“กระทะ” เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เครื่องครัวที่สำคัญที่สุดค่ะ เพราะการมีกระทะไว้ในครัว ทำให้คุณสามารถทำอาหารได้ทุก ๆ ประเภท ซึ่งกระทะสามารถใช้ได้กับทั้ง เตาแก๊ส และเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้อย่างสะดวก เพื่อให้ความร้อนกับอาหารได้อย่างเหมาะสมค่ะ เราขอบอกเลยว่า หากคุณมีห้องครัว มีเตาแก๊ส แต่ไม่มีกระทะ การทำครัวก็ไร้ความหมายค่ะ อีกทั้งอาหารบางประเภทต้องใช้กระทะในการทำเท่านั้น อาหารที่เราพูดถึงก็คือ อาหารประเภททอด และผัดค่ะ เพราะกระทะสามารถรักษาความชื้นภายในของอาหารเหล่านี้ได้ดี ทั้งยังให้เนื้อสัมผัสที่กรอบ และอร่อยอีกด้วย
เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ คุณต้องไปสำรวจครัวของคุณแล้วล่ะค่ะว่า ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนกระทะใหม่แล้วหรือยัง? โดยกระทะที่ต้องเปลี่ยนใหม่คือ กระทะที่มีรอยรั่ว มีความบาง หรือกระทะที่ไม่ว่าจะทอดอะไรมันก็ติดกระทะไปหมด สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณทำอาหารได้ยากขึ้นค่ะ อย่างกระทะที่บาง มันก็จะควบคุมความร้อนได้ยากขึ้น ส่วนอาหารที่ติดกระทะ มันก็จะเละเทะจนดูไม่น่าทานค่ะ ฉะนั้นกระทะที่ดีจะต้องเป็นกระทะที่สามารถช่วยให้คุณปรุงอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้น ต้องมีความร้อนสม่ำเสมอ และไม่ติดกระทะ
ซึ่งในท้องตลาดปัจจุบันก็มีกระทะให้เราได้เลือกหลากหลายประเภทค่ะ ทั้ง กระทะสเตนเลส, กระทะเหล็กหล่อ, กระทะเทฟลอน รวมไปถึงกระทะทองเหลือง ในการเลือกใช้คุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการ และประเภทอาหารที่คุณจะทำค่ะ หากวันนี้คุณต้องการซื้อกระทะที่ดีที่สุด เราก็มีสินค้าและคำแนะนำในการเลือกซื้อกระทะมาฝากกันค่ะ
ซื้อ กระทะ ยี่ห้อไหนดี และเหมาะกับคุณ ปี 2021
- กระทะสเตนเลสคุณภาพสูง ไม่เป็นสนิม สามารถใช้ได้กับเตาทุกประเภท : Meyer Bella Classico กระทะสแตนเลส รุ่น 73921-T
- ผ่านการเคลือบด้วยหินอ่อน 10 ชั้น กระจายความร้อนได้เร็ว อาหารไม่ติดกระทะ: DREAM CHEF กระทะเคลือบหินอ่อน รุ่น PINK GOLD
- ดีไซน์สวยงาม ทนความร้อนได้สูงถึง 260 °C ใช้ทำอาหารได้ทุกประเภท: Meyer CAST-IRON กระทะเหล็กหล่อ รุ่น 48122-C
- อาหารไม่ติดกระทะ ใช้เทคโนโลยี Thermo Signal จุดกลางกระทะจะเป็นสีแดงเข้มเมื่อถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม: Tefal กระทะก้นลึก รุ่น G1431995
- ใช้เทคโนโลยี Forging ทำให้กระทะมีความแข็งแรง ทนทานกว่ากระทะแบบอื่นถึง 44 เท่า: Seagull กระทะเทฟลอน
- ให้ความร้อนสูง กระจายความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับใช้ทำอาหารหวาน: กระทะทองเหลืองทำมือ
กระทะมีกี่ประเภท มีความแตกต่างอะไรบ้าง ?
กระทะ เป็นอุปกรณ์เครื่องครัวที่มีหลากหลายประเภทมากค่ะ เพราะในท้องตลาดมีทั้ง กระทะทอด, กระทะย่าง, กระทะผัด ฯลฯ แต่ในวันนี้ข้อมูลที่เราจะมอบให้ เราจะขอแบ่งประเภทของกระทะจากวัสดุที่ใช้ผลิตค่ะ เพราะวัสดุหลักและวัสดุฐานของกระทะเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เนื่องจากวัสดุไม่เพียงแต่กำหนดคุณภาพ และความทนทานของกระทะเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการปรุงอาหารด้วยค่ะ ต่อไปนี้เราไปดูประเภทของวัสดุที่ใช้ทำกระทะกันค่ะว่า มีแบบใดบ้าง และแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
1. กระทะเหล็กหล่อ
เหล็กหล่อ เป็นวัสดุที่นำความร้อนได้ไม่ดีนักค่ะ ซึ่งหมายความว่า วัสดุชนิดนี้จะร้อนได้ช้า และเย็นตัวได้ช้าเช่นกัน แต่คุณลักษณะนี้ทำให้เหล็กหล่อเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้ทอด และย่างค่ะ เพราะเหล็กหล่อมีความทนทานมากเป็นพิเศษและจะไม่บิดงอเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ค่ะ
- ข้อดี : กระทะเหล็กหล่อมีราคาไม่แพง และมีความทนทานสูง นอกจากนี้ยังใช้งานได้หลากหลายและทนความร้อนสูง กระทะเหล็กหล่อขึ้นชื่อในเรื่องการเก็บความร้อนได้ดี ซึ่งช่วยให้ปรุงอาหารได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้นค่ะ
- จุดด้อย : ต้องใช้เทคนิคพิเศษเล็กน้อยในการทำความสะอาด และต้องใช้เวลาในการบำรุงรักษามากกว่าวัสดุอื่น ๆ กระทะเหล็กหล่อไม่เหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่เป็นกรด เพราะอาจจะทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดสนิมได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ
2.กระทะสเตนเลส
สเตนเลส เป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับนำมาใช้ทำเครื่องครัวค่ะ ซึ่งเราสามารถพบได้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น เครื่องปิ้งขนมปัง, เครื่องทำขนมปัง, เครื่องตีแป้ง, หม้ออบลมร้อน, หม้อตุ๋นไฟฟ้า, เตาปิ้งย่างไฟฟ้าไร้ควัน, เครื่องชงกาแฟสด ฯลฯ เนื่องจากสเตนเลสช่วยป้องกันการกัดกร่อนได้สูง มีความทนทาน และยังสวยงามอีกด้วย ในการเลือกซื้อกระทะสเตนเลสให้เลือกซื้อกระทะที่ทำจากสเตนเลส 18/10 เพราะวัสดุนี้จะไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารที่เป็นกรด หรือด่าง และจะไม่เกิดเป็นหลุมหรือรอยขีดข่วน นอกจากนี้สเตนเลสยังปลอดภัยสำหรับเครื่องล้างจานอีกด้วย
- ข้อดี : ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารจึงไม่ส่งผลต่อรสชาติอาหารของคุณ แม้ว่าจะปรุงอาหารด้วยส่วนผสมที่เป็นกรด หรือด่างก็ตาม กระทะสเตนเลสทำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับเครื่องล้างจานและใช้กับเตาอบได้ตราบใดที่กระทะมีหูจับเป็นสเตนเลสทั้งหมด
- จุดด้อย : กระจายความร้อนได้ไม่ดีนัก หากซื้อให้ซื้อกระทะสเตนเลสที่ผสมกับอะลูมิเนียม หรือทองแดง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้กระทะสเตนเลสนั้นทำความสะอาดได้ยากมากหากมีอาหารไหม้ติดกระทะค่ะ
3. กระทะเหล็กกล้าคาร์บอน
กระทะเหล็กคาร์บอน ทำจาก เหล็ก และคาร์บอน กระทะจะทนทานเหมือนเหล็กหล่อ แต่บางกว่ามาก กระทะประเภทนี้จะมีราคาถูกและทนทานมาก แต่อาจจะขึ้นสนิมได้ หากไม่ได้ทาน้ำมันเพื่อดูแลได้อย่างเหมาะสม กระทะแบบนี้ค่อนข้างหนักและให้ความร้อนช้าเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถทำปฏิกิริยากับอาหารที่มีความเป็นกรดสูงได้ แต่จุดเด่นก็คือกระทะแบบนี้เก็บความร้อนได้ดี ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการทำอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง
- ข้อดี : เช่นเดียวกับกระทะเหล็กหล่อ กระทะแบบนี้เก็บความร้อนได้ดี ซึ่งทำให้อาหารสุกทั่วถึง และเหมาะสำหรับการย่าง อย่างไรก็ตามกระทะแบบนี้มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กหล่อและอาหารจะยังไม่ติดกระทะหากผ่านการปรุงอย่างเหมาะสม
- จุดด้อย : ต้องใช้น้ำมันทาเพื่อรักษาประสิทธิภาพของกระทะ อีกทั้งการทำความสะอาดกระทะก็อาจจะยากเล็กน้อย ใช้ทำความสะอาดกับเครื่องล้างจานไม่ได้และคุณไม่ควรปรุงอาหารที่มีกรดเมื่อใช้กระทะเหล็กคาร์บอนค่ะ
4. กระทะทองเหลือง
ทองเหลือง เป็นตัวนำความร้อนที่ดีที่สุด สามารถให้ความร้อนอย่างรวดเร็ว และสม่ำเสมอ และตัวกระทะจะเย็นลงทันทีที่นำออกจากความร้อน ช่วยให้คุณควบคุมการใช้ความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กระทะทองเหลืองนั้น สามารถทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุธรรมชาติ และกรดของอาหารหลายชนิดได้ ซึ่งหมายความว่า สามารถเพิ่มสี และรสชาติให้กับอาหารหลายชนิด ด้วยเหตุผลดังกล่าว เครื่องครัว หรือกระทะที่ทำจากทองเหลืองส่วนใหญ่ จะต้องหุ้มด้วยโลหะที่ไม่ทำปฏิกิริยา เช่น ดีบุกหรือสเตนเลสเพื่อสร้างเกราะป้องกันที่ปลอดภัยในการทำอาหาร
- ข้อดี : มีคุณสมบัติเก็บความร้อนได้ดี และปรุงอาหารได้อย่างสม่ำเสมอ กระทะทองเหลืองเหมาะสำหรับการใช้ทำซอสและผัดมากเพราะรสชาติ และความสุกที่ได้จะมีความแม่นยำและอร่อยมากค่ะ
- จุดด้อย : ราคาสูง นอกจากนี้ยังต้องขัดด้วยมะนาว หรือน้ำส้มสายชู และเกลือ เพื่อให้กระทะอยู่ในสภาพดีเสมอ เช่นเดียวกับเหล็กหล่อค่ะ กระทะทองเหลืองจะทำปฏิกิริยากับอาหารที่เป็นกรดและด่างซึ่งหมายความว่า อาหารเหล่านั้นสามารถรับรสชาติของโลหะและดูดซับทองแดงในปริมาณเล็กน้อยได้
5. กระทะอะลูมิเนียม
อะลูมิเนียม เป็นวัสดุที่โดดเด่นในด้านการนำความร้อน มีราคาไม่แพง และเมื่อเสริมความแข็งแรงด้วยวัสดุอย่างแมกนีเซียม ทองแดง หรือโลหะอื่น ๆ แล้วจะทำให้เครื่องครัวมีน้ำหนักเบา และใช้งานได้ดีขึ้น แต่อะลูมิเนียมธรรมชาติจะทำปฏิกิริยากับอาหารที่เป็นกรดบางชนิด ซึ่งอาจจะได้กลิ่นโลหะ ดังนั้นหากต้องการซื้อกระทะอะลูมิเนียมให้ซื้อกระทะที่เคลือบด้วยสารเคลือบกันติด หุ้มด้วยสเตนเลสหรือผ่านการชุบอโนไดซ์ค่ะ
- ข้อดี : อะลูมิเนียมธรรมดามีน้ำหนักเบา และราคาไม่แพง เก็บความร้อนได้ดี อีกทั้งอะลูมิเนียมยังทนทานได้ดีกว่าและทนต่อการขีดข่วนได้ดีกว่าวัสดุทั่วไป
- จุดด้อย : อะลูมิเนียมมีความเหมือนกับทองแดงเพราะมันทำปฏิกิริยากับอาหารบางชนิด ซึ่งในการซื้อให้ซื้อกระทะที่ทำจากอะลูมิเนียมชุบอะโนไดซ์เพราะมีความทนทานกว่าแต่มีราคาแพงกว่าเช่นกัน
6. กระทะ Non – Stick
กระทะ Non – Stick เป็นกระทะที่ได้รับความนิยม เนื่องจากให้ความสะดวกสบายในการทำความสะอาดและยังสามารถใช้ปรุงอาหารเพื่อสุขภาพได้ สารป้องกันติดที่อยู่ในกระทะส่วนใหญ่ ทำให้เราแทบจะไม่ต้องใช้น้ำมันในการปรุงอาหารเลย แต่ในการใช้งานควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะพื้นผิวแบบ Non – Stick จะทำงานได้ดีเมื่อพื้นผิวไม่บุบสลาย แต่เมื่อมีรอยขีดข่วนหรือรอยถลอกประสิทธิภาพก็จะลดลงเรื่อย ๆ หากเลือกซื้อกระทะแบบ Non – Stick เช่น เทฟลอน แนะนำให้ใช้ร่วมกับไม้พาย หรือตะหลิวจากวัสดุที่ปลอดภัยต่อความร้อน เช่น ไนลอนแบบแข็ง ซิลิโคน หรือไม้ค่ะ
- ข้อดี : ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดคือ อาหารจะไม่ติดกระทะ วัสดุทำความสะอาดง่าย และใช้น้ำมันน้อยลงในการปรุงอาหารเนื่องจากมีการเคลือบผิวแบบเรียบค่ะ
- จุดด้อย : เมื่อเป็นวัสดุที่เคลือบการใช้ความร้อนสูงจะทำให้อาหารสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นพิษ ดังนั้นเมื่อใช้งานให้หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนโดยไม่ใช้น้ำมันและอย่าใช้ความร้อนสูงเกินไปค่ะ
7. กระทะเซรามิก
เซรามิก เป็นวัสดุที่จะไม่ติดกระทะ (Non – Stick) และเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด แต่เราขอย้ำอีกครั้งเลยว่าอย่าใช้ความร้อนสูง เมื่อใช้เครื่องครัวเซรามิก เนื่องจากจะส่งผลต่อการใช้งานกระทะในระยะยาว หากคุณปรุงอาหารด้วยน้ำมันสิ่งสำคัญคือ ต้องล้างน้ำมันที่ผ่านการทำอาหารทั้งหมดออกหลังจากใช้งานแต่ละครั้ง มิฉะนั้นชั้นของน้ำมันจะก่อตัวขึ้น ทำให้คุณสมบัติ Non – Stick ของกระทะลดลง
- ข้อดี : ไม่ติดกระทะและแม้ว่า จะไม่ติดกระทะเหมือนกระทะ Non – Stick ทั่วไป แต่กระทะเซรามิกนั้นจะปราศจากสารเคมีเช่น PTFE และ PFOA ซึ่งจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
- จุดด้อย : คุณภาพ Non – Stick ของกระทะเซรามิกอาจจางลงเมื่อเวลาผ่านไปและไม่สามารถทำความสะอาดด้วยเครื่องล้างจานได้ค่ะ
** หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้ในการเลือกเครื่องครัวประเภทอื่นนอกจากกระทะได้เช่นกัน
Meyer Bella Classico กระทะสแตนเลส รุ่น 73921-T
กระทะสเตนเลสคุณภาพสูง ไม่เป็นสนิม สามารถใช้ได้กับเตาทุกประเภท
ราคา 782 บาท*
ข้อมูลสินค้า
เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะ : 24 ซม.
วัสดุของกระทะ : สเตนเลส
ขนาดโดยรวมของกระทะ : 25 x 43.5 x 9.8 ซม.
เตาที่สามารถใช้ได้ : เตาทุกประเภทรวมทั้งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เหตุผลที่ควรซื้อ
- ด้ามจับกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เย็นเมื่อสัมผัส
- มาพร้อมหมุดยึดแบบสเตนเลสและขายึดที่แน่นหนาทำให้มีความทนทานสูง
- ใช้ได้กับเตาทุกประเภทรวมถึงเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
- มาพร้อมกับการรับประกันสินค้าที่ยาวนาน
ข้อควรพิจารณา
หากใช้ร่วมกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าความร้อนจะกระจายตัวได้ช้า
DREAM CHEF กระทะเคลือบหินอ่อน รุ่น PINK GOLD
ผ่านการเคลือบด้วยหินอ่อน 10 ชั้น กระจายความร้อนได้เร็ว อาหารไม่ติดกระทะ
ราคา 1,290 บาท*
ข้อมูลสินค้า
เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะ : 28 ซม.
วัสดุของกระทะ : หินอ่อน
ขนาดโดยรวมของกระทะ : 28 x 28 x 8.5 ซม.
เตาที่สามารถใช้ได้ : เตาทุกประเภทรวมทั้งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เหตุผลที่ควรซื้อ
- กระทะก้นลึกพิเศษสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ทั้งผัด ต้มและทอด
- มีการเคลือบกระทะมาอย่างดี ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายอาหารไม่ติดกระทะ
- ผ่านมาตรฐานรับรองความปลอดภัยไม่มีสารก่อมะเร็ง
- กระทะจะไม่มีการสะสมของแบคทีเรียเมื่อใช้งาน
ข้อควรพิจารณา
ต้องใช้ความระมัดระวังพิเศษในการทำความสะอาด
Meyer CAST-IRON กระทะเหล็กหล่อ รุ่น 48122-C
ดีไซน์สวยงาม ทนความร้อนได้สูงถึง 260 °C ใช้ทำอาหารได้ทุกประเภท
ราคา 1,250 บาท*
ข้อมูลสินค้า
เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะ : 26 ซม.
วัสดุของกระทะ : เหล็กหล่อ
ขนาดโดยรวมของกระทะ : 47 x 29 x 7.1 ซม.
เตาที่สามารถใช้ได้ : เตาทุกประเภทรวมทั้งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เหตุผลที่ควรซื้อ
- เก็บความร้อนได้อย่างเหมาะสมและกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
- สามารถใช้ทำอาหารได้ทุกประเภทเพราะทนความร้อนได้สูง
- สามารถนำกระทะเข้าเตาอบได้อย่างปลอดภัย
ข้อควรพิจารณา
ต้องใช้น้ำมันเคลือบกระทะทุกครั้งหลังใช้เพื่อป้องกันการเกิดสนิม
Tefal กระทะก้นลึก รุ่น G1431995
อาหารไม่ติดกระทะ ใช้เทคโนโลยี Thermo Signal จุดกลางกระทะจะเป็นสีแดงเข้มเมื่อถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม
ราคา 870 บาท*
ข้อมูลสินค้า
เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะ : 28 ซม.
วัสดุของกระทะ : วัสดุเคลือบไททาเนียม
ขนาดโดยรวมของกระทะ : 46 x 28 x 10 ซม.
เตาที่สามารถใช้ได้ : เตาทุกประเภทรวมทั้งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีด้ามจับที่ทนทานจับได้ง่ายเพราะผ่านการออกแบบตามสรีรศาสตร์
- ผ่านการเคลือบไททาเนียมทั้งสองด้านทำให้ทำความร้อนได้เร็วมาก
- เทคโนโลยีจุดความร้อนนั้นน่าประทับใจเพราะกระทะจะแสดงอุณหภูมิการปรุงอาหารที่เหมาะสม
- เคลือบสารกันติด PTFE ทำความสะอาดได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
ต้องใช้ความระมัดระวังพิเศษในการทำความสะอาด
Seagull กระทะเทฟลอน
ใช้เทคโนโลยี Forging ทำให้กระทะมีความแข็งแรง ทนทานกว่ากระทะแบบอื่นถึง 44 เท่า
ราคา 1,790 บาท*
ข้อมูลสินค้า
เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะ : 36 ซม.
วัสดุของกระทะ : เทฟลอนและไททาเนียม
ขนาดโดยรวมของกระทะ : 21 x 40 x 7 ซม.
เตาที่สามารถใช้ได้ : เตาทุกประเภทรวมทั้งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เหตุผลที่ควรซื้อ
- มีการเคลือบภายในและภายนอกที่ทนทานเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน
- ทำความสะอาดง่ายด้วยการเคลือบด้วยเทฟลอน ไททาเนียมและ Quantum2
- ใช้งานได้กับเตาทุกประเภท ทำให้การทำอาหารง่ายขึ้น
ข้อควรพิจารณา
ต้องใช้ความระมัดระวังพิเศษในการทำความสะอาด
กระทะทองเหลืองทำมือ
ให้ความร้อนสูง กระจายความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับใช้ทำอาหารหวาน
ราคา 2,299 บาท*
ข้อมูลสินค้า
เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะ : 38 ซม.
วัสดุของกระทะ : ทองเหลือง
ขนาดโดยรวมของกระทะ : ไม่ระบุ
เตาที่สามารถใช้ได้ : เตาแก๊ส
เหตุผลที่ควรซื้อ
- กระทะให้ความร้อนได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ
- วัสดุที่ใช้นำเข้ามาจากญี่ปุ่น มีความทนทานสูงมาก
- หากกระทะมีรอยบุบสามารถซ่อมแซมได้ไม่ต้องซื้อใหม่
ข้อควรพิจารณา
ใช้ได้กับเตาแก๊สเท่านั้น
คุณสมบัติหลักที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อกระทะ
1. ขนาดของกระทะ
โดยทั่วไปแล้วกระทะมีหลายขนาด การเลือกกระทะที่มีขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า คุณจะได้รับความคุ้มค่า ขนาดของกระทะที่พบบ่อยที่สุดคือ 8, 10 และ 12 นิ้ว ขนาดที่เราพูดถึงนั้นหมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของกระทะจากขอบด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากผนังกระทะมักจะทำมุมออกมา ซึ่งหมายความว่าพื้นผิวการปรุงอาหารจริงจะเล็กกว่าขนาดกระทะ 1 หรือ 2 นิ้ว กระทะที่มีขนาด 8 นิ้ว (20 ซม.) ทำให้เป็นกระทะที่ใช้ทอดไข่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่โดยทั่วไปกระทะขนาดนี้มักจะเล็กเกินไปสำหรับการใช้งานมากกว่าหนึ่งคน ส่วนกระทะขนาด 10 นิ้ว (25 ซม.) มักเป็นขนาดที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุดและน่าจะใช้งานได้ดีที่สุด นี่เป็นขนาดที่ดีสำหรับทอดไข่สูงสุดได้ 4 ฟอง ใช้จี่อกไก่ 2 – 3 ชิ้น หรือใช้ทำสเต๊กสองสามชิ้นได้สบาย และแม้ว่าคุณจะทำอาหารสำหรับหนึ่งหรือสองคน แต่คุณจะไม่รู้สึกว่ากระทะนี้ใหญ่เกินไป ส่วนกระทะขนาด 12 นิ้ว (30 ซม.) เป็นกระทะที่เหมาะสำหรับการอาหารในครอบครัวที่มีสมาชิกมากกว่า 4 คน แต่หากคุณทำอาหารเพียง 2 หรือ 3 มื้อ กระทะแบบนี้อาจจะให้ความรู้สึกหนักและเทอะทะเล็กน้อย อีกทั้งอาจรู้สึกยุ่งยากในการจัดเก็บด้วยค่ะ
2. ประเภทเตาที่สามารถใช้ได้
ก่อนซื้อกระทะให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า กระทะที่คุณซื้อสามารถใช้ได้กับแหล่งความร้อนในการปรุงอาหารทั้งหมด หากคุณใช้เตาแก๊สคุณสามารถใช้กระทะได้ทุกประเภทในการประกอบอาหาร แต่ถ้าคุณใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้า คุณควรซื้อกระทะที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งกระทะที่สามารถใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ก็คือ เหล็กกล้าคาร์บอน, เหล็กหล่อ และเหล็กกล้าไร้สนิม ซึ่งวัสดุนี้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับการเหนี่ยวนำไฟฟ้าค่ะ
3. ความปลอดภัยของวัสดุ
ด้านบนเราได้พูดถึงวัสดุของกระทะไปแล้ว แต่ตรงนี้เราจะมาอธิบายเพิ่มเติมกันสักเล็กน้อยค่ะ คุณอาจจะสงสัยว่ากระทะแบบไหนดีที่สุด เราขอตอบตรงนี้เลยว่ากระทะที่ดีที่สุดก็คือ กระทะอะลูมิเนียมเคลือบ Non – Stick หรือเคลือบด้วยพอลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน (โดยทั่วไปเรียกว่า PTFE หรือ เทฟลอน) กระทะแบบนี้มีคุณสมบัติตรงตามชื่อ และให้พื้นผิวการปรุงอาหารที่ไม่ติดกระทะ แม้จะไม่มีเนยหรือน้ำมันก็ตาม กระทะแบบนี้ออกแบบมาเพื่อปรุงอาหารที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เช่น ปลา, ไข่ หรือเครปค่ะ
กระทะที่ดีที่สุดจะต้องปลอดภัยในการปรุงอาหารโดยไม่เพิ่มองค์ประกอบที่เป็นพิษลงในอาหาร ซึ่งปกติแล้วกระทะส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายในทุกวันนี้ต่างมีความปลอดภัยมาก เนื่องจากผ่านการทดสอบขั้นตอนต่าง ๆ มาอย่างดี แต่ถ้าคุณกำลังมองหากระทะเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด คุณควรมองหาวัสดุเกรดอาหารที่มีคุณสมบัติไม่ติดกระทะ หรือเลือกซื้อกระทะเกรด PFOA ค่ะ เพราะกระทะแบบนี้นั้นปราศจากสารเคมีอันตรายค่ะ
4. การออกแบบกระทะและการดูแลรักษา
โดยทั่วไปแล้วกระทะส่วนใหญ่จะมีการออกแบบที่คล้ายกัน เช่น กระทะก้นแบน, กระทะก้นตื้น รวมไปถึงกระทะก้นลึก โดยในส่วนนี้คุณสามารถเลือกตามประเภทของการทำอาหารได้ นอกจากการออกแบบแล้ว การบำรุงรักษาก็มีความสำคัญมากเช่นกัน หากคุณชอบวัสดุที่ทำความสะอาดได้ง่าย วัสดุอย่างสเตนเลส และสารกันติด เป็นทางออกที่ดีที่สุดของคุณ วัสดุเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเคลือบน้ำมัน และทำความสะอาดได้ง่ายมากค่ะ แต่หากคุณใช้กระทะเหล็กหล่อ หรือกระทะเหล็กคาร์บอน คุณต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดเล็กน้อยค่ะ