แชมพูสำหรับผมทำสี ยี่ห้อไหนดี – บำรุงผมให้นุ่มสลวย สีผมเงางาม ไม่ซีดจาง

แชมพูสำหรับผมทำสี ที่ดีที่สุด
แชมพูสำหรับผมทำสี ที่ดีที่สุด

แน่นอนค่ะว่า ผู้หญิงเกือบทุกคนชื่นชอบ การทำสีผม เพราะการทำสีผมเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้เราอย่างหนึ่ง ซึ่งสีผมที่สวยงาม จะทำให้เราดูโดดเด่น น่าสนใจ และขับสีผิวของเราให้ดูสว่างขึ้น ถึงแม้ว่าผมที่ทำสีจะดูสวยงาม แต่เราจำเป็นต้องดูแลเส้นผมที่ผ่านการทำสีเป็นพิเศษ เนื่องจากการทำสีผมต้องผ่านกระบวนการทางสารเคมีมาในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการฟอกสีผม ซึ่งแน่นอนสารเคมีสามารถทำลายเส้นผมของคุณได้ เส้นผมที่ผ่านการทำเคมีมา จะเกิดความแห้งเสีย, ชี้ฟู, แตกปลาย และไม่มีน้ำหนัก ดังนั้นในการดูแลเส้นผม สิ่งที่คุณต้องทำเป็นประจำคือ การสระผม ค่ะ แต่คุณไม่สามารถใช้แชมพูขจัดรังแคธรรมดา ๆ กับผมที่ทำสีได้ เพราะสีผมที่ทำมาอาจหลุดลอกเร็วขึ้นได้ และนอกจากการสระผมแล้ว การสัมผัสกับแสงยูวีก็อาจจะทำให้สีผมซีดจางลงได้เช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อดูแลสีผม เราขอแนะนำให้คุณใช้ “แชมพูสำหรับผมทำสี” โดยเฉพาะค่ะ

แชมพูสำหรับผมทำสี เป็นแชมพูสูตรพิเศษที่อ่อนโยนต่อผมที่ทำสีเป็นอย่างมากค่ะ เนื่องจากมันไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสีผม ทำให้แชมพูชนิดนี้ปลอดภัยต่อสีผม ช่วยปกป้องการซีดจาง และปกป้องผมที่ผ่านการทำสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางามและเปล่งประกายมากขึ้น แชมพูชนิดนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุสีผมของคุณ แต่ยังอ่อนโยนพอที่รักษาหนังศีรษะและเส้นผมที่ได้รับความเสียหายจากกระบวนการย้อมผมด้วยสารเคมีอีกด้วย

ในปัจจุบันแชมพูสำหรับผมทำสีหาซื้อได้ไม่ยากค่ะ แต่ถ้าจะเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพจริง ๆ อาจจะเลือกยากไปเสียหน่อย แต่เพื่อช่วยเหลือคุณวันนี้เราได้ทำการรวบรวม แชมพูสำหรับผมทำสี ที่ดีที่สุด มาแนะนำกันค่ะ

แชมพูสำหรับผมทำสี ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ?

[summary item=”5834,5836,5838,5840,5842,5844″]

[product_table item=”5834,5836,5838,5840,5842,5844″]

เคล็ดลับในการเลือกซื้อ แชมพูสำหรับผมทำสี

1. ประเภทของเส้นผม

คุณสามารถรักษาสีผมและเลือกแชมพูเพื่อการปกป้องสีผมได้ แต่ในการเลือกซื้อคุณควรพิจารณาประเภทของเส้นผมด้วย แชมพูที่คุณเลือกควรมีประโยชน์ต่อเส้นผมของคุณควบคู่ไปกับการปกป้องสีผมของคุณ หากคุณมีผมหยิก ผมแห้ง ผมชี้ฟู ผมตรงหรือผมเสีย ให้คุณพิจารณาเสมอว่า ในขณะที่ซื้อแชมพูของคุณ แชมพูควรรักษาสีผมของคุณได้และต้องเหมาะกับสภาพเส้นผมของคุณด้วย

2. ปราศจากซัลเฟต

ซัลเฟต นั้น ไม่เหมาะกับเส้นผมของคุณค่ะ ดังนั้นการเลือกแชมพูที่ปราศจากซัลเฟต จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเส้นผมของคุณ ซึ่งแชมพูที่ไม่มีซัลเฟตจะเหมาะสำหรับทุกสภาพผมค่ะ ปกติแล้วซัลเฟตจะไม่ส่งผลดีต่อเส้นผมของคุณ เพราะซัลเฟตเป็นสารเคมีชนิดรุนแรงที่ทำให้ผมแห้ง และยังทำลายสีผมได้ โดยการทำให้สีผมซีดจางเร็วกว่าปกติ หากคุณทำสีผมมาให้เลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีซัลเฟต เพราะจะลดความเงางามและความสวยงามเส้นผมโดยการทำให้ชั้นหนังกำพร้าของเส้นผมหยาบขึ้น

3. ให้ความชุ่มชื้นกับเส้นผม

การทำสีผม จะทำให้ผมได้รับสารเคมีและอาจทำให้เส้นผมอ่อนแอมากขึ้น ผมที่ผ่านการทำสีต้องการการป้องกัน และการดูแลมากขึ้น ดังนั้นแชมพูสำหรับผมทำสีที่คุณเลือกควรมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น ซึ่งให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมเพื่อป้องกันความเสียหาย ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของเส้นผมและทำให้เส้นผมนุ่มขึ้น ขอบอกเลยว่าความชื้นจะช่วยรักษาสีผมที่สดใส และปรับปรุงสุขภาพผมโดยทั่ว ๆ ไป ถ้าแชมพูของคุณมีมอยส์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ หรือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น มันจะเป็นประโยชน์กับคุณทุกครั้งที่สระผมค่ะ คุณควรจำไว้ว่าไม่ว่าเส้นผมของคุณจะสุขภาพดีแค่ไหนก็ต้องการการบำรุงเสมอค่ะ

4. คุณสมบัติป้องกันสีผม

นี่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่แชมพูต้องมี แชมพูควรปกป้องสีผมของคุณ เพื่อให้สีผมติดอยู่ได้นาน แชมพูควรมีสารให้ความชุ่มชื้นและโปรตีนมากเป็นพิเศษ ซึ่งจำเป็นเพราะส่วนผสมเหล่านี้ สามารถปิดหนังกำพร้าของเส้นผมได้ โดยส่วนผสมเหล่านี้จะขัดขวางการรั่วไหลของเม็ดสี ซึ่งจะบล็อกสีบนเส้นผม ไม่ให้ซีดจาง และช่วยทำให้สีผมอยู่ได้นานขึ้น ปกติแชมพูรักษาสีผมได้รับการออกแบบมาอย่างชัดเจน เพื่อปกป้อง และปรับปรุงสีผม แต่นอกจากนี้แชมพูควรเพิ่มความเปล่งประกายของสีผมด้วย เพื่อให้สีผมสวยเงางามทุกวันนั่นเองค่ะ

5. ฟิลเตอร์ป้องกันยูวี

สีผมของคุณจะจางลงเร็วมากถ้าหากโดนแสงแดดโดยตรง ซึ่งการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงหมายถึง การสัมผัสกับรังสียูวี และมลภาวะที่เป็นอันตรายอื่น ๆ โดยตรง ขนาดผิวหนังยังไหม้แดดได้เลย แล้วเส้นผมจะไปเหลืออะไรล่ะคะ ? เพราะฉะนั้นแชมพูรักษาสีผมจำเป็นจะต้องปกป้องเส้นผมของคุณจากรังสียูวี เช่นเดียวกับครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า หรือโลชั่นกันแดดการที่แชมพูมีตัวกรองรังสียูวีจะสามารถช่วยให้คุณป้องกันรังสียูวีและมลภาวะอื่น ๆ ที่สามารถทำลายเส้นผมได้ดีมากๆ ส่วนใหญ่แชมพูรักษาสีผมมีส่วนผสมเหล่านี้อยู่แล้ว แต่คุณควรเช็กให้ดีก่อนซื้อค่ะ

6. ไม่มีสารเคมีรุนแรง

สารเคมี สามารถทำให้เส้นผมเสียได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อปกป้องสีผมของคุณทั้งหมดควรปลอดภัยและคุณไม่ควรใช้สารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ซัลเฟต, พาราเบน, แอลกอฮอล์, เกลือ หรือแม้แต่น้ำหอมเทียม เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผมแห้ง และสีจางลง สารเคมีจะลอกสีและความชื้นออกขณะทำความสะอาดเส้นผมและยังไม่รักษาสมดุลค่า pH ที่ต้องการ ฉะนั้นในการเลือกซื้อแชมพูควรเลือกแชมพูที่ทำความสะอาด และปกป้องเส้นผมของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ

เคล็ดลับในการดูแลผมที่ผ่านการทำสี

แม้ว่าการเลือกแชมพูที่ดีจะช่วยแก้ปัญหาสีผมที่ซีดจางได้ แต่คุณควรหาเคล็ดลับเพิ่มเติมที่จะช่วยปรับปรุงเส้นผม การดูแลเส้นผมเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ควรละเลยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป เช่น การใช้สีย้อมผมที่ปราศจากแอมโมเนีย การปรับปรุงและให้ความสำคัญกับปัญหานี้สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากต่อคุณภาพผมของคุณ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับ และเทคนิคในการรักษาสีผมของคุณให้ดูดียิ่งขึ้นค่ะ

  • หลังเปลี่ยนสีผมห้ามสระผม : หลังจากทำสีผมแล้วอย่าเพิ่งรีบสระผม เพราะหนังกำพร้าในเส้นผมบางส่วนอาจเปิดออกได้ในระหว่างการทำสีผม และหนังกำพร้าแบบเปิดเหล่านี้จะอ่อนไหวต่อการซีดจางของสีผม ทางที่ดีไม่ควรสระผม 72 ชั่วโมงหลังทำสีค่ะ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเวลารอให้หนังกำพร้าผมปิดสนิท ดังนั้นความเสี่ยงที่จะทำให้ผมซีดจางจะมีน้อยลงมาก ๆ ค่ะ
  • อย่าสระผมบ่อยเกินไป : การสระผมบ่อยครั้งจะทำให้ผมสัมผัสกับแชมพูและน้ำ ทำให้ความเสี่ยงที่ผมจะซีดจางจึงเพิ่มขึ้น ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุด ควรสระผมเท่าที่จำเป็นค่ะ หากเส้นผมของคุณไม่มันมากเกินไปก็ไม่ควรสระผมระหว่างนั้น ให้เลือกใช้ดรายแชมพูแทน เพราะดรายแชมพูจะช่วยลดการสระผมได้ดีและทำให้เส้นผมอยู่ได้นานขึ้น
  • อุณหภูมิของน้ำ : ห้ามสระผมกับน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน เพราะมันจะทำให้หนังกำพร้าของผมอ่อนแอมากขึ้น และทำให้เส้นผมมีแนวโน้มที่จะสีหลุดลอกมากขึ้น เราขอแนะนำให้ลดอุณหภูมิของน้ำขณะอาบน้ำ เพราะน้ำร้อนไม่ดีกับผมที่แห้งหรือชี้ฟู เพราะมันจะเอาความชื้นในเส้นผมของคุณออกไป เราขอแนะนำให้คุณใช้น้ำเย็นเพื่อล้างเส้นผมของคุณเพราะมันสามารถรักษาสภาพเส้นผมและหนังศีรษะได้ดีมาก ๆ ค่ะ