ทำความรู้จักกับประเภทของอาหารมังสวิรัติ
“อาหารมังสวิรัติ” ถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่หลายคนนิยมมาก เพราะเชื่อกันว่าการทานอาหารมังสวิรัติจะทำให้สุขภาพดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้เป็นจำนวนมากด้วย ตามที่เราได้บอกไว้ว่า การทานอาหารมังสวิรัติได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนมักเลือกวิธีการทานนี้โดยเน้นที่การกินอาหารจากพืชมากกว่าอาหารจากสัตว์ มีหลายเหตุผลที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเลือกรับประทานอาหารมังสวิรัติ และแนวทางการรับประทานอาหารอาหารมังสวิรัติก็มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบทความนี้จะกล่าวถึงอาหารมังสวิรัติ 6 แบบ ซึ่งรวมไปถึงอาหารที่ควรทานและหลีกเลี่ยงในแต่ละประเภท นอกจากนี้ยังสำรวจสาเหตุบางประการที่ทำให้ผู้คนเลือกรับประทานอาหารมังสวิรัติด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
ทำไมต้องทานอาหารมังสวิรัติ ?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมบางคนถึงเลือกทานอาหารมังสวิรัติ ปกติแล้วสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับสุขภาพส่วนบุคคล สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมและสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร จากการศึกษาพบว่า ผลิตภัณฑ์จากสัตว์โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงานให้อาหารสัตว์ขนาดใหญ่ (CAFOs) มักจะมีสารที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ยาปฏิชีวนะ ซึ่งการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์ อาจนำไปสู่การพัฒนาของแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะในมนุษย์ (1) และการวิจัยก็ยังแสดงให้เห็นประโยชน์ต่อสุขภาพส่วนบุคคลของอาหารมังสวิรัติที่วางแผนมาอย่างดีและมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ อาหารเหล่านี้สามารถสนับสนุนการลดน้ำหนัก และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน และโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง (2),(3),(4),(5)
ในแง่สิ่งแวดล้อม หลาย ๆ คนเลือกที่จะไม่สนับสนุนการเกษตรเชิงอุตสาหกรรม เนื่องจากผลกระทบด้านลบ ต่อดิน น้ำ และอากาศ (1),(6),(7) ตัวอย่างเช่น ปุ๋ยคอกและสารเคมีสามารถลงไปปนเปื้อนน้ำชั้นใต้ดินได้ สิ่งเหล่านี้อาจเดินทางไปสู่มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และนำไปสู่การทำให้สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ล้มตายเป็นจำนวนมาก พื้นที่ในมหาสมุทรที่ชีวิตส่วนใหญ่หายไปเนื่องจากขาดออกซิเจน (8) นอกจากนี้ CAFO และสัตว์ต่าง ๆ ยังคงสร้างก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งมีเทน ไนตรัสออกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย สิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (9),(10) บางคนเลือกรับประทานอาหารมังสวิรัติเพื่อสนับสนุนสวัสดิภาพสัตว์ และสอดคล้องกับจริยธรรมส่วนบุคคล
ผู้คนยังมีข้อกังวลด้านจริยธรรมกับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม เช่น การนำนมจากโคจากแม่โคที่เพิ่งคลอดลูกออกมาและพวกเขาจะแยกแม่โคออกจากลูกโคหลังคลอดได้ไม่นาน (11) ทำให้บางคนมองว่าอาหารมังสวิรัตินั้นคุ้มค่ากว่าสำหรับครอบครัวของพวกมันเองก็อาจเพียงแค่ชอบรสชาติของอาหารจากพืชมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์บางชนิด ความหลากหลายของอาหารมังสวิรัติช่วยให้คุณเลือกวิธีการรับประทานอาหารที่สอดคล้องกับจริยธรรมและเป้าหมายของคุณได้ดีที่สุด ต่อไปเราไปทำความรู้จักกับประเภทของอาหารมังสวิรัติกันค่ะ
1. อาหารมังสวิรัติแบบ Lacto-ovo
บางคนคิดว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติแบบ Lacto-ovo เป็นอาหารมังสวิรัติแบบดั้งเดิมมากที่สุด การรับประทานอาหารมังสวิรัติในรูปแบบนี้ คุณจะไม่กินเนื้อสัตว์หรือปลา แต่ยังคงทานไข่และผลิตภัณฑ์จากนมได้ คำว่า Lacto-ovo สามารถแยกออกมาได้เป็นความหมายดังนี้ “Lacto (แลคโต)” หมายถึง นมวัวหรือผลิตภัณฑ์นมและมาจากคำภาษาละตินคือคำว่า Lac ซึ่งหมายถึงนมซึ่งมีเพียงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัว และมนุษย์เท่านั้น ที่สามารถผลิตน้ำนมได้ ส่วนคำว่า “ovo” หมายถึงไข่และมาจากคำภาษาละตินคือคำว่า Ovum ซึ่งหมายถึงไข่ การรับประทานอาหารมังสวิรัติแบบ Lacto-ovo หมายถึงการรับประทาน ไข่ นม ชีส เนย โยเกิร์ต ซาวครีม ไอศกรีมและผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ ในอาหารของคุณ โดยไม่รวมเนื้อสัตว์ที่มาจากสัตว์ทั้งหมด เช่น เนื้อวัว ปลา ไก่ และเนื้อหมู บางคนมีเหตุผลทางศาสนา หรือวัฒนธรรมในการเลือกทานมังสวิรัติในรูปแบบนี้ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธอาจปฏิบัติตามการทานอาหารแต่ละประเภท (12),(13)
2. อาหารมังสวิรัติแบบ Lacto
อาหารมังสวิรัติแบบ Lacto เป็นอาหารจากพืชที่มีผลิตภัณฑ์นมเพราะมีคำนำหน้าว่า “Lacto” ให้เห็น การทานอาหารมังสวิรัติในรูปแบบนี้รวมถึงการทานผลิตภัณฑ์นม เช่น นมวัว และอาหารที่ทำจากนม ซึ่งอาจรวมถึงชีส เนย ครีมเปรี้ยว โยเกิร์ต และไอศกรีม แต่ไม่รวมเนื้อสัตว์ทั้งหมด เช่น เนื้อวัว หมู ไก่ และปลา นอกจากนี้ยังไม่รวมไข่ด้วย เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารแบบ Lacto-ovo บางคนอาจมีเหตุผลทางศาสนา หรือวัฒนธรรมในการทานอาหารนี้ และการทานอาหารรูปแบบนี้เป็นเรื่องปกติในหมู่ผู้ที่นับถือศาสนาเชน ฮินดู และพุทธ (12),(13)
3. อาหารมังสวิรัติแบบ Ovo
อาหารมังสวิรัติแบบ Ovo เป็นอาหารมังสวิรัติที่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์นมแต่ทานไข่ ไข่เป็นอาหารมื้อหลักของมังสวิรัติแบบนี้ นอกเหนือจากเนื้อสัตว์และปลาแล้ว อาหารมังสวิรัติแบบนี้ยังหลีกเลี่ยงการทานผลิตภัณฑ์นม เช่น นมวัว ชีส เนย ครีมเปรี้ยว โยเกิร์ตและไอศกรีมด้วย อย่างไรก็ตามคนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบนี้จะทานอาหารประเภทไข่ เช่น ไข่คน ไข่ลวกและไข่เจียว นอกจากนี้ยังทานอาหารที่ใช้ไข่ในการอบ เช่น ในมัฟฟิน เค้กและขนมปังได้
4. อาหารแบบยืดหยุ่น (Flexitarian)
อาหารแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าอาหารเจหรือมังสวิรัติ คำว่า “Flexi” คือการเน้นประโยชน์ของอาหารจากพืชในขณะที่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในปริมาณเล็กน้อย วิธีการกินแบบนี้ต้องใช้วิธีการกินที่เน้นพืชเป็นหลัก แต่รวมถึงเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ เช่น ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณที่พอเหมาะ หลักการสำคัญของการรับประทานอาหารแบบยืดหยุ่น ได้แก่ การกินอาหารจากพืชเป็นส่วนใหญ่ ต้องได้รับโปรตีนจากพืชมากที่สุดแทนที่จะเป็นสัตว์ การจำกัดน้ำตาล และอาหารแปรรูปหากเป็นไปได้ และผสมเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นบางครั้ง ในทางเทคนิคแล้วการทานอาหารแบบยืดหยุ่นจะไม่ถือว่าเป็นมังสวิรัติ เพราะบางครั้งพวกเขายังคงกินเนื้อสัตว์ด้วย (14) แต่การออกแบบอาหารให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนขึ้นอยู่กับสไตล์การทานด้วย
5. อาหารแบบเพสคาทาเรียน (Pescatarian)
อาหารแบบเพสคาทาเรียน (Pescatarian) เป็นอาหารจากพืชที่มีปลา คำนำหน้าว่า “Pesca” มาจากคำภาษาอิตาลีซึ่งหมายถึงปลา แม้ว่าผู้ที่รับประทานอาหารแบบเพสคาทาเรียนจะกินอาหารที่ทำจากปลา เช่น ปลาทูน่า ฮาลิบัต แซลมอนหรือซูชิและมักจะหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์อื่น ๆ เช่น เนื้อวัว ไก่ หรือหมู อาหารประเภทเพสคาทาเรียนรวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม และไข่มีแนวโน้มแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาหารแบบเพสคาทาเรียนมีประโยชน์มากเพราะเราจะได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพจากปลาและอาหารทะเล (15)
6. อาหารมังสวิรัติแบบต้นตำรับ
อาหารมังสวิรัติแบบต้นตำรับเป็นการทานอาหารที่หลีกเลี่ยงการทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์รวมทั้งเนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์นมและไข่ บางคนที่ทานอาหารวีแกนก็เลือกที่จะไม่ทานน้ำผึ้งเพราะมันผลิตโดยผึ้ง จริยธรรมเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมคนบางคนจึงเลือกรับประทานอาหารมังสวิรัติ อาหารมังสวิรัติมีพื้นฐานมาจากอาหารจากพืชเท่านั้น ซึ่งรวมถึง ผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่ว เมล็ดเจีย เมล็ดพืชและพืชตระกูลถั่วรวมทั้งถั่วและถั่วเลนทิล ซึ่งหลาย ๆ อย่างเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เก็บไว้ได้นาน อาหารมังสวิรัติอาจใช้ทางเลือกจากพืชแทนผลิตภัณฑ์จากสัตว์แบบดั้งเดิม เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนมจากพืช ไข่จากพืชทดแทนและเนื้อสัตว์ทดแทนจากพืช เช่น เต้าหู้ เทมเป้ เซตัน และขนุน คนที่รับประทานอาหารมังสวิรัติอาจหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เช่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า และรองเท้า ซึ่งใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์หรือได้รับการทดสอบกับสัตว์แล้ว อาหารมังสวิรัติมีแนวโน้มที่จะมีสารอาหารบางอย่างต่ำ ด้วยเหตุผลนี้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพมักแนะนำให้ผู้ทานมังสวิรัติทานวิตามิน และแร่ธาตุเสริม เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก ไขมันโอเมก้า-3 สังกะสี และอื่น ๆ
เราควรเลือกทานอาหารมังสวิรัติอย่างไร ?
เมื่อเลือกรูปแบบอาหารมังสวิรัติที่เหมาะกับคุณ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความยั่งยืน ต้นทุน และคุณภาพทางโภชนาการ นอกจากนี้การพิจารณาว่ารูปแบบใดที่สอดคล้องกับค่านิยมและเป้าหมายส่วนบุคคลของคุณมากที่สุดเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาว่ารูปแบบดังกล่าวจะยั่งยืนสำหรับคุณเพียงใด หากวิธีการรับประทานอาหารไม่เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณและไม่สอดคล้องกับสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ คุณก็จะรักษาความสม่ำเสมอไว้ได้ยากกว่ามาก สิ่งที่ดีเกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติทุกประเภทคือคุณสามารถทดลองกับอาหารหลากหลายรูปแบบและปรับเปลี่ยนตามนั้นจนกว่าคุณจะพบว่ารูปแบบอาหารใดเหมาะกับคุณ
อ้างอิง
(2) Vegetarian diets, low-meat diets and health: a review
(3) Vegetarian Diets and Weight Reduction: a Meta-Analysis of Randomized Controlled Trials
(4) Vegetarian diet, change in dietary patterns, and diabetes risk: a prospective study
(6) Watershed Sediment Losses to Lakes Accelerating Despite Agricultural Soil Conservation Efforts
(7) Environmental health effects of concentrated animal feeding operations: implications for nurses
(8) Declining oxygen in the global ocean and coastal waters
(10) Climate Change and Professional Responsibility: A Declaration of Helsinki for Engineers
(11) Views on contentious practices in dairy farming: the case of early cow-calf separation
(12) Vegetarian nutrition: past, present, future
(13) Dietary restrictions: implications on medication choice
(14) Flexitarian Diets and Health: A Review of the Evidence-Based Literature
(15) Omega-3 polyunsaturated fatty acids and vegetarian diets