ครีมหมักผม (Hair Mask) ยี่ห้อไหนดี? – ช่วยบำรุงผมแห้งเสีย ให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้น

ครีมหมักผม (Hair Mask) ที่ดีที่สุด
ครีมหมักผม (Hair Mask) ที่ดีที่สุด

เส้นผม ของคนเราต้องเผชิญกับปัญหาค่อนข้างมากในแต่ละวันทั้ง ความเสียหายจากแสงแดดที่มีรังสีต่าง ๆ ความร้อนจากอุปกรณ์เสริมความงาม เช่น ไดร์เป่าผม, เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม การสระผมบ่อย ๆ หรือสารเคมีที่มาจากการย้อมสีผม แน่นอนค่ะเพื่อให้ผมสวย สุขภาพดี และมีความเงางาม สิ่งสำคัญก็คือ ต้องให้การบำรุงและเสริมความแข็งแรงกับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูและครีมนวดผมแล้ว “ครีมหมักผม (Hair Mask)” ก็เป็นกุญแจสำคัญในการดูแลเส้นผมค่ะ ครีมหมักผมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรงพลัง เนื่องจากมันสามารถบำรุงผมของคุณได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและป้องกันปัญหาบนหนังศีรษะโดยเฉพาะค่ะ

ครีมหมักผม นั้น มีส่วนผสมเข้มข้นมาก ซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นน้ำมันธรรมชาติและไขมันที่มอบการบำรุงผมได้อย่างเข้มข้นและล้ำลึก เพื่อรักษาเส้นผมที่แห้งเสียและหยาบกร้าน เมื่อเทียบกับครีมนวดผมแล้วครีมหมักผมจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพราะสามารถทำให้ผมที่แห้งเสีย กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีหลังจากใช้งาน แต่กุญแจสำคัญในการใช้ครีมหมักผมคือ คุณต้องล้างออกให้สะอาด เพราะถ้าล้างไม่สะอาดรังแคจะถามหาอย่างแน่นอนค่ะ ครีมหมักผม ถือเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่มีสารให้ความชื้นสูง ซึ่งความชื้นก็เป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องเส้นผมจากความเสียหายที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม และสารเคมี ดังนั้นการเลือกครีมหมักผมที่เหมาะสมอาจเป็นประโยชน์ต่อเส้นผมของคุณ เราขอบอกเลยว่า ครีมหมักผมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม นอกจากนี้ยังผสมสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเส้นผมแต่ละเส้นจากความเสียหายที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันด้วย หากวันนี้คุณกำลังมองหาครีมหมักผมอยู่เราก็มีครีมหมักผมดี ๆ มาแนะนำกันค่ะ

ครีมหมักผม ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ?

[summary item=”6205,6207,6209,6211,6213,6215″]

ครีมนวดผม และครีมหมักผม มีความแตกต่างกันอย่างไร?

  • ครีมนวดผม (Deep Conditioning) : เป็นสารปรับสภาพที่ได้รับความนิยมมาก ตัวครีมนวดผมจะทำให้เส้นผมของคุณเรียบลื่น เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการชี้ฟู นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันผมแตกปลายและเส้นผมที่ได้รับความเสียหายจากแสงแดด ครีมนวดผมมีเนื้อสัมผัสแบบบางเบา ช่วยให้ทาลงบนเส้นผมได้ง่าย คนส่วนใหญ่จะใช้ครีมนวดผม หลังจากที่คุณสระผมจากนั้นให้ทิ้งไว้ 2 – 3 นาที เพื่อให้ผมของคุณนุ่มและจัดทรงได้ง่าย บทบาทที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของครีมนวดผมคือ การกักเก็บชุ่มชื้น และปรับสมดุลน้ำมันตามธรรมชาติค่ะ
  • ครีมหมักผม (Hair Mask) :จะอุดมไปด้วยน้ำมันบำรุงเส้นผมที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดความเสียหายต่างๆ ของเส้นผม และยังช่วยป้องกันผมแห้งได้ดีมาก ตัวครีมหมักผมจะช่วยบำรุง ให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมของคุณ และช่วยให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพที่ดี ครีมหมักผมจะให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมของคุณอย่างล้ำลึกและปรับสภาพผมอย่างล้ำลึกด้วย ผลิตภัณฑ์นี้มักใช้หลังจากสระผมเสร็จ แต่ถ้าคุณมีผมแห้งมาก คุณอาจใช้มันก่อนสระผม เพื่อให้สารให้ความชุ่มชื้นซึมซาบเข้าสู่ผมของคุณได้ลึกขึ้นค่ะ หรือจะใช้ร่วมกับการอบไอน้ำก็ได้

ความแตกต่างระหว่างครีมนวดผมและครีมหมักผม

หัวข้อ ครีมหมักผม (Hair Mask) ครีมนวดผม (Deep Conditioning)
วัตถุประสงค์ในการใช้งาน มีส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติ และมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุง เพื่อบำรุงผมแห้งเสีย ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม และปกป้องไม่ให้ผมเสีย ในขณะที่แชมพูจะขจัดความมันออกไป ครีมนวดผมจะผลิตน้ำมัน เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมของคุณ
วิธีการใช้ สระผมด้วยแชมพูแล้วล้างออกให้สะอาด เช็ดผมให้แห้งและทาครีมหมักผม มาสก์ทิ้งไว้ 20 – 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลังจากล้างออกแล้ว คุณสามารถใช้ครีมนวดเพิ่มได้ เพื่อช่วยผนึกประโยชน์ของมาสก์ไว้บนเส้นผมของคุณ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณสามารถใช้แชมพูก่อน หรือหลังมาสก์ก็ได้ค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของมาสก์ และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เมื่อคุณสระผมด้วยแชมพูแล้ว ให้ชโลมครีมนวดผมเล็กน้อยบนเส้นผมของคุณ ห้ามทาครีมนวดผมบนหนังศีรษะของคุณ เพราะอาจจะเป็นรังแคได้ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทาครีมนวดผมตั้งแต่โคนจรดปลาย และทิ้งไว้ 2 – 5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ควรใช้เมื่อไหร่ ควรใช้ครีมหมักผม เมื่อคุณใช้เครื่องมือที่มีความร้อน หรือผลิตภัณฑ์เคมีใด ๆ เพื่อจัดแต่งทรงผม นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้งานครีมหมักผมได้ถ้าหากรู้สึกว่าผมของคุณแห้งเสียมากจนเกินไป โดยทั่วไปเราจะใช้ครีมนวดผม หลังจากสระผมด้วยแชมพู แต่หลายคนอาจใช้ครีมนวดผมก่อนแล้วค่อยไปแชมพู เทคนิคนี้เรียกว่าการทำความสะอาดเส้นผมแบบย้อนกลับ อีกวิธีหนึ่งก็คือการไม่ใช้แชมพูและสระผมด้วยครีมนวดเพียงอย่างเดียว แต่แน่นอนว่าทั้งสองวิธีเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมแห้งเสียเป็นพิเศษค่ะ
ความถี่ในการใช้งาน คุณสามารถใช้ครีมหมักผมได้สัปดาห์ละครั้งหรือ 2 ครั้ง แต่ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในผลิตภัณฑ์เสมอ คุณสามารถใช้ครีมนวดผมทุกครั้งที่ใช้แชมพูสระผมแต่ทางที่ดีคุณควรจะใช้ครีมนวดผม 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้วค่ะ
ระยะเวลาในการใช้งาน ครีมหมักผมจะต้องหมักทิ้งไว้เป็นเวลานานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เพราะปกติแล้วครีมหมักผมมักจะมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าและต้องทิ้งไว้บนเส้นผมอย่างน้อย 15-20 นาที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคำแนะนำในการใช้งาน ครีมนวดผมไม่จำเป็นต้องหมักนาน บางยี่ห้อคุณสามารถล้างออกได้ทันที แต่ทางที่ดีเราแนะนำให้หมักครีมนวดไว้บนเส้นผมประมาณ 2 -5 นาทีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
เหมาะกับใครบ้าง? ครีมหมักผม จะเหมาะมากกับคนที่มีปัญหาผมแห้งเสีย แต่ถ้าคุณมีผมมัน ครีมหมักผมจะไม่เหมาะกับคุณค่ะ เพราะมันอาจจะเป็นการเพิ่มความมันให้กับเส้นผมของคุณได้ เราทุกคนสามารถใช้ครีมนวดผมได้ แต่คนที่มีผมแห้งก็ควรใช้ครีมนวดผม หลังสระผมทุกครั้ง ส่วนคนที่มีผมมัน ไม่แนะนำให้ใช้บ่อย เพราะจะทำให้ผมมันมากขึ้นค่ะ
ข้อดี ครีมหมักผมจะให้ความชุ่มชื้นและบำรุงเส้นผมของคุณได้อย่างล้ำลึก ครีมหมักผมมีประโยชน์อย่างยิ่งกับผมแห้ง เพราะสามารถช่วยลดการแตกหัก และความเสียหายของเส้นผมได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผม และช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ ครีมนวดผมจะช่วยทำให้ผมนุ่มและเงางามยิ่งขึ้น เมื่อใช้แล้วเส้นผมของคุณจะสปริงตัว และแลดูมีน้ำหนักทันที
ข้อเสีย ครีมหมักผมมักมีส่วนผสมของน้ำมันมากกว่า ซึ่งดีสำหรับผมที่แห้ง แต่ไม่เหมาะกับผมมัน ครีมนวดผมบางยี่ห้อมีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น โซเดียมลอริล ซัลเฟต สารเหล่านี้ก็อาจทำให้ผิวระคายเคือง และทำให้เส้นผมของคุณเสียหายได้ง่าย ๆ ค่ะ

[product_table item=”6224,6226,6228,6230,6233,6235″]

เคล็ดลับในการเลือกซื้อครีมหมักผม (Hair Mask)

1. ประเภทและปัญหาของเส้นผม

  • ผมแห้งกร้าน : หากคุณมีผมแห้งมากครีมหมักผมที่คุณเลือกควรมีส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติเพราะมันจะให้การบำรุงที่ล้ำลึกแก่เส้นผมของคุณ ทำให้เส้นผมดูนุ่มสลวยเป็นพิเศษ และคงความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ดังนั้นหากคุณต้องการต่อสู้กับผมแห้งกร้านคุณต้องเลือกใช้ครีมหมักผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าว น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันมะกอก น้ำมันอาร์แกน และน้ำมันแมคคาเดเมีย น้ำมันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้น มันยังสามารถปกป้องเส้นผมจากรังสียูวีได้ และยังช่วยรักษารังแคได้อีกด้วย
  • ผมเสียจากเคมี : หากคุณมีผมเสียจากเคมีให้เลือกครีมหมักผมที่มีเคราตินเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเคราตินเป็นโปรตีนที่สร้างชั้นนอกของเส้นผม มันจะช่วยเติมเต็มช่องว่างในหนังกำพร้าของเส้นผม และทำให้ผมนุ่มมากขึ้น ครีมหมักผมที่มีส่วนผสมของเคราตินนั้นยอดเยี่ยมสำหรับการรักษาผมเสียและผมชี้ฟู เนื่องจากเคราตินจะช่วยแก้ไขช่องว่างในรูขุมขนในเส้นผม และทำให้เส้นผมเนียนนุ่ม ปกติแล้วการทำสีผมและการยืดผมด้วยสารเคมีสามารถทำร้ายเส้นผมของคุณได้อย่างมากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นหากคุณต้องการให้เส้นผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง คุณควรเลือกครีมหมักผมที่มีเคราตินเป็นส่วนประกอบค่ะ

2. มีซิลิโคน Vs ไม่มีซิลิโคน

  • แบบมีซิลิโคน : ซิลิโคน สามารถทำให้ผมของเรานุ่มลื่น และเงางามขึ้น อีกทั้งซิลิโคนยังทำหน้าที่เป็นเกราะปกป้องเส้นผมจากความเสียหายและป้องกันความชื้นออกจากเส้นผม อย่างไรก็ตามเราไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนบ่อย ๆ หรือมากเกินไป เนื่องจากซิลิโคนสามารถสะสมบนเส้นผมและหนังศีรษะของคุณได้ ดังนั้นคุณควรใช้ครีมหมักผมที่มีส่วนผสมจากซิลิโคนในปริมาณที่พอเหมาะก็พอ
  • แบบไม่มีซิลิโคน : หากคุณมีหนังศีรษะที่เสียหายมากผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เส้นผมของคุณเสียหายเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้นหากคุณมีปัญหาเหล่านี้ ให้ใช้ครีมหมักผมที่ปราศจากซิลิโคน เพราะครีมหมักผมที่ไม่มีซิลิโคนสามารถซ่อมแซมหนังศีรษะ รวมทั้งให้สารอาหารที่เพียงพอแก่เส้นผม เพื่อให้มีสุขภาพเส้นผมที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ครีมหมักผมที่ปราศจากซิลิโคนยังมีน้ำหนักเบามาก และไม่ทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก หรือมันมากเกินไป ดังนั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้เส้นผม

3. หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นอันตราย

หากคุณต้องการดูแลเส้นผมให้สวยงามและเป็นธรรมชาติในระยะยาว คุณจะต้องศึกษาส่วนผสมทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นอันตราย เราเชื่อเหลือเกินว่า แต่ละคนไม่ได้ใส่ใจกับฉลากที่ด้านหลังผลิตภัณฑ์มากนัก แต่คนเรามักจะสนใจและเลือกใช้แบรนด์ที่ทันสมัย หรือเลือกบรรจุภัณฑ์ที่น่าดึงดูดเท่านั้น แต่หากคุณต้องการความปลอดภัยอย่าลืมอ่านฉลากและมองหาส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงเสมอ โดยเฉพาะพวกสารเคมีต่าง ๆ เช่น ซัลเฟต, พาราเบน, น้ำหอม หรือฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสารเคมีที่คุณควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด เนื่องจากการใช้สารเคมีเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ แต่มันจะไม่ออกอาการในทันทีมันจะส่งผลแต่ในระยะยาว ดังนั้นทางที่ดีไม่ควรพึ่งพาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ค่ะ