เซรั่มสำหรับกลางคืน (Night Serum) ยี่ห้อไหนดี – บำรุงผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ มีออร่า รู้สึกสดชื่นในทุกเช้า

เซรั่มสำหรับกลางคืน (Night Serum) ที่ดีที่สุด
เซรั่มสำหรับกลางคืน (Night Serum) ที่ดีที่สุด

เรื่องของ ผิวพรรณ เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ ซึ่งแน่นอนเราต้องบำรุงผิวทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของเราได้รับความเสียหายจากมลภาวะ และแสงแดดค่ะ ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องใช้สกินแคร์ เพื่อให้ผิวของเราได้รับการดูแลอย่างถูกต้องค่ะ โดยสิ่งที่คุณต้องมีเลย ก็คือ เซรั่ม ค่ะ ซึ่งถือเป็นสกินแคร์สูตรเข้มข้น ที่สามารถบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก และเราจำเป็นต้องทาเป็นประจำค่ะ เพื่อให้ผิวได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่นอกจากเซรั่มกลางวันแล้ว “เซรั่มสำหรับกลางคืน (Night Serum)” ก็ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ

เซรั่มสำหรับกลางคืน อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมคุณภาพสูง และเข้มข้นมากเป็นพิเศษค่ะ สามารถรังสรรค์คุณประโยชน์ให้กับผิว ในขณะนอนหลับได้ดีมาก ๆ นอกเหนือจากขั้นตอนการดูแลผิว 3 ขั้นตอนแล้ว (ทำความสะอาด, ปรับสีผิว และการให้ความชุ่มชื้น) คุณสามารถใช้เซรั่มเพื่อจัดการกับปัญหาผิวที่เฉพาะเจาะจงได้ ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบ ผิวไม่สม่ำเสมอ รวมไปถึงสัญญาณของวัยค่ะ ในวันนี้เราอยากเอาใจทุกคน ด้วยการแนะนำ เซรั่มสำหรับกลางคืน ที่ดีที่สุดกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

เซรั่มสำหรับกลางคืน ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ?

[summary item=”7134,7138,7136,7140,7143,7145″]

เซรั่มสำหรับกลางคืน (Night Serum) คืออะไร?

เซรั่มสำหรับกลางคืน (Night Serum) เป็นเซรั่มดูแลผิวที่เราต้องทาหลังจากทำความสะอาด, ปรับสภาพผิว และต้องใช้ก่อนทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งปกติแล้วเซรั่มจะมีทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ แต่เซรั่มแบบกลางคืนจะมีส่วนผสมที่เข้มข้น ซึ่งทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเวลากลางคืน ขอบอกเลยนะคะว่า เซรั่มสำหรับกลางคืนมีประโยชน์มาก เพราะการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า การสร้างเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นในเวลากลางคืนค่ะ (1) ซึ่งหมายความว่า การต่ออายุผิวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่คุณนอนหลับ

เซรั่มกลางคืนมีสูตรเข้มข้นมาก โดยจะมีส่วนผสมของวิตามินซี, วิตามินอี, กรดไฮยาลูโรนิก, กรดไกลโคลิก และเรตินอลค่ะ นอกเหนือจากการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวของเราแล้ว เซรั่มยังช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ รอยดำ และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นหลังจากที่คุณดูแลผิวด้วยเซรั่มกลางคืนแล้ว ให้นอนหลับก่อนเที่ยงคืน และคุณจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับผิวที่สดชื่นอย่างแน่นอนค่ะ

[product_table item=”7134,7136,7138,7140,7143,7145″ info=”1″]

เคล็ดลับในการเลือกซื้อเซรั่มสำหรับกลางคืน

1. ชนิดของเซรั่ม

เซรั่มมีประโยชน์ต่อผิวเพราะมีน้ำหนักเบาและซึมซาบเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นความเข้มข้นของส่วนผสมทำให้เราสามารถกำหนดเป้าหมายปัญหาผิวเฉพาะได้ค่ะ ตัวอย่างเช่น เซรั่มให้ความชุ่มชื้น จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ ในขณะที่เซรั่มที่เพิ่มความกระจ่างใส จะช่วยเพิ่มความกระจ่างใสของผิวและขจัดรอยสิว ส่วนเซรั่มสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระและสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นให้เลือก เซรั่มลดริ้วรอย สุดท้ายนี้จะเป็นเซรั่มที่เหมาะกับคนแพ้ง่ายโดยจะเรียกว่า เซรั่มบรรเทาการระคายเคือง ที่สามารถช่วยลดการระคายเคืองผิวหนังและรอยแดงได้

2. เช็กส่วนผสมและสูตรของเซรั่ม

  • กรดไกลโคลิก วิตามินซี และเรสเวอราทรอล (เพื่อลดรอยดำ) : เซรั่มกรดไกลโคลิกสามารถลดรอยดำและปรับปรุงคุณภาพของผิวได้ เมื่อผสมกับวิตามินซีจะทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับรูขุมขน และยังมีประสิทธิภาพในการลดการผลิตเมลานินอีกด้วย ในขณะเดียวกันหากเซรั่มมีส่วนผสมของสารเรสเวอราทรอลสามารถรักษารอยดำและฝ้าได้ และหากทาเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ส่วนผสมทั้งสองจะสามารถลดการสร้างเม็ดสีที่เกิดจากแสงแดดได้ค่ะ
  • เรตินอล และไนอะซินาไมด์ (เพื่อลดริ้วรอย) : เรตินอลเป็นสารต่อต้านริ้วรอย และเป็นวิตามินเอ รูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะมีความสามารถในการจัดการกับความเสียหายจากแสงแดด อีกทั้งเรตินอลยังสามารถช่วยในการลดการปรากฏของริ้วรอย ผิวกระจ่างใส และปรับปรุงผิวให้เรียบเนียน ในขณะเดียวกันไนอาซินาไมด์ช่วยกระตุ้นการผลิตกรดไขมันและเซราไมด์ของผิว ดังนั้นเมื่อรวมผสมกับเรตินอลจะเสริมความแข็งแรงของผิวค่ะ
  • สารต้านอนุมูลอิสระจากพืช (เพื่อฟื้นฟูผิว) : แบรนด์ระดับพรีเมียมอย่าง Estée Lauder, L’Occitane และ Kiehl’s ได้คิดค้นเซรั่มขึ้นจากสารสกัดจากพืช เพราะส่วนผสมที่ได้จากพืช จะให้ประโยชน์เยอะมาก ๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะลดริ้วรอยแล้ว ยังเน้นการให้ความชุ่มชื้นซึ่งเหมาะสำหรับผิวหมองคล้ำและผิวแห้ง ตัวอย่างเช่น น้ำมันดอกกุหลาบ อีฟนิ่งไพรม์ สามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวได้ดี ส่วนน้ำมันลาเวนเดอร์ ช่วยในเรื่องความกระจ่างใสของผิวและช่วยลดจุดด่างดำ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ สารสกัดจากชาดำเข้มข้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เพราะมีส่วนผสมที่มีศักยภาพในการรีเซตผิวหมองคล้ำและแห้งค่ะ

3. ตรวจสอบความเข้มข้นของเซรั่ม

  • วิตามินซีให้เลือกความเข้มข้น 10% ถึง 20% : วิตามินซีระดับความเข้มข้น 10% ถึง 20% จะมีประสิทธิภาพมาก แต่หากคุณมีผิวบอบบางและแห้งคุณอาจจะต้องลดให้เหลือ 5% – 8% เพราะปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ค่ะ แต่ถ้าคุณใช้วิตามินซีผ่านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่นๆ อยู่แล้วและไม่มีปัญหาผิวที่รุนแรงคุณสามารถลองใช้วิตามินซีที่มีความเข้มข้นที่ 10% หรือ 20% ก็ได้ค่ะ
  • เรตินอลให้เลือกความเข้มข้น 2.0% : เรตินอลมีประโยชน์ในการลดริ้วรอย ความเข้มข้นของเรตินอลสูงสุดจะอยู่ที่ 2.0% และ 0.1% จะเป็นค่าความเข้มข้นต่ำสุด ดังนั้นโปรดตรวจสอบฉลากและให้เริ่มใช้ที่ความเข้มข้นต่ำก่อน เพราะการใช้เรตินอลที่มากเกินไปสามารถทำลายเกราะป้องกันผิวของคุณ และอาจทำให้เกิดรอยแดงรวมไปถึงปัญหาสิวได้
  • กรดไกลโคลิกให้เลือกความเข้มข้น 5% : กรดไกลโคลิกในรูปแบบเซรั่มจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นรวมทั้งรอยดำ หากคุณไม่เคยใช้กรดใด ๆ เลยให้เลือกความเข้มข้นต่ำที่ 5% ก็พอค่ะ
  • ไนอะซินาไมด์ให้เลือกความเข้มข้น 2% -10% : ไนอะซินาไมด์ช่วยให้ผิวของคุณกระจ่างใส อีกทั้งยังมีประโยชน์ในการต่อสู้กับสิวและรอยแดงที่เกิดจากสิว นอกจากนี้ยังรักษาสิวและควบคุมการผลิตน้ำมันของผิวได้ดีมาก หากไม่เคยใช้ไนอะซินาไมด์มาก่อนให้เริ่มใช้ที่ปริมาณ 2% แต่ถ้าคุณเคยใช้ไนอะซินาไมด์ มาแล้วสามารถเลือกซื้อที่ความเข้มข้น 10% ได้

4. หลีกเลี่ยงน้ำหอมและส่วนผสมที่เป็นอันตรายอื่น ๆ

ในการซื้อเซรั่มให้หลีกเลี่ยงเซรั่มที่มีน้ำหอม เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้ แนะนำให้ซื้อเซรั่มที่มีกลิ่นธรรมชาติที่ได้มาจากสารสกัดจากพืช นอกจากนี้ให้ หลีกเลี่ยงน้ำมันแร่ เพราะน้ำแร่เป็นผลพลอยได้จากปิโตรเลียมที่สามารถอุดตันรูขุมขนและขจัดความสามารถของผิวในการกำจัดสารพิษ ถ้าน้ำมันแร่สะสมจะทำให้เกิดสิวได้ โดยทั่วไปแล้วเซรั่มที่มีส่วนผสมเทียมหรือสารสังเคราะห์ ควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรซื้อค่ะ เพราะการป้องกันดีกว่าการแก้ไขเสมอ


อ้างอิง 

(1) Epidermal stem cells ride the circadian wave