว่า ส่วนผสมนี้ก็เป็นส่วนผสมที่จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมของเราด้วย (1) ดังนั้นในการกำจัดขน ตัวครีมกำจัดขนจึงมี กรด Thioglycolic (TGA) ที่จะเข้าไปสลายโครงสร้างของเคราติน เพื่อทำให้เส้นขนอ่อนแอ และละลายเส้นขน เพื่อให้เส้นขนของเราหลุดออกจากรูขุมขนได้ง่ายขึ้น แต่กรดชนิดนี้มีกลิ่นค่อนข้างฉุนค่ะ ดังนั้นครีมกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพสูงและกำจัดขนได้อย่างรวดเร็วมักจะมาพร้อมกับกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนค่ะ แต่โปรดระวังนะคะ ชั้นบนสุดของผิว (หนังกำพร้า) ยังมีสารเคราตินด้วยนี่จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ควรทิ้งครีมกำจัดขนไว้บนผิวนานเกินไป เนื่องจากผิวหนังอาจได้รับผลกระทบในทางลบค่ะ (2)
ข้อดีของการใช้ครีมกำจัดขน
- ไม่เจ็บปวดเมื่อใช้งาน : ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของครีมกำจัดขนก็คือ คุณจะไม่เจ็บไม่ปวดเมื่อกำจัดขน ถึงแม้ว่าการโกนจะไม่เจ็บเช่นเดียวกัน แต่การโกนขนนั้นเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เมื่อโกนขนแล้วขนจะงอกขึ้นมาใหม่เร็วมากและแข็งกว่าเดิมด้วย ส่วนครีมกำจัดขนจะขจัดขนได้อย่างล้ำลึก ดังนั้นผลลัพธ์ในการกำจัดขนจึงอยู่ได้นานขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเส้นขน และความยาวของวงจรการเจริญเติบโตของเส้นขน
- ใช้งานง่ายและรวดเร็ว : ครีมกำจัดขนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติใช้เวลาประมาณ 4 – 8 นาที เท่านั้น ในการกำจัดขน ครีมกำจัดขนใช้งานง่ายมากโดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะอื่นใด นอกจากปฏิบัติตามคำแนะนำ ส่วนการแว็กซ์ การใช้แหนบ การทำเลเซอร์ และแม้กระทั่งการโกน ล้วนต้องใช้เทคนิค และการฝึกฝนอย่างน้อยระดับหนึ่งถึงจะทำได้ดีค่ะ
- ค่อนข้างถูก : ถึงแม้ว่าครีมกำจัดขนจะมีราคาแพงกว่าการโกนและการถอน แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพสูงมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นราคาก็ขึ้นอยู่กับความถี่ที่คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์และพื้นที่ที่ต้องการกำจัดขน โดยคุณสามารถมองหาครีมกำจัดขนได้ตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักร้อยขึ้นอยู่กับงบประมาณที่คุณมีค่ะ
[product_table item=”5367,5370,5373,5376,5379,5381″ info=”1″]
เคล็ดลับในการเลือกซื้อครีมกำจัดขน
1. ความอ่อนโยน
ครีมกำจัดขนที่ดีจะต้องมีความอ่อนโยนต่อผิว จากข้อมูลข้างต้นคุณคงรู้อยู่แล้วว่าครีมกำจัดขนมีส่วนประกอบที่เรียกว่า กรด Thioglycolic (TGA) เป็นส่วนผสม โดยสารนี้จะทำลายโครงสร้างเคราติน หรือโปรตีนของเส้นขน เพื่อให้ขนหลุดออกมา แต่เนื่องจากผิวของเรามีเคราตินด้วย ส่วนผสมนี้จึงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปค่ะ (2) เพื่อป้องกันปัญหานี้คุณควรเลือกครีมกำจัดขนที่มีสูตรอ่อน ๆ หรือที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เพราะมันจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ แต่โปรดจำไว้ว่า ถึงแม้จะอ่อนโยนแค่ไหนแต่ครีมกำจัดขนก็ยังมีส่วนประกอบเป็นสารเคมีอยู่ ดังนั้นอย่าลืมทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เสมอนะคะ
2. ประเภทของเส้นขน
ในการเลือกซื้อครีมกำจัดขนความหนาและบางของขนเป็นส่วนหนึ่งที่คุณต้องพิจารณาค่ะ สำหรับขนที่มีความหนา และแข็งจำเป็นต้องใช้ครีมกำจัดขนชนิดเข้มข้น ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้วขนบริเวณรักแร้ จะหนากว่าขนส่วนอื่นๆ ตามร่างกาย ดังนั้นหากต้องการกำจัดขนรักแร้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ไม่ต้องกังวลว่าครีมกำจัดขนที่ซื้อจะไม่มีสูตรสำหรับเส้นขนของคุณ เพราะครีมกำจัดขนนั้นมีหลายรูปแบบให้เลือก บางแบบมีไว้สำหรับกำจัดขนรักแร้ แขนหรือขาโดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์นี้มักจะมีความเข้มข้นสูง ดังนั้นเราไม่ควรใช้มันในบริเวณอื่น เว้นแต่จะมีระบุไว้ในบรรจุภัณฑ์ว่าเหมาะสำหรับกับผิวบริเวณอื่นด้วย นอกจากนี้โปรดจำไว้เสมอว่าผิวบริเวณใบหน้า และบริเวณบิกินี่ มีความบอบบางมากกว่าเมื่อเทียบกับผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ผิวบริเวณนี้จะไวต่อการระคายเคืองจากสารเคมีมากกว่า ดังนั้นคุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรเฉพาะสำหรับบริเวณนี้เท่านั้น เพื่อป้องกันการระคายเคืองค่ะ
3. สารให้ความชุ่มชื้น
หลังจากใช้ครีมกำจัดขนผิวของคุณจะอยู่ในสภาพที่บอบบางมาก ๆ ทำให้มีแนวโน้มที่อาจจะแห้ง เพื่อให้แน่ใจว่าผิวของคุณปลอดภัยและมีสุขภาพดี ให้มองหาครีมกำจัดขนที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นและต้านการอักเสบ เช่น เชียบัตเตอร์ หรือว่านหางจระเข้ ขอบอกเลยว่าสารให้ความชุ่มชื้นนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณใช้ครีมกำจัดขนในส่วนที่มันบอบบางของร่างกาย เช่น บริเวณบิกินี่ หรือใบหน้า แม้ว่าคุณควรให้ความชุ่มชื้นกับผิวทันทีหลังการกำจัดขน แต่ส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมกำจัดขนก็สำคัญเช่นกันเพราะมันจะให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษค่ะ
4. ระยะเวลาในการกำจัดขน
เพื่อให้ครีมกำจัดขนของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องทิ้งมันไว้บนผิวของคุณสักระยะหนึ่ง ซึ่งระยะเวลานี้จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ขอบอกเลยว่าผลิตภัณฑ์กำจัดขนบางยี่ห้อนั้นสามารถกำจัดขนได้รวดเร็วภายใน 1 – 3 นาที ในขณะที่บางยี่ห้อต้องใช้เวลานานถึง 15 นาที เราขอแนะนำเลยว่าหากคุณมีเวลาจำกัดในการกำจัดขน ให้เลือกใช้ครีมกำจัดขนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจะช่วยประหยัดเวลาในการทำกิจวัตรอย่างอื่นค่ะ
5. กลิ่นของครีมกำจัดขน
คนบางคนอาจไวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษ ดังนั้นเรื่องกลิ่นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อต้องซื้อครีมกำจัดขน ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่าครีมกำจัดขนเหล่านี้มีกลิ่นแรงมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตครีมกำจัดขนบางยี่ห้อได้แก้ไขปัญหานี้ และพยายามที่จะทำให้ครีมไม่มีกลิ่น หรือเพิ่มกลิ่นหอมเข้าไป เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าหากคุณมีความไวต่อกลิ่นคุณสามารถดูรีวิวผลิตภัณฑ์ ดูความคิดเห็นของลูกค้า และถามคนใกล้ตัวที่อาจเคยใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะได้เลือกสินค้าที่ตรงใจกับคุณมากที่สุดค่ะ
อ้างอิง